ความโลภ-ความตาย-บนโลกใบนี้!(ตอนสอง)

“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

ความโลภไม่รู้จักพอในเงินทอง-อำนาจ-ทรัพย์สิน ทำลายความสงบสุขมนุษย์และโลกจนสิ้นสูญ..!

สงครามเศรษฐกิจ-การเมือง-การทหาร ฯลฯ ของชาติมหาอำนาจสองขั้วบนโลก นำโดยอเมริกากับรัสเซียและจีน ทวีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ

สถานการณ์ที่ชาติมหาอำนาจทั้งหลาย เปิดศึกต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้โลกไร้ทั้งความสุขสงบและสิ้นสูญศานติลงเรื่อยๆ

จนบางครั้งบางครา..ทำให้ชาวโลกวิตกกังวลว่า อาจเกิดสงครามโลกครั้งสามขึ้นเมื่อใดก็ได้..!

ทั้งนี้เพราะอเมริกาและชาติตะวันตก ไม่เคยหยุดความโลภ โดยใช้กองทัพอันเกรียงไกร ไล่ล่ากอบโกยทรัพยากรอันมีค่า ต่อชาติที่อ่อนแอกว่า ด้วยข้ออ้างเป็น“ตำรวจโลก” ก่อเหตุ“แบ่งแยก-ทำลาย-แล้วปกครอง”ในหลายประเทศที่อ่อนแอกว่า และไม่ยอมสยบต่ออเมริกาและชาติตะวันตก

ขณะที่ชาติมหาอำนาจรัสเซียและจีน ที่ผงาดขึ้นทาบรัศมีอเมริกาและชาติตะวันตก ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองในระดับโลก ก็ต้องการใช้ทรัพยากรล้ำค่าจากชาติต่างๆ เช่นกัน

ทำให้เหตุการณ์ไม่สงบ และสงครามใหญ่น้อยที่เกิดขึ้นในชาติต่างๆ ล้วนมีมหาอำนาจเหล่านี้ เกี่ยวข้องอยู่ทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง ไม่มากก็น้อยทั้งสิ้น

ดังการส่งกองทัพของรัฐบาลทุนสามานย์มะกัน บุกไปโค่นล้มรัฐบาลอัฟกานิสถานและอิรัก แล้วตั้งคนของตนขึ้นเป็นผู้บริหารทั้งสองชาติ เพื่อเอื้อต่อการกอบโกยผลประโยชน์อย่างอยุติธรรม

แต่กองทัพมะกันกลับต้องเผชิญกับกองกำลังประชาชน ในอัฟกานิสถานและอิรัก ที่ออกมาต่อสู้ขับไล่ผู้รุกรานอย่างต่อเนื่อง จนกองทัพมะกันและทหารหุ่นอิรัก ต้องบาดเจ็บล้มตายลงไม่เว้นแต่ละวัน

เมื่อกองทัพหุ่นอิรักยังอ่อนแอ จนคุ้มครองความปลอดภัย ให้กับนายทุนสามานย์มะกัน กอบโกยผลประโยชน์ในอิรักไม่ได้ จึงทำให้กองทัพมะกันต้องติดหล่ม อยู่ในอัฟกานิสถานกับอิรักตราบจนวันนี้

เหตุการณ์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อมะกันกับชาติตะวันตก อ้าง“ประชาธิปไตย” สนับสนุนผู้คน ให้ก่อการขับไล่รัฐบาลต่างๆ ในโลก โดยเฉพาะในลิเบีย ซึ่งมีองค์การสหประชาชาติหนุนหลัง ด้วยมติห้ามเครื่องบินรัฐบาลลิเบียขึ้นบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย

แต่ “กัดดาฟี” ผู้นำลิเบียก็ไม่ยอมลาออก และยังคงเดินหน้าปราบผู้ชุมนุมที่มะกันหนุนหลัง “สหประชาชาติ” จึงได้ลงมติ เปิดทางให้หกชาติพันธมิตรตะวันตก ที่นำโดยอเมริกาเข้าแทรกแซงลิเบีย และปล่อยให้ผู้ชุมนุมสังหารกัดดาฟี และโค่นล้มรัฐบาลลิเบียลง

