วานนี้ (9 พ.ย.) นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญในส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เบื้องต้นที่ประชุมจะคงให้ กกต. มีอำนาจให้ใบเหลืองเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ได้ ในกรณีที่มีหลักฐานเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เพื่อให้ใบแดง เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งบุคคลนั้น จะต้องผ่านให้ศาลฎีกาวินิจฉัย โดยประเด็นนี้กรธ.ยังไม่ใช่ข้อสรุป เนื่องจากทางกกต. ก็เสนอว่า อยากให้คงอำนาจการแจกใบแดงของกกต.ไว้ แต่ก็ยังมี กรธ.เห็นว่า หากจะต้องมีการตัดสิทธิเลือกตั้ง ควรกำหนดให้เป็นอำนาจของฝ่ายตุลาการ ทั้งนี้ ก็ให้ กกต. มีอำนาจไต่สวน และสั่งให้ออกเสียงประชามติใหม่ได้ เฉพาะเกิดกรณีการออกเสียงประชามติเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ก็ให้กกต. มีอำนาจสั่งงดการลงคะแนนในรายหน่วยเลือกตั้ง และให้มีการลงคะแนนใหม่ได้ หากพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น โดยที่ผ่านมาจะต้องรอมติของกกต.ทั้ง 5 คน จึงจะสั่งงดการลงคะแนนทำให้เกิดการทุจริตได้ การกำหนดอำนาจแบบใหม่นี้ เกิดจาก กรธ.ต้องการจะเน้นการป้องกันการทุจริตเชิงรุก โดยให้อำนาจ กกต.เพียงคนเดียวที่พบเห็นการทุจริตซึ่งหน้า ก็สามารถสั่งงดการลงคะแนนได้ทันที ซึ่งการทุจริตที่จะสามารถสั่งปิดหน่วยได้นั้น จะต้องเกิดขึ้นอย่างชัดแจ้ง
ส่วนที่ถูกตั้งคำถามว่า เกณฑ์การทุจริตจะต้องเป็นอย่างไร จึงจะสั่งปิดหน่วยเลือกตั้งได้นั้น มองว่ากลไกการได้มาของ กกต. ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด จะมารองรับการใช้ดุลพินิจได้เอง ส่วนรายละเอียดว่า เมื่อสั่งปิดหน่วยเลือกตั้งนั้นแล้ว จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายในกี่วัน กรธ.ยังไม่ได้ลงรายละเอียด
ส่วนปัญหาที่ว่าหากปิดหน่วยเลือกตั้งแล้ว จะมีผลต่อการรับรอง ส.ส.หรือไม่ ประเด็นนี้ อนุกรรมการศึกษาโครงสร้างอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ได้มีการหารือว่า อาจจะต้องมีการปรับเกณฑ์เดิมที่วางไว้ว่า จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกได้ต่อเมื่อ กกต. รับรองส.ส. เกิน 95 เปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งนี้อาจจะลดเกณฑ์ดังกล่าวให้น้อยลง เพราะกกต.อาจมีปัญหาในการรับรองผลได้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. กล่าวถึงแนวความคิดของกรธ. เกี่ยวกับเรื่องระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่ให้นำคะแนนคนแพ้เลือกตั้งระบบเขตมาคิดเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ละฝ่าย และไม่มีใครที่จะสามารถเขียนรัฐธรรมนูญให้ตรงกับความต้องการของแต่ละคนได้ แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไว้วางใจ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ท่านมีประสบการณ์ รู้เห็นเหตุการณ์บ้านเมืองมามาก น่าจะสรุปเหตุการณ์ในอดีต เพื่อกำหนดกติกาสำหรับอนาคตของประเทศไทยได้
** สุเทพแนะตัดทิ้งส.ส.บัญชีรายชื่อ
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ส.ส.2ระบบ คือ ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ควรทำแบบตรงไปตรงมา เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ มีเขตเลือกตั้งผู้แทนเขตละ1คน คนที่สอบตกก็กลับไปอยู่บ้าน แต่ตอนนี้มีความคิดว่า เสียดายคะแนนของคนที่สอบตกขึ้นมา แต่ตนก็มองว่าไม่ว่าจะไปคิดกันอย่างไรก็ตาม เรื่องใหญ่และสำคัญที่สุดคือ ต้องทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงให้ได้
"ผมบอกเลยว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อนั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเลย ผมรู้จัก ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเป็นจำนวนมาก ที่ไม่รับผิดชอบต่อประชาชนเลย เพราะไม่มีเขตเลือกตั้ง ไม่ต้องใกล้ชิดกับประชาชน เวลาจะพูด จะทำอะไร ไม่ค่อยคำนึงถึงประชาชนรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร พวกนี้เกาะใบบุญพรรค และบอกได้เลยว่า ที่บอกว่าการเลือกตั้งแบบนี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะลงพื้นที่ ช่วย ส.ส.เขตนั้น ก็ไม่มีทาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีประโยชน์น้อยมาก สำหรับประชาชน แต่ถ้าคนส่วนใหญ่รับได้ ผมก็ไม่มีปัญหา" นายสุเทพ กล่าว
**ตัดสิทธิคนโกงเลือกตั้งตลอดชีวิต
ส่วนแนวทางการดำเนินการกับผู้ทุจริตเลือกตั้งนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ควรให้ กกต. มีหน้าที่ที่จะต้องสืบสวนสอบสวนจับกุม ดำเนินคดี กับผู้ที่โกงการเลือกตั้ง
" หากพบว่าใครทุจริตเรื่องการเลือกตั้ง ต้องมีศาลเฉพาะด้านการเลือกตั้งมาพิจารณา จะแยกมาเดี่ยวๆ หรือ ศาลฎีกาแผนกการเลือกตั้ง ใช้วิธีการไต่สวน ไม่ใช่ใช้ระบบกล่าวหา กำหนดเวลาให้ชัดว่า คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ควรใช้เวลานานเท่าไร จะพิจารณาติดต่อกัน 30-60 วัน เพื่อให้รวดเร็ว หรือ มีโทษแค่ไหนอย่างไร ต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน คนที่เป็นนักเลือกตั้งทั้งหลาย จะได้กลัวกฎหมายบ้าง เดี๋ยวนี้ทำผิดกฎหมายกว่าจะพิจารณาเสร็จ ใช้เวลานานจนคนลืม "
ส่วนในเรื่องการตัดสