ผมเคยเขียนไว้เมื่อเกิดการรัฐประหารใหม่ๆ เสนอให้ผู้ยึดอำนาจได้ปฏิรูปประเทศ ให้สอดคล้องกับพื้นฐานวัฒนธรรมแบบไทยโดยไม่ต้องไปยึดหลักการประชาธิปไตยแบบตะวันตกอย่างเถรตรงจนเกินไป การยึดอำนาจรัฐได้มาในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่เราจะสามารถปรับเปลี่ยนวิถีทางการเมืองไทยให้สอดคล้องกับพื้นฐานสังคมและพลเมืองเพื่อให้การเมืองรับใช้สังคมไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลอย่างแท้จริง โดยยึดโยงกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่องค์พระประมุขทรงชี้แนะแนวทางไว้มานาน หลายสิบปีแล้ว
แต่น่าเสียดายครับ การรัฐประหารที่ผ่านไปกว่าหนึ่งปี มีรัฐบาลที่มีอำนาจรัฐเต็มภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยทั้งตัวนายกรัฐมนตรีกับหัวหน้า คสช.เป็นคนคนเดียวกัน มีสภาปฏิรูปแห่งชาติที่คัดตั้งมากับมือโดย คสช.เอง แต่ทิศทางการบริหารประเทศและการปฏิรูปก็ยังดูจะพยายามยึดโยงกับหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยตามก้นตะวันตกอย่างกริ่งเกรงไม่กล้าพลิกแพลงใดๆอทุกอย่างยังคงดำเนินไปแบบค่อยเป็นค่อยไปตามกระบวนการอทั้งๆอที่ก็เห็นกันอยู่ว่ามันบิดเบี้ยวไปทั้งโครงสร้างกระบวนการทางสังคมและการเมืองไทยเน่าๆอมานานนักแล้ว
ผมรู้สึกหงุดหงิดในใจทุกครั้งที่ผู้นำมักกล่าวอ้างอยู่เนืองๆ ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นใครสร้างใครทำเล่า มาโทษเขาไม่ได้ เขากำลังเข้ามาแก้ และไม่ใช่จะแก้ได้ทันทีทันใจในระยะเวลาสั้นๆ เขาไปแล้วรัฐบาลต่อไปก็ต้องมาสานต่อแก้กันต่อไปสิ
ฟังอย่างนี้ทุกครั้งคนฟังก็ห่อเหี่ยวไปตามๆ กันและได้ข้อสรุปว่า ตกลงการรัฐประหารครั้งนี้ก็ทำได้แค่รักษาความสงบแห่งชาติตามชื่อที่ตั้งมาเท่านั้นเองกระมัง แล้วในที่สุดทุกอย่างก็วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำรอยเดิมต่อไป
ความหวังที่จะเห็นการปฏิรูประบบการเมืองไทยและแนวทางการปฏิรูปโครงสร้างที่บิดเบี้ยวพิกลพิการในแทบทุกกลไกของกระบวนการทางสังคม ก็คงยากที่จะหวังได้
ตอนนี้นักเลือกตั้งและขบวนการพรรคการเมืองก็ซุ่มเงียบปรับเปลี่ยนวิธีการซื้อ เสียงในรูปแบบใหม่ที่แนบเนียนยิ่งขึ้น นัยว่ามีการไปอิงทีมการกีฬาในทุกจังหวัดโดยมีเครือข่ายโยงใยกับ อบต. อบจ. และเทศบาลในระดับต่างๆ อย่างอุ่นหนาฝาคั่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นี่ไงที่ผมเคยเขียนท้าทายว่าต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญได้วิลิศมาหราเพียงใด ก็ลองไปเลือกตั้งดูสิว่า จะกีดกันขวางกั้นนักเลือกตั้งได้ไหม ระบอบทักษิณอาจแปลงร่างมาใหม่ร้ายกาจกว่าเดิม ก็เป็นได้นะ
ที่น่าเสียดายคือโอกาสสำหรับประเทศไทย ที่ควรเป็นจังหวะที่จะใช้อำนาจพิเศษเด็ดขาดจัดการบูรณะปฏิสังขรณ์พลิกฟื้นประเทศใหม่ให้เจริญรุดหน้าก้าวไกล แบบหลายประเทศในแถบเอเชีย และอุษาคเนย์ แต่ก็ไม่ทำจริงจัง ทุกอย่างยังคงติดกับอยู่กับหลักการประชาธิปไตยแบบตามก้นตะวันตกเหมือนที่ผ่านมา
และเชื่อเถิดว่าตราบใดที่เรายังกริ่งเกรงอำนาจอิทธิพลจากประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลกเป็นพี่เบิ้มใหญ่ เราก็ต้องเดินตามก้นกันไปแบบแม่ปูกับลูกปูในนิทานอีสป ที่แม่ปูพร่ำสอนให้ลูกปูเดินให้ตรงทางอย่าเดินโย้เย้โซซัดโซเซ ทั้งๆ ที่แม่ปูเองก็ทำไม่ได้เลย
หลายวันก่อนผมอ่านบทความของอาจารย์ชัยอนันต์ สมุทรวณิช ท่านแจกแจงเปิดแผลเน่าของอเมริกาให้เห็นเป็นตัวอย่างหลายข้อหลายกระทง และสรุปว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ชอบเสือกเข้าไปยุ่งกับประเทศต่างๆ ทั้งที่ปัญหาตัวเองก็มีมากมายที่ยังแก้ไม่ได้
อาจารย์ชัยอนันต์เสนอแนะว่า เราควรมีรายงานประจำปีบ้าง เรียกร้องให้อเมริกาลดความรุนแรง เลิกขายอาวุธสงครามง่ายๆ ลดการเหยียดผิว ดูแลคนชราให้ดีกว่านี้
หากเรามีรายงานอย่างนี้บ้าง เขาจะว่าอย่างไร
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ประเทศไทยนอกจากไม่ต้องเดินตามก้นอเมริกาแบบเด็กดีแล้ว ทุกปีควรมีรายงานแบบตอบโต้ ชี้ให้เห็นแผลเน่าของอเมริกาบ้าง เพื่อปรามไม่ให้มาเสือกกับประเทศเรามากเกินไป
หรือถ้ากลัวกระทบกระเทือนสัมพันธภาพกับพี่เบิ้ม ก็เก็บงำรายงานนี้ไว้ก็ได้ แหยมเสือกเข้ามาเมื่อไหร่ ค่อยงัดรายงานตอบโต้ตีแสกหน้ามันไป
การชอบอ้างว่าเราเป็นประเทศเล็กต้องพึ่งพามหาอำนาจ ผมว่าลองกลับมาทบทวนใหม่ว่า เราจะมีวิธีพึ่งพาตนเองแบบหลักเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างไร และค่อยๆ พัฒนาประเทศไปแบบเป็นตัวของตัวเองจะดีกว่าไหม
ผมกลับไปอ่านบทกวีที่เขียนไว้เมื่อรัฐประหารครั้งล่าสุดไม่กี่วัน ผ่านมาปีกว่า เห็นว่ายังน่าอ่านน่าใคร่ครวญดูนะครับ
“ต้องกล้าเปลี่ยนการเมืองไทย”
อาณาจักรประเทศจีนอันยิ่งใหญ่
ปกครองด้วยกลไกอันเชื่อมั่น
“ประโยชน์สุขคนจีนทุกเผ่าพันธุ์”
คือหลักการสำคัญการปกครอง
ประชากรร่วมกันเป็นพันล้าน
สังคมนิยมขับขานอย่างแคล่วคล่อง
อยู่ร่วมสังคมโลกตามครรลอง
ในท่วงทำนองแบบของตน
ไม่เคยตื่นตามโลกาภิวัตน์
ยืนหยัดขนบจีนอย่างเข้มข้น
ปกครองโดยสภาประชาชน
ไม่เดินตามก้นประชาธิปไตย
ทำไมการเมืองไทยวิตกจริต
ตามก้นติดตะวันตกกันยกใหญ่
ไม่พลิกฟื้นพื้นฐานความเป็นไทย
ทำไมต้องตามก้นอเมริกา
เกี่ยวก้อยการเมืองเป็นธุรกิจ
เอาเลือกตั้งทุจริตตั้งบังหน้า
แลกเปลี่ยนอธิปไตยด้วยเงินตรา
เสียงข้างมากจึงได้มาอย่างสามานย์
ระบอบการเมืองไทยจึงโสมม
สร้างปัญหาสะสมอยู่รอบด้าน
ก็ยังดื้อยังด้านยังดักดาน
จะเลือกการปกครองประชาธิปไตย
ถึงเวลาต้องกล้าแหวกแหกคอกแล้ว
กำหนดแนวปกครองประเทศใหม่
สุดแท้แต่จะเรียก ระบอบอะไร?
ขอให้เป็น “ประเทศไทย-แผ่นดินธรรม”
ว.แหวนลงยา