ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
คุณท่านผู้นำได้ไปต่างประเทศร่วมประชุมวาระสำคัญกับผู้นำชาติมหาอำนาจทางอาวุธและเศรษฐกิจ ถกปัญหาและแสดงทัศนวิสัยไอเดียกระฉูดหลายเรื่อง ทำเอาชาวบ้านอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าหัวหน้ารัฐบาลสามารถผ่านการทดสอบบนเวทีโลกไปได้สบาย คนไทยไม่ต้องแขม่วท้อง หายใจติดๆ ขัดๆ
ต่างจากยุคแม่นางโฉมสะคราญหวานฉ่ำเยิ้มนักเพาะเห็ด ไปต่างประเทศ แต่ละครั้งคนไทยอยู่ทั้งในและเมืองนอกแย่งกันซื้อปี๊บเอามาคลุมหัว ไม่อยากตากหน้าสบตาชาวประชาคมโลก
ผู้นำประเทศอย่างแม่นางนับว่าหายากยิ่งในยุคที่ต้องประชันด้านความรู้ ความฉลาด แม้จะเฟอะฟะด้วยความบริสุทธิ์ใจซ้ำซากอย่างไร แม่นางไม่เคยรู้สึก ถึงความจำเป็นต้องอับอายขายหน้า
“ช่างมันฉันไม่แคร์” อะไรอย่างนั้นเลย เสียงนินทากาเลจึงไม่เป็นประเด็นต้องมารกหัวใจ
แต่คุณท่านชายชาติทหารอยู่ในระดับคุณชายละเอียด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆถูกเก็บตกครบถ้วน พูดจาเข้าหูมีเหตุผล แบบสร้างสรรค์ตามแนวคิดของท่านก็ว่ากันไป ยอมรับได้
ถ้าผิดคิว ผิดจังหวะ ใครออกแนวหาเรื่องด่า อาจต้องให้เจ้าหน้าที่เชิญมาปรับทัศนคติ เหมือนต้องการให้อยู่ในเบ้าหลอมความคิดเดียวกันเพื่อจรรโลงหลักการสมานฉันท์ปรองดองบ้านเมืองสงบ
ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคุณท่านเช่นกันว่าช่วงไหนมีเรื่องกวนใจ สร้างความกังวล มีวิกฤตหนักอกแบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออก เกินขีดความสามารถจะจัดการได้ แม้จะมีอำนาจมาตรา 44 ก็ตาม
เอาเถอะ นั่นเป็นเรื่องอนาคต “ชะตาคนมิสู้ฟ้าลิขิต” อย่างที่นิยายบู๊ลิ้มมักกล่าวถึง ภาษานักบัญชีบอกว่า “ถ้ามีหนี้สิน ย่อมมีวันต้องชดใช้” ใครสร้างกรรมใด ต้องชดใช้กรรม ไม่ช้าก็เร็ว
ฝรั่งยังบอกว่า “What goes around, comes around. What goes up must come down” กรรมใดใครก่อ คนนั้นย่อมต้องรับกรรม ขึ้นได้ก็ลงได้ มีรุ่งก็ต้องมีร่วง
อะไรที่คุณท่านผู้นำต้องเผชิญด้วยเหตุหรือผลของการบริหารจัดการบ้านเมือง หรืออุบัติเหตุอื่นใด ย่อมขึ้นอยู่กับบุญวาสนาชะตากรรม บางเรื่องคนอื่นช่วยไม่ได้จริงๆ เป็นเรื่องเฉพาะตัว
หวังว่าเจตนาดีที่มีอยู่จะช่วยประคับประคองให้คุณท่านพ้นวิกฤตหนักอกไปได้
เมื่อยังอยู่ในตำแหน่ง ก็มีประเด็นค้างคามาเตือนความจำ เกรงว่าจะลืม ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ศรัทธา เพราะคุณท่านประกาศให้ชาวบ้านและชาวโลกได้รับรู้ก่อนหน้านี้แล้ว
เอาเพียง 2 เรื่อง นั่นคือ หลักการของเศรษฐกิจพอเพียง การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องความอยู่รอดของบ้านเมืองในระยะยาว และสุขภาพ ชีวิต ความปลอดภัยของประชาชน
ทั้ง 2 เรื่อง คุณท่านประกาศโขมงโฉงเฉงเมื่อรับตำแหน่งใหม่ๆ ช่วงนั้นอาจนึกอะไรไม่แจ่มชัด ก็พูดไปให้ชาวบ้านรู้ว่ามีอะไรดีๆ สำหรับบ้านเมืองและประชาชนระดับล่างถึงกลาง
คุณท่านยังไปตอกย้ำให้ชาวโลกได้ฟังเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ช่วงไปเปิดตัวที่การประชุมใหญ่ประจำปีของสหประชาชาติอีกด้วย ชาวบ้านประทับใจมากในความตั้งใจต่อการฟื้นฟูบ้านเมือง
จากนั้นชาวบ้านไม่ได้เห็นความกระตือรือร้นเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะมีลำดับความสำคัญต่างกัน แต่ก็รอจนแล้วจนเล่า ชาวบ้านได้ยินแต่การเปิดแผนโครงการใหญ่ๆ ทั้งรถไฟความเร็วระดับต่างๆ
ชาวบ้านฟังแล้วก็ปลื้ม จากนั้นมีโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 10 แห่ง มาตรการส่งเสริมการลงทุน การลดภาษี การกระตุ้นภาคอุตสาหกรรม การช่วยเหลือด้านเงินลงทุนหมื่นล้านบาท
ชาวบ้านชะเง้อคอ เงี่ยหูฟังเรื่องเกษตรอินทรีย์ เศรษฐกิจพอเพียง ก็เป็นเพียงหูแว่ว ที่ได้ยินเสียงดังฟังชัดคือแผนการ โครงการเอื้อเศรษฐกิจการลงทุนระดับเจ้าสัวทั้งนั้น
ทำให้นึกขึ้นได้ว่าคุณท่านเคยประกาศในงานเปิดตัวงานอัญมณีแห่งหนึ่งว่า “มีความสุขในกลุ่มคนรวย” เพราะเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าเศรษฐกิจระดับชาวบ้าน
ทั้งยังมีแผนทำโรดโชว์เดินสายชักชวนนักลงทุนจากญี่ปุ่นให้เข้ามาอีก โดยเฉพาะโครงการรถไฟและอุตสาหกรรมทวาย ประเทศพม่า นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องเกษตรอินทรีย์และเศรษฐกิจพอเพียงแน่
การค้าขายมุ่งกำไรโดยนักลงทุนข้ามชาติย่อมไม่มีคำว่า “พอเพียง” มีแต่คำว่า “เท่าไรก็ไม่พอ”
และยิ่งมีมาตรการทางภาษีอวยนักลงทุนให้เข้ามากอบโกยประโยชน์จากทรัพย์สินแผ่นดินด้วยแล้ว ชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาได้แต่ทำตาปริบๆ เพราะเป็นกลุ่มด้อยโอกาสทำมาหากินคำใหญ่
ชาวบ้านเข้าใจว่าโครงการขนาดใหญ่ การลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ แต่อำนาจการซื้อทั่วไปอย่างแท้จริงเป็นของประชาชน
สินค้าผลิตมา ถ้าตลาดส่งออกซบเซา ชาวบ้านไม่มีงานทำ ชาวนาทำนาไม่ได้ ย่อมไม่มีอำนาจการซื้อ เศรษฐกิจโดยรวมถดถอย เกิดภาวะเงินฝืดนานถึง 10 เดือน จะลืมตาอ้าปากเห็นเดือนเห็นตะวันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ชาวนาเผชิญปัญหาภัยแล้งรัฐบาลแนะให้งดเว้นทำนาให้ปลูกพืชกินน้ำน้อยแทน
พืชน้ำน้อยก็ต้องการน้ำเช่นกัน จะปลูกอะไร เอาไปขายที่ไหน ชาวนายังต้องการกินข้าว
คุณท่านควรคำนึงถึงเศรษฐกิจระดับชาวบ้านอย่างมาก ภาวะเงินฝืดคือหลักฐานฟ้องให้เห็นชัด จะหวังให้คนรวยกระตุ้นเศรษฐกิจ เขาก็หวังรวยมากกว่าที่เป็นอยู่ จากเงินส่วนหนึ่งของชาวบ้าน
ในประเทศไหนมีคนรวยช่วยเหลือคนจนอย่างจริงจังบ้าง เว้นแต่เศรษฐีใจบุญบางคนเท่านั้น ในเมืองไทยมีแต่ชาวนาสร้างเศรษฐี ไม่เคยมีเศรษฐียกระดับชาวนาให้เป็นคนรวยจากการขายข้าว มีแต่ขายนา พื้นที่เกษตรเอาไปทำรีสอร์ท หมู่บ้าน โรงงาน หรือให้เจ้าสัวสะสมที่ดินเป็นแสนๆ ไร่
แม้แต่ธนาคารเกี่ยวกับเกษตรยังมีเจ้าหน้าที่รับภารกิจพิเศษรวบรวมโฉนดที่นาหลุดจำนองให้ได้ผืนใหญ่เอาไปประเคนให้เจ้าสัวขยายแลนด์แบงก์หรือเพิ่มการถือครองที่ดิน
คุณท่านน่าจะรู้ว่า ถ้าไม่มีการปฏิรูปที่ดิน ปรับเปลี่ยนจำกัดการถือครอง ต่อไปคงไม่มีชาวนาเป็นเจ้าของที่ดินเอง มีแต่ชาวนาเช่าที่ดิน คนไทยต้องซื้อข้าวจากนาเจ้าสัว หรือจากประเทศเพื่อนบ้าน
ระบบเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ จะเรียกให้โก้ว่าเป็นระบบตลาดเสรีก็ได้ ถ้าจะเรียกให้ถูกคือ “เศรษฐกิจเสรีแบบทุนนิยมสามานย์ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ซึ่งตรงกันข้ามและขัดแย้งกับระบบเศรษฐกิจพอเพียงที่คุณท่านไปนำเสนอที่สหประชาชาติให้คนฟังแล้วซึ้งใจนั่นแหละ
ระบบเกษตรทุกวันนี้คือการผลิตอาหารปนเปื้อนสารพิษเคมีสารพัดให้ชาวบ้านกินตายแบบผ่อนส่ง การปศุสัตว์มีการใช้สารเคมียาปฏิชีวนะ อาหารทะเลมีฟอร์มาลินให้ชาวบ้านสะสมสารก่อมะเร็ง
ผู้บริหารบ้านเมืองแต่ละยุคไม่เคยจริงใจช่วยเหลือชาวนาเกษตรกร ไม่ห่วงชาวบ้านว่าจะตายผ่อนส่งจากอาหารปนเปื้อนสารพิษ ห่วงแต่เศรษฐกิจระดับเจ้าสัว นักลงทุนข้ามชาติ
พูดแบบนี้จะทำให้เสียบรรยากาศการลงทุนมั้ย คุณท่านยังมีโอกาสช่วยเหลือประชาชนโดยรวมและเศรษฐกิจแบบยั่งยืนด้วยการห้ามใช้เคมีเกษตรทุกประเภท ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์
และต้องไม่ลืมส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง จริงใจ เพราะได้ประกาศไปแล้ว อย่าให้ใครค่อนแคะว่าดีแต่พูด จะทำให้อารมณ์เสีย ล้งเล้งอีก
