ผู้จัดการรายวัน360 - "ประวิตร" เซ็นใบลาออก “พล.ต.” คู่ซี้ “คชาชาติ” แล้ว อ้างยังไม่มีคนร้องทุกข์ทุจริต “อุทยานราชภักดิ์” ปัดเรียก"บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู" แจง ยันยังไม่มีทหารเอี่ยวผิด ม.112 เพิ่ม ด้าน "บิ๊กหมู" สั่งตั้ง กก.สอบอุทยานฯขีดเส้นรู้ผลใน1 สัปดาห์ “เสธ.ต๊อด” เผย ก.กลาโหมสั่งปลด "ผู้การโจ้" แล้ว “ราชทัณฑ์” ยัน “อาท” ยังอยู่ ขณะที่ "ศรีวราห์" หอบสำนวนแก๊งหมิ่นฯส่งให้กองคดีฯ เชื่อหลักฐานแน่นเอาผิดได้
วานนี้ (12 พ.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่าได้ลงนามในหนังสือขอลาออกจากราชการของนายทหารยศ "พล.ต." เพื่อนสนิท พ.อ.คชาชาติ บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 ผู้ต้องหาตามหมายจับความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เซียนพระรายหนึ่งเรียกรับเงินค่าหัวคิวจากโรงหล่อพระบรมรูปในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษใดๆ จึงถือว่ายังไม่มีปัญหา ส่วนการติดตามตัวเซียนพระคนดังกล่าวต้องไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขณะนี้ยังไม่มีการรายงานเข้ามา
“เรื่องนี้จะต้องมีการแจ้งความกล่าวโทษกัน พูดลอย ๆ ไม่ได้ ต้องไปถามตำรวจเนื่องจากเป็นคนทำคดี หากมีก็มี ไม่มีก็ไม่มี” พล.อ.ประวิตร กล่าว
** เมินเรียก 2 ผบ.ทบ.แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการสอบถาม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทบ.) เกี่ยวกับการจัดการเรื่องอุทยานราชภักดิ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็น เพราะทางมูลนิธิฯจะส่งมอบให้ทางกองทัพบกรับไปดำเนินการต่อ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องตรวจสอบเพื่อความชัดเจน ถ้าไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษก็ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นต้องเชิญคณะกรรมการมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์มาชี้แจงด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว ทางปลัดกระทรวงกลาโหมก็จะต้องดูรายละเอียดก่อน ทั้งนี้หาก ผบ.ทบ.ไม่ติดขัดอะไร ก็จะเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
** อ้างคำ “บิ๊กโด่ง” บอกไม่มีโกง
เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจ 100% หรือไม่ว่าไม่มีการทุจริต ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนดำเนินการ แต่ พล.อ.อุดมเดช บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย ชี้แจงได้ทั้งหมด ส่วนการคืนเงินบริจาคกลับมาจะถือว่ามีความผิดหรือไม่นั้น ก็ให้สืบสวนกันต่อไป
เมื่อถามว่า คดีมาตรา 112 จะมีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มการเมืองเรียกร้องให้รัฐบาล และ คสช.ไปตรวจสอบทุจริตในกองทัพก่อนที่จะมาดูการทุจริตภาพรวมของประเทศนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่อยากให้กลุ่มการเมืองฉวยโอกาสนำมาโจมตีกองทัพ และหากรัฐธรรมนูญเสร็จสมบูรณ์แล้ว อยากให้ฝ่ายการเมืองดูแลกันให้ดี อย่าให้เดือดร้อนถึงทหาร ตนไม่ได้เข้ามาเล่นการเมือง แต่เข้ามาดำเนินงานตามโรดแมป ทหารไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร
** ทบ.ตั้ง กก.สอบอุทยานราชภักดิ์
อีกด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า แม้ว่าโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ไม่ได้ใช้งบประมาณของแผ่นดิน แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ กองทัพบกจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการฯในทุกด้านอย่างเร่งด่วนแล้ว
“ผบ.ทบ.ได้ขีดกรอบการทำงานไว้คือ จะพยายามทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์” พ.อ.วินธัย ระบุ
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า สำหรับ พ.อ.คชาชาติ บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 ขณะนี้ต้นสังกัดได้เสนอขอให้ปลดออกจากราชการ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฯ และหลบหนี ล่าสุดกระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งปลดออกจากราชการแล้ว
** “ราชทัณฑ์” ยัน “อาท” ยังสบายดี
ขณะที่ นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาท ชัตเตอร์มหาเทพ หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิด มาตรา112 ได้เสียชีวิตในที่คุมขังว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ ขณะนี้ นายนายจิรวงศ์ ยังมีชีวิตอยู่ และสุขภาพแข็งแรงดี โดยยังควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำชั่วคราว กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) ทั้งนี้ ในวันที่ 13 พ.ย.58 ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวนายจิรวงศ์ไปเพื่อขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดที่ 3
** สรุปสำนวนฟ้อง ม.112 เตรียมส่ง ผบ.ตร.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงหาผลประโยชน์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันฯกลุ่มของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด และนายจิรวงศ์ ที่มีความหนากว่า 500 หน้า มาส่งให้กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี สตช. ตรวจสอบก่อนเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า สำนวนคดีที่นำมาส่งให้วันนี้เป็นคดีขบวนการแอบอ้างสถาบันฯหาผลประโยชน์ กลุ่มแรกที่มีผู้ต้องหาในสำนวน 3 คน คือ นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ แต่ปรากฏว่า พ.ต.ต.ปรากรม และนายสุริยัน ผู้ต้องหาได้เสียชีวิตไประหว่างถูกคุมขัง ทำให้คดีนี้เหลือเพียงนายจิรวงศ์ ที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง
“มั่นใจว่าพยานหลักฐานในสำนวนดังกล่าวมีความแน่นหนารัดกุมสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้” พล.ต.ท.ศรีวราห์ ระบุ
** ปัดตอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เหลือสำนวนคดีเดิมที่ตนรับผิดชอบอีก 12 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความผิดตาม มาตรา 112 แต่มีการร้องทุกข์ต่างกรรมต่างวาระกัน คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนก็จะสามารถส่งให้กองคดีอาญาฯตรวจสอบได้ ขณะที่อีก 3 สำนวนล่าสุดนั้นยังไม่ได้มีการส่งมอบอำนาจมาให้รับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินการกับตำรวจ 8 นายสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ที่มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับความผิดปกติในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่ยังไม่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้กรณีของอุทยานราชภักดิ์นั้น กองทัพ หรือประชาชนทั่วไปสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ แต่ต้องมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด ส่วนพนักงานสอบสวนจะรับเป็นคดีหรือไม่ก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน
เมื่อถามย้ำว่า มีคำพูดของอดีต ผบ.ทบ. และบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีที่ยอมรับว่ามีการทุจริตสามารถฟังได้หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า คำพูดไม่ใช่หลักฐาน เพราะการให้สัมภาษณ์เป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่ถือเป็นพยานหลักฐานตามกฎหมาย ซึ่งหากทางกองทัพเข้ามาร้องทุกข์ ก็ยินดีรับเรื่องอยู่แล้ว
** สะพัด “2 พ.ต.อ.” ชิงลาออก
รายงานข่าวจาก สตช.แจ้งว่า ขณะนี้ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ซึ่งเป็น 2 ใน 8 นายตำรวจที่ไปช่วยราชการที่ ศปก.บช.ก.ได้ขอลาออกจากราชการ และอยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อผู้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบหน่วยงานต้นสังกัดของนายตำรวจทั้ง 2 นายปรากฏว่า ยังไม่ได้หนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ
วานนี้ (12 พ.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่าได้ลงนามในหนังสือขอลาออกจากราชการของนายทหารยศ "พล.ต." เพื่อนสนิท พ.อ.คชาชาติ บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 ผู้ต้องหาตามหมายจับความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เซียนพระรายหนึ่งเรียกรับเงินค่าหัวคิวจากโรงหล่อพระบรมรูปในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษใดๆ จึงถือว่ายังไม่มีปัญหา ส่วนการติดตามตัวเซียนพระคนดังกล่าวต้องไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขณะนี้ยังไม่มีการรายงานเข้ามา
“เรื่องนี้จะต้องมีการแจ้งความกล่าวโทษกัน พูดลอย ๆ ไม่ได้ ต้องไปถามตำรวจเนื่องจากเป็นคนทำคดี หากมีก็มี ไม่มีก็ไม่มี” พล.อ.ประวิตร กล่าว
** เมินเรียก 2 ผบ.ทบ.แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการสอบถาม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทบ.) เกี่ยวกับการจัดการเรื่องอุทยานราชภักดิ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็น เพราะทางมูลนิธิฯจะส่งมอบให้ทางกองทัพบกรับไปดำเนินการต่อ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องตรวจสอบเพื่อความชัดเจน ถ้าไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษก็ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นต้องเชิญคณะกรรมการมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์มาชี้แจงด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว ทางปลัดกระทรวงกลาโหมก็จะต้องดูรายละเอียดก่อน ทั้งนี้หาก ผบ.ทบ.ไม่ติดขัดอะไร ก็จะเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
** อ้างคำ “บิ๊กโด่ง” บอกไม่มีโกง
เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจ 100% หรือไม่ว่าไม่มีการทุจริต ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนดำเนินการ แต่ พล.อ.อุดมเดช บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย ชี้แจงได้ทั้งหมด ส่วนการคืนเงินบริจาคกลับมาจะถือว่ามีความผิดหรือไม่นั้น ก็ให้สืบสวนกันต่อไป