ในห้วงเดียวกัน..อเมริกากับชาติตะวันตก ก็ได้สนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ ให้กลุ่มกองกำลังที่ขับไล่รัฐบาลซีเรีย “บาชาร์ อัล-อัสซาด”

สงครามล้มรัฐบาลซีเรียก็มีสหประชาชาติ คอย “เป่านกหวีด” ช่วยพันธมิตร อเมริกา-อังกฤษ-ฝรั่งเศส-ซาอุดิอาระเบีย-ตุรกี-กองกำลังกบฏซีเรีย ทำการโค่นล้มรัฐบาลซีเรียทั้งลับและเปิดเผยตลอด

แถมยังมีกองกำลังไอซิส (ISIS) ที่เคลื่อนไหวอยู่ตามชายแดนอิรักและซีเรีย คอยผสมโรงใช้อาวุธโจมตีรัฐบาลซีเรียของอัสซาดอีกด้วย

งานนี้..ทั้งยูเอ็น-มะกันและชาติตะวันตกกับชาติพันธมิตร รวมทั้งกบฏซีเรีย-กลุ่มไอซิส จึงรุมยำใหญ่รัฐบาลซีเรียอย่างหนัก แต่สงครามกลางเมืองที่มุ่งโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรีย มิได้ง่ายดังในลิเบีย เพราะอัสซาดได้ส่งกำลังทหารออกตอบโต้รุกรบ จนฝ่ายกบฏพิชิตรัฐบาลซีเรียไม่ได้ดังปรารถนา

เรื่องมาบานปลายยิ่งขึ้น เมื่อรัฐบาลถูกกฎหมายของประธานาธิบดีอัสซาด ได้ขอให้รัสเซียช่วยปราบกบฏที่ผิดกฎหมายซีเรียอีกแรงหนึ่ง ซึ่งรัสเซียก็ตอบรับด้วยการส่งกำลังทหาร บุกถล่มฝ่ายกบฏซีเรียกับกลุ่มไอซิส ทั้งการรบบนภาคพื้นดินและทางอากาศทันที

แถม “ปูติน” ยังถามดังๆ ว่า ผู้นำมะกันไม่รู้จริงๆ หรือว่า ใครสนับสนุนกลุ่มไอซิส ที่ฆ่าชาวโลกเป็นว่าเล่นในขณะนี้..?

แล้ว “ปูติน” ก็แฉโพยต่อว่า มะกันกับพวกสมาชิกจี 20 บางชาตินั่นแหละ ที่สนับสนุนเงินกับอาวุธให้กลุ่มไอซิส ทั้งยังใช้กลุ่มไอซิสไปโค่นล้มบางรัฐบาล ที่ไม่ยอมสยบให้มะกันกับชาติตะวันตกอีกด้วย

คำพูดตรงไปตรงมาของ “ปูติน” ทำเอาชาวโลกที่รักความเป็นธรรม และรู้ธาตุแท้ของผู้นำมะกันเฮลั่น แถมยังมีมือดีปล่อยคลิป ให้ชาวโลกเห็นขบวนรถกลุ่มไอซิสนับร้อย เคลื่อนไปบนถนนสายหนึ่งในซีเรีย โดยมีเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ของมะกัน บินคุ้มกันบนท้องฟ้าตลอดเวลาอีกด้วย

นิทานอีสปเรื่อง “ชาวนากับงูเห่า” ในอดีต ดันมาตรงกับเรื่อง “มะกันกับไอซิส” ในปัจจุบันเป๊ะเลย!

เพราะกลุ่มไอซิสได้ปฏิบัติการโหดกลางกรุงปารีส เข่นฆ่าชาวฝรั่งเศสตายถึง 129 คน ทำให้มะกันและชาติตะวันตกทั้งหลาย ต้องประกาศศึกกับกลุ่มไอซิสอย่างเต็มตัวทันที

โดย “อินทรีโอบามา” ได้ชวน “หมีขาวปูติน” ให้ร่วมกันกวาดล้างกลุ่มไอซิสในซีเรีย และหยุดโจมตีฝ่ายกบฏซีเรียที่ตนหนุนหลังด้วย
พฤติกรรม “แบ่งแยกแล้วปกครอง” ของมะกัน ก่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบไปทั่วโลก รวมทั้งในตูนีเซีย-อียิปต์-ลิเบีย-ซีเรีย-ยูเครน ฯลฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ไปทั่วโลก จนเกิดผู้ลี้ภัยสงครามหลายล้านคนทั่วทั้งยุโรป ฯลฯ ทำให้เด็ก-สตรี-คนชราและคนหนุ่มสาว ที่ลี้ภัยสงครามล้มตายไปมากมาย

ยิ่งตุรกีที่มีมะกันหนุนหลัง ได้ยิงเครื่องบินรบของรัสเซียตก โดยนักบินหนึ่งในสองคนโดนยิงตายตุรกีอ้างว่าเครื่องบินรัสเซียล้ำน่านฟ้าตุรกี แต่รัสเซียยืนยันว่า..เครื่องบินโดนยิงในน่านฟ้าซีเรีย แถมเฮลิคอปเตอร์อีกลำของรัสเซีย ที่ส่งไปช่วยชีวิตนักบินก็ถูกยิงจนระเบิด ในดินแดนซีเรียอีกด้วย

คำถามคือ ความขัดแย้งของ “ตุรกี” กับ “รัสเซีย” จะบานทะโรคกลายเป็นสงครามใหญ่หรือไม่..?

การเคลื่อนไหวทางการเมืองและการทหาร ที่มุ่งกอบโกยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ของกลุ่มทุนสามานย์มะกันและชาติตะวันตก จึงทำลายความมั่นคงของรัสเซียและจีน ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยปริยาย

ชาติจีนวันนี้..เป็นเจ้าหนี้อันดับหนึ่งของมะกัน เศรษฐกิจจีนก็พุ่งขึ้นจนติดอันดับสองของโลก และกำลังทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งแซงหน้ามะกันอีกด้วย แถมจีนยังโปรยเงินช่วยชาติต่างๆ เสมอ ทำให้จีนมีชาติที่เป็นพันธมิตรมากมาย

อีกทั้งมหาอำนาจจีนกับรัสเซีย ยังมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองทั้งคู่ นิวเคลียร์ในมือของมหาอำนาจทุกฝ่าย จึงเป็น “ดาบสองคม” ที่ก่อทั้งความสงบ และความไม่สงบบนโลกใบนี้ได้ทุกเมื่อ

โลกจะอยู่อย่างสันติได้นานเท่าใด? เพราะมหาอำนาจอเมริกา-ชาติตะวันตก-จีน-รัสเซีย ยังแข่งกันขยายอำนาจและแย่งชิงทรัพยากรล้ำค่าทั่วโลก ด้วยการเอารัดเอาเปรียบชาติที่อ่อนแอกว่า ทั้งทางเศรษฐกิจ-การเมือง-การทหาร ฯลฯ โดยไม่หยุดยั้งตราบจนทุกวันนี้

แนวโน้มสถานการณ์โลกในปัจจุบันและอนาคต จะยิ่งไร้ความสงบสุขและศานติแน่นอน ตราบใดที่ผู้นำชาติมหาอำนาจทั้งหลาย ตกอยู่ภายใต้การบงการของกลุ่มทุนสามานย์ ที่เต็มไปด้วยความโลภไม่รู้จักพอ ในเงินทอง-อำนาจ-ทรัพย์สิน ฯลฯ

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการทุนสามานย์-เผด็จการทหาร-เผด็จการ“คอมมิวนิสต์” ล้วนเป็นอันตรายต่อมนุษย์และโลกเสมอ หากมี “ผู้นำชั่ว” ที่โลภไม่รู้จักพอ ในเงินทอง-อำนาจ-ทรัพย์สิน ฯลฯ

ท่ามกลางอันตรายของโลกเช่นนี้ ชาติไทยจะวางตัวอย่างชาญฉลาด บนความสมดุลและอยู่รอดปลอดภัย จากปาก “อินทรี-หมีขาว-มังกร” เช่นไร?

นั่นคือ..โจทย์สำคัญที่สุดของ “ผู้นำ” ชาติไทยครับ..