โดย โสภณ องค์การณ์
คุณท่านผู้นำได้ไปต่างประเทศร่วมประชุมวาระสำคัญกับผู้นำชาติมหาอำนาจทางอาวุธและเศรษฐกิจ ถกปัญหาและแสดงทัศนวิสัยไอเดียกระฉูดหลายเรื่อง ทำเอาชาวบ้านอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าหัวหน้ารัฐบาลสามารถผ่านการทดสอบบนเวทีโลกไปได้สบาย คนไทยไม่ต้องแขม่วท้อง หายใจติดๆ ขัดๆ
ต่างจากยุคแม่นางโฉมสะคราญหวานฉ่ำเยิ้มนักเพาะเห็ด ไปต่างประเทศ แต่ละครั้งคนไทยอยู่ทั้งในและเมืองนอกแย่งกันซื้อปี๊บเอามาคลุมหัว ไม่อยากตากหน้าสบตาชาวประชาคมโลก
ผู้นำประเทศอย่างแม่นางนับว่าหายากยิ่งในยุคที่ต้องประชันด้านความรู้ ความฉลาด แม้จะเฟอะฟะด้วยความบริสุทธิ์ใจซ้ำซากอย่างไร แม่นางไม่เคยรู้สึก ถึงความจำเป็นต้องอับอายขายหน้า
“ช่างมันฉันไม่แคร์” อะไรอย่างนั้นเลย เสียงนินทากาเลจึงไม่เป็นประเด็นต้องมารกหัวใจ
แต่คุณท่านชายชาติทหารอยู่ในระดับคุณชายละเอียด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆถูกเก็บตกครบถ้วน พูดจาเข้าหูมีเหตุผล แบบสร้างสรรค์ตามแนวคิดของท่านก็ว่ากันไป ยอมรับได้
ถ้าผิดคิว ผิดจังหวะ ใครออกแนวหาเรื่องด่า อาจต้องให้เจ้าหน้าที่เชิญมาปรับทัศนคติ เหมือนต้องการให้อยู่ในเบ้าหลอมความคิดเดียวกันเพื่อจรรโลงหลักการสมานฉันท์ปรองดองบ้านเมืองสงบ
ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคุณท่านเช่นกันว่าช่วงไหนมีเรื่องกวนใจ สร้างความกังวล มีวิกฤตหนักอกแบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออก เกินขีดความสามารถจะจัดการได้ แม้จะมีอำนาจมาตรา 44 ก็ตาม
เอาเถอะ นั่นเป็นเรื่องอนาคต “ชะตาคนมิสู้ฟ้าลิขิต” อย่างที่นิยายบู๊ลิ้มมักกล่าวถึง ภาษานักบัญชีบอกว่า “ถ้ามีหนี้สิน ย่อมมีวันต้องชดใช้” ใครสร้างกรรมใด ต้องชดใช้กรรม ไม่ช้าก็เร็ว
ฝรั่งยังบอกว่า “What goes around, comes around. What goes up must come down” กรรมใดใครก่อ คนนั้นย่อมต้องรับกรรม ขึ้นได้ก็ลงได้ มีรุ่งก็ต้องมีร่วง
อะไรที่คุณท่านผู้นำต้องเผชิญด้วยเหตุหรือผลของการบริหารจัดการบ้านเมือง หรืออุบัติเหตุอื่นใด ย่อมขึ้นอยู่กับบุญวาสนาชะตากรรม บางเรื่องคนอื่นช่วยไม่ได้จริงๆ เป็นเรื่องเฉพาะตัว
หวังว่าเจตนาดีที่มีอยู่จะช่วยประคับประคองให้คุณท่านพ้นวิกฤตหนักอกไปได้
เมื่อยังอยู่ในตำแหน่ง ก็มีประเด็นค้างคามาเตือนความจำ เกรงว่าจะลืม ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ศรัทธา เพราะคุณท่านประกาศให้ชาวบ้านและชาวโลกได้รับรู้ก่อนหน้านี้แล้ว
เอาเพียง 2 เรื่อง นั่นคือ หลักการของเศรษฐกิจพอเพียง การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องความอยู่รอดของบ้านเมืองในระยะยาว และสุขภาพ ชีวิต ความปลอดภัยของประชาชน
ทั้ง 2 เรื่อง คุณท่านประกาศโขมงโฉงเฉงเมื่อรับตำแหน่งใหม่ๆ ช่วงนั้นอาจนึกอะไรไม่แจ่มชัด ก็พูดไปให้ชาวบ้านรู้ว่ามีอะไรดีๆ สำหรับบ้านเมืองและประชาชนระดับล่างถึงกลาง
คุณท่านยังไปตอกย้ำให้ชาวโลกได้ฟังเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ช่วงไปเปิดตัวที่การประชุมใหญ่ประจำปีของสหประชาชาติอีกด้วย ชาวบ้านประทับใจมากในความตั้งใจต่อการฟื้นฟูบ้านเมือง
จากนั้นชาวบ้านไม่ได้เห็นความกระตือรือร้นเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะมีลำดับความสำคัญต่างกัน แต่ก็รอจนแล้วจนเล่า ชาวบ้านได้ยินแต่การเปิดแผนโครงการใหญ่ๆ ทั้งรถไฟความเร็วระดับต่างๆ
ชาวบ้านฟังแล้วก็ปลื้ม จากนั้นมีโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 10 แห่ง มาตรการส่งเสริมการลงทุน การลดภาษี การกระตุ้นภาคอุตสาหกรรม การช่วยเหลือด้านเงินลงทุนหมื่นล้านบาท
ชาวบ้านชะเง้อคอ เงี่ยหูฟังเรื่องเกษตรอินทรีย์ เศรษฐกิจพอเพียง ก็เป็นเพียงหูแว่ว ที่ได้ยินเสียงดังฟังชัดคือแผนการ โครงการเอื้อเศรษฐกิจการลงทุนระดับเจ้าสัวทั้งนั้น
ทำให้นึกขึ้นได้ว่าคุณท่านเคยประกาศในงานเปิดตัวงานอัญมณีแห่งหนึ่งว่า “มีความสุขในกลุ่มคนรวย” เพราะเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าเศรษฐกิจระดับชาวบ้าน
ทั้งยังมีแผนทำโรดโชว์เดินสายชักชวนนักลงทุนจากญี่ปุ่นให้เข้ามาอีก โดยเฉพาะโครงการรถไฟและอุตสาหกรรมทวาย ประเทศพม่า นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องเกษตรอินทรีย์และเศรษฐกิจพอเพียงแน่
การค้าขายมุ่งกำไรโดยนักลงทุนข้ามชาติย่อมไม่มีคำว่า “พอเพียง” มีแต่คำว่า “เท่าไรก็ไม่พอ”
และยิ่งมีมาตรการทางภาษีอวยนักลงทุนให้เข้ามากอบโกยประโยชน์จากทรัพย์สินแผ่นดินด้วยแล้ว ชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาได้แต่ทำตาปริบๆ เพราะเป็นกลุ่มด้อยโอกาสทำมาหากินคำใหญ่
ชาวบ้านเข้าใจว่าโครงการขนาดใหญ่ การลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ แต่อำนาจการซื้อทั่วไปอย่างแท้จริงเป็นของประชาชน