เมื่อถามว่า คดีมาตรา 112 จะมีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มการเมืองเรียกร้องให้รัฐบาล และ คสช.ไปตรวจสอบทุจริตในกองทัพก่อนที่จะมาดูการทุจริตภาพรวมของประเทศนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่อยากให้กลุ่มการเมืองฉวยโอกาสนำมาโจมตีกองทัพ และหากรัฐธรรมนูญเสร็จสมบูรณ์แล้ว อยากให้ฝ่ายการเมืองดูแลกันให้ดี อย่าให้เดือดร้อนถึงทหาร ตนไม่ได้เข้ามาเล่นการเมือง แต่เข้ามาดำเนินงานตามโรดแมป ทหารไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร
** ทบ.ตั้ง กก.สอบอุทยานราชภักดิ์
อีกด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า แม้ว่าโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ไม่ได้ใช้งบประมาณของแผ่นดิน แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ กองทัพบกจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการฯในทุกด้านอย่างเร่งด่วนแล้ว
“ผบ.ทบ.ได้ขีดกรอบการทำงานไว้คือ จะพยายามทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์” พ.อ.วินธัย ระบุ
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า สำหรับ พ.อ.คชาชาติ บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 ขณะนี้ต้นสังกัดได้เสนอขอให้ปลดออกจากราชการ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฯ และหลบหนี ล่าสุดกระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งปลดออกจากราชการแล้ว
** “ราชทัณฑ์” ยัน “อาท” ยังสบายดี
ขณะที่ นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาท ชัตเตอร์มหาเทพ หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิด มาตรา112 ได้เสียชีวิตในที่คุมขังว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ ขณะนี้ นายนายจิรวงศ์ ยังมีชีวิตอยู่ และสุขภาพแข็งแรงดี โดยยังควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำชั่วคราว กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) ทั้งนี้ ในวันที่ 13 พ.ย.58 ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวนายจิรวงศ์ไปเพื่อขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดที่ 3
** สรุปสำนวนฟ้อง ม.112 เตรียมส่ง ผบ.ตร.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงหาผลประโยชน์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันฯกลุ่มของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด และนายจิรวงศ์ ที่มีความหนากว่า 500 หน้า มาส่งให้กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี สตช. ตรวจสอบก่อนเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า สำนวนคดีที่นำมาส่งให้วันนี้เป็นคดีขบวนการแอบอ้างสถาบันฯหาผลประโยชน์ กลุ่มแรกที่มีผู้ต้องหาในสำนวน 3 คน คือ นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ แต่ปรากฏว่า พ.ต.ต.ปรากรม และนายสุริยัน ผู้ต้องหาได้เสียชีวิตไประหว่างถูกคุมขัง ทำให้คดีนี้เหลือเพียงนายจิรวงศ์ ที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง
“มั่นใจว่าพยานหลักฐานในสำนวนดังกล่าวมีความแน่นหนารัดกุมสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้” พล.ต.ท.ศรีวราห์ ระบุ
** ปัดตอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เหลือสำนวนคดีเดิมที่ตนรับผิดชอบอีก 12 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความผิดตาม มาตรา 112 แต่มีการร้องทุกข์ต่างกรรมต่างวาระกัน คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนก็จะสามารถส่งให้กองคดีอาญาฯตรวจสอบได้ ขณะที่อีก 3 สำนวนล่าสุดนั้นยังไม่ได้มีการส่งมอบอำนาจมาให้รับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินการกับตำรวจ 8 นายสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ที่มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับความผิดปกติในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่ยังไม่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้กรณีของอุทยานราชภักดิ์นั้น กองทัพ หรือประชาชนทั่วไปสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ แต่ต้องมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด ส่วนพนักงานสอบสวนจะรับเป็นคดีหรือไม่ก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน
เมื่อถามย้ำว่า มีคำพูดของอดีต ผบ.ทบ. และบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีที่ยอมรับว่ามีการทุจริตสามารถฟังได้หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า คำพูดไม่ใช่หลักฐาน เพราะการให้สัมภาษณ์เป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่ถือเป็นพยานหลักฐานตามกฎหมาย ซึ่งหากทางกองทัพเข้ามาร้องทุกข์ ก็ยินดีรับเรื่องอยู่แล้ว
** สะพัด “2 พ.ต.อ.” ชิงลาออก
รายงานข่าวจาก สตช.แจ้งว่า ขณะนี้ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ซึ่งเป็น 2 ใน 8 นายตำรวจที่ไปช่วยราชการที่ ศปก.บช.ก.ได้ขอลาออกจากราชการ และอยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อผู้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบหน่วยงานต้นสังกัดของนายตำรวจทั้ง 2 นายปรากฏว่า ยังไม่ได้หนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