เมื่อเวลา 09.30 น.วานนี้ (19พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ. 4077/2546 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซียะ อดีตส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา น.ส.วรรณา ล้อไพบูลย์ คนสนิทนางเขมพร และ นายถวิล สวัสดี (เสียชีวิตแล้ว) เป็นจำเลย ที่ 1-4 ในความผิดฐานกรรโชกทรัพย์, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฮั้วประมูล)
โจทก์ฟ้องบรรยายพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลย สรุปว่า เมื่อระหว่างปี 2542-2544 จำเลยร่วมกันฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ ใน จ.กาญจนบุรี และเพชรบุรี หลายโครงการ กระทั่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค.44 จำเลยที่ 4 พร้อมนายสมศักดิ์ ศรีสุข เลขานุการของกำนันเซียะ กับพวกอีกหลายคน ที่ศาลอาญาพิพากษาลงโทษไปแล้ว เมื่อปี 2546 ได้ร่วมกันกระทำความผิดข้อหาอั้งยี่ เข้าขัดขวางไม่ให้บริษัท วัสดุเซ็นเตอร์ จำกัด เข้าเสนอราคา โดยได้กักตัว นายเดชา มาศวรรณา ตัวแทนบริษัทไว้ พร้อมเสนอให้รับเงิน 1 หมื่นบาทเพื่อไม่ให้เข้าร่วมการเสนอราคา แต่เมื่อนายเดชาไม่ยินยอม นายสมศักดิ์ กับพวกได้ใช้กำลังประทุษร้าย ต่อมาจำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน พร้อมให้การปฏิเสธ
คดีดังกล่าว ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำคุก นายประชา หรือกำนันเซียะ เป็นเวลา 5 ปี ฐานเป็นหัวหน้าหรือผู้มีตำแหน่งในอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรค 2 ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้จำคุกคนละ 4 ปี ฐานเป็นอั้งยี่ ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.50 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด อัยการโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษพวกจำเลย
เมื่อวานนี้ (19พ.ย.) นางเขมพร จำเลยที่ 2 เดินทางมาศาล ส่วนนายประชา จำเลยที่ 1 และ น.ส.วรรณา จำเลยที่ 3 ได้มอบอำนาจให้ทนายความมาฟังคำพิพากษาแทน พร้อมแถลงต่อศาลว่า จำเลยที่ 1 ยังพักรักษาตัวอยู่ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา และโรคหัวใจกำเริบ พร้อมกับมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน ส่วนจำเลยที่ 3 ทนายแถลงว่า ไม่สามารถติดต่อได้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนฟังพิพากษานั้น ศาลไม่อนุญาต เนื่องจากได้รักษาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุมาเป็นเวลานานกว่า 3 เดือนแล้ว ไม่ใช่อาการเจ็บป่วยจนถึงขนาดมาศาลไม่ได้ ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้ง ในวันที่ 22 ธ.ค.58 เวลา 09.00 น. และกำชับให้จำเลยทั้งหมด มาศาลตามนัด
โจทก์ฟ้องบรรยายพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลย สรุปว่า เมื่อระหว่างปี 2542-2544 จำเลยร่วมกันฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ ใน จ.กาญจนบุรี และเพชรบุรี หลายโครงการ กระทั่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค.44 จำเลยที่ 4 พร้อมนายสมศักดิ์ ศรีสุข เลขานุการของกำนันเซียะ กับพวกอีกหลายคน ที่ศาลอาญาพิพากษาลงโทษไปแล้ว เมื่อปี 2546 ได้ร่วมกันกระทำความผิดข้อหาอั้งยี่ เข้าขัดขวางไม่ให้บริษัท วัสดุเซ็นเตอร์ จำกัด เข้าเสนอราคา โดยได้กักตัว นายเดชา มาศวรรณา ตัวแทนบริษัทไว้ พร้อมเสนอให้รับเงิน 1 หมื่นบาทเพื่อไม่ให้เข้าร่วมการเสนอราคา แต่เมื่อนายเดชาไม่ยินยอม นายสมศักดิ์ กับพวกได้ใช้กำลังประทุษร้าย ต่อมาจำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน พร้อมให้การปฏิเสธ
คดีดังกล่าว ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำคุก นายประชา หรือกำนันเซียะ เป็นเวลา 5 ปี ฐานเป็นหัวหน้าหรือผู้มีตำแหน่งในอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรค 2 ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้จำคุกคนละ 4 ปี ฐานเป็นอั้งยี่ ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.50 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด อัยการโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษพวกจำเลย
เมื่อวานนี้ (19พ.ย.) นางเขมพร จำเลยที่ 2 เดินทางมาศาล ส่วนนายประชา จำเลยที่ 1 และ น.ส.วรรณา จำเลยที่ 3 ได้มอบอำนาจให้ทนายความมาฟังคำพิพากษาแทน พร้อมแถลงต่อศาลว่า จำเลยที่ 1 ยังพักรักษาตัวอยู่ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา และโรคหัวใจกำเริบ พร้อมกับมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน ส่วนจำเลยที่ 3 ทนายแถลงว่า ไม่สามารถติดต่อได้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนฟังพิพากษานั้น ศาลไม่อนุญาต เนื่องจากได้รักษาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุมาเป็นเวลานานกว่า 3 เดือนแล้ว ไม่ใช่อาการเจ็บป่วยจนถึงขนาดมาศาลไม่ได้ ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้ง ในวันที่ 22 ธ.ค.58 เวลา 09.00 น. และกำชับให้จำเลยทั้งหมด มาศาลตามนัด