สินค้าผลิตมา ถ้าตลาดส่งออกซบเซา ชาวบ้านไม่มีงานทำ ชาวนาทำนาไม่ได้ ย่อมไม่มีอำนาจการซื้อ เศรษฐกิจโดยรวมถดถอย เกิดภาวะเงินฝืดนานถึง 10 เดือน จะลืมตาอ้าปากเห็นเดือนเห็นตะวันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ชาวนาเผชิญปัญหาภัยแล้งรัฐบาลแนะให้งดเว้นทำนาให้ปลูกพืชกินน้ำน้อยแทน
พืชน้ำน้อยก็ต้องการน้ำเช่นกัน จะปลูกอะไร เอาไปขายที่ไหน ชาวนายังต้องการกินข้าว
คุณท่านควรคำนึงถึงเศรษฐกิจระดับชาวบ้านอย่างมาก ภาวะเงินฝืดคือหลักฐานฟ้องให้เห็นชัด จะหวังให้คนรวยกระตุ้นเศรษฐกิจ เขาก็หวังรวยมากกว่าที่เป็นอยู่ จากเงินส่วนหนึ่งของชาวบ้าน
ในประเทศไหนมีคนรวยช่วยเหลือคนจนอย่างจริงจังบ้าง เว้นแต่เศรษฐีใจบุญบางคนเท่านั้น ในเมืองไทยมีแต่ชาวนาสร้างเศรษฐี ไม่เคยมีเศรษฐียกระดับชาวนาให้เป็นคนรวยจากการขายข้าว มีแต่ขายนา พื้นที่เกษตรเอาไปทำรีสอร์ท หมู่บ้าน โรงงาน หรือให้เจ้าสัวสะสมที่ดินเป็นแสนๆ ไร่
แม้แต่ธนาคารเกี่ยวกับเกษตรยังมีเจ้าหน้าที่รับภารกิจพิเศษรวบรวมโฉนดที่นาหลุดจำนองให้ได้ผืนใหญ่เอาไปประเคนให้เจ้าสัวขยายแลนด์แบงก์หรือเพิ่มการถือครองที่ดิน
คุณท่านน่าจะรู้ว่า ถ้าไม่มีการปฏิรูปที่ดิน ปรับเปลี่ยนจำกัดการถือครอง ต่อไปคงไม่มีชาวนาเป็นเจ้าของที่ดินเอง มีแต่ชาวนาเช่าที่ดิน คนไทยต้องซื้อข้าวจากนาเจ้าสัว หรือจากประเทศเพื่อนบ้าน
ระบบเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ จะเรียกให้โก้ว่าเป็นระบบตลาดเสรีก็ได้ ถ้าจะเรียกให้ถูกคือ “เศรษฐกิจเสรีแบบทุนนิยมสามานย์ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ซึ่งตรงกันข้ามและขัดแย้งกับระบบเศรษฐกิจพอเพียงที่คุณท่านไปนำเสนอที่สหประชาชาติให้คนฟังแล้วซึ้งใจนั่นแหละ
ระบบเกษตรทุกวันนี้คือการผลิตอาหารปนเปื้อนสารพิษเคมีสารพัดให้ชาวบ้านกินตายแบบผ่อนส่ง การปศุสัตว์มีการใช้สารเคมียาปฏิชีวนะ อาหารทะเลมีฟอร์มาลินให้ชาวบ้านสะสมสารก่อมะเร็ง
ผู้บริหารบ้านเมืองแต่ละยุคไม่เคยจริงใจช่วยเหลือชาวนาเกษตรกร ไม่ห่วงชาวบ้านว่าจะตายผ่อนส่งจากอาหารปนเปื้อนสารพิษ ห่วงแต่เศรษฐกิจระดับเจ้าสัว นักลงทุนข้ามชาติ
พูดแบบนี้จะทำให้เสียบรรยากาศการลงทุนมั้ย คุณท่านยังมีโอกาสช่วยเหลือประชาชนโดยรวมและเศรษฐกิจแบบยั่งยืนด้วยการห้ามใช้เคมีเกษตรทุกประเภท ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์
และต้องไม่ลืมส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง จริงใจ เพราะได้ประกาศไปแล้ว อย่าให้ใครค่อนแคะว่าดีแต่พูด จะทำให้อารมณ์เสีย ล้งเล้งอีก