พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนนี้ ซึ่งเป็นเดือนมหามงคล พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ให้ความสำคัญใน 2 ส่วน คือ การดูแลให้สังคมเกิดความเรียบร้อย และ การสนับสนุนกิจกรรมในช่วงมหามงคล ทุกรูปแบบ
ในงานการดูแลความสงบเรียบร้อยนั้น ขอกลุ่มหรือบุคคลใด อย่าพยายามการดำเนินการใดๆ ในเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาพของความไม่เรียบร้อย และหลีกเลี่ยงนำประเด็นเรื่องราวต่างๆ มาผูกโยง ชี้นำให้สังคมสับสน โดยเฉพาะเพื่อมุ่งหวังให้เกิดผลในมุมต่างๆ ทางการเมือง เชื่อว่า สังคมปัจจุบันคงรู้เท่าทัน อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของหน่วยงาน หรือผู้มีหน้าที่โดยตรงเพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์
ส่วนการเคลื่อนไหวใดๆ ถ้าเจ้าหน้าที่ประเมินว่า เข้าข่ายจะเกิดความไม่เรียบร้อยขึ้น ยังคงจำเป็นที่จะต้องเข้าดำเนินการ เพื่อสร้างบรรยากาศภาพรวมของช่วงเดือนนี้ เป็นช่วงแห่งความสุขของคนไทยทุกคน โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยดุลพินิจอย่างเหมาะสม การทำหน้าที่พยายามปฏิบัติโดยใช้วิธีการที่สมดุลเพื่อไม่ให้เกิดภาพใดๆที่ไม่เหมาะสม จนถูกบุคคลหรือองค์กรใดหยิบไปใช้ขยายผลอย่างไม่ถูกไม่ควร
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากในช่วงเดือนแห่งกิจกรรมมหามงคลนี้ ผบ.ทบ.ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัด สนับสนุนกิจกรรมมหามงคลต่างๆ ในทุกรูปแบบ ทั้งในฐานะผู้ปฏิบัติ ผู้ร่วมปฏิบัติ รวมถึงการเป็นผู้สนับสนุนให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อย่างเต็มขีดความสามารถ
พ.อ.วินธัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การจับกุมกลุ่มผู้เตรียมก่อเหตุ "ขอนแก่นโมเดล" โดยยืนยันว่าไม่มีการจัดฉาก เป็นการกล่าวหาบิดเบือนข้อเท็จจริงของบางบุคคล หวังชี้นำความรู้สึกคน ด้วยการดึงไปเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ ที่ไม่สมเหตุผล หวังทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ แม้ผู้ต้องหาจะถูกคุมขังอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกระทำความผิดไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมามีมาแล้วในหลายกรณี เพราะเชื่อว่าถ้ามีหลักฐานไม่ชัดเจนเพียงพอ คงไม่สามารถขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับมาได้ ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมปกติ สังคมไม่ควรกังวลโดยทั่วไปถ้าเจ้าหน้าที่ดำเนินการใดๆ ด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์แล้ว ตัว จนท.นั้นๆต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
"เชื่อว่าบุคคลใดๆ ที่ไม่ใช่ จนท. แล้วมีข้อมูลไม่ครบถ้วน แสดงเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงบุคคลหรือองค์กรอื่นๆจะต้องระมัดระวังเพราะการให้ข้อมูลใดๆไปแล้วไปมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบุคคล หรือองค์กรนั้น อาจทำให้เกิดผลกระทบทางด้านกฎหมายตามมาได้ ช่วงนี้เริ่มมีบางบุคคลผู้ไม่หวังดี พยายามปลุกกระแสทำลายความน่าเชื่อถือเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มีผลกระทบถึงรัฐบาลและ คสช. ขอให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณต่อการรับฟังข่าวสาร และเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ในการป้องปรามป้องกัน มิให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบเรียบร้อย และการบังคับใช้กฎหมายเข้าดำเนินการทันทีต่อผู้ที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม" พ.อ.วินธัย ระบุ
ในงานการดูแลความสงบเรียบร้อยนั้น ขอกลุ่มหรือบุคคลใด อย่าพยายามการดำเนินการใดๆ ในเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาพของความไม่เรียบร้อย และหลีกเลี่ยงนำประเด็นเรื่องราวต่างๆ มาผูกโยง ชี้นำให้สังคมสับสน โดยเฉพาะเพื่อมุ่งหวังให้เกิดผลในมุมต่างๆ ทางการเมือง เชื่อว่า สังคมปัจจุบันคงรู้เท่าทัน อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของหน่วยงาน หรือผู้มีหน้าที่โดยตรงเพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์
ส่วนการเคลื่อนไหวใดๆ ถ้าเจ้าหน้าที่ประเมินว่า เข้าข่ายจะเกิดความไม่เรียบร้อยขึ้น ยังคงจำเป็นที่จะต้องเข้าดำเนินการ เพื่อสร้างบรรยากาศภาพรวมของช่วงเดือนนี้ เป็นช่วงแห่งความสุขของคนไทยทุกคน โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยดุลพินิจอย่างเหมาะสม การทำหน้าที่พยายามปฏิบัติโดยใช้วิธีการที่สมดุลเพื่อไม่ให้เกิดภาพใดๆที่ไม่เหมาะสม จนถูกบุคคลหรือองค์กรใดหยิบไปใช้ขยายผลอย่างไม่ถูกไม่ควร
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากในช่วงเดือนแห่งกิจกรรมมหามงคลนี้ ผบ.ทบ.ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัด สนับสนุนกิจกรรมมหามงคลต่างๆ ในทุกรูปแบบ ทั้งในฐานะผู้ปฏิบัติ ผู้ร่วมปฏิบัติ รวมถึงการเป็นผู้สนับสนุนให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อย่างเต็มขีดความสามารถ
พ.อ.วินธัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การจับกุมกลุ่มผู้เตรียมก่อเหตุ "ขอนแก่นโมเดล" โดยยืนยันว่าไม่มีการจัดฉาก เป็นการกล่าวหาบิดเบือนข้อเท็จจริงของบางบุคคล หวังชี้นำความรู้สึกคน ด้วยการดึงไปเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ ที่ไม่สมเหตุผล หวังทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ แม้ผู้ต้องหาจะถูกคุมขังอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกระทำความผิดไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมามีมาแล้วในหลายกรณี เพราะเชื่อว่าถ้ามีหลักฐานไม่ชัดเจนเพียงพอ คงไม่สามารถขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับมาได้ ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมปกติ สังคมไม่ควรกังวลโดยทั่วไปถ้าเจ้าหน้าที่ดำเนินการใดๆ ด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์แล้ว ตัว จนท.นั้นๆต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
"เชื่อว่าบุคคลใดๆ ที่ไม่ใช่ จนท. แล้วมีข้อมูลไม่ครบถ้วน แสดงเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงบุคคลหรือองค์กรอื่นๆจะต้องระมัดระวังเพราะการให้ข้อมูลใดๆไปแล้วไปมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบุคคล หรือองค์กรนั้น อาจทำให้เกิดผลกระทบทางด้านกฎหมายตามมาได้ ช่วงนี้เริ่มมีบางบุคคลผู้ไม่หวังดี พยายามปลุกกระแสทำลายความน่าเชื่อถือเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มีผลกระทบถึงรัฐบาลและ คสช. ขอให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณต่อการรับฟังข่าวสาร และเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ในการป้องปรามป้องกัน มิให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบเรียบร้อย และการบังคับใช้กฎหมายเข้าดำเนินการทันทีต่อผู้ที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม" พ.อ.วินธัย ระบุ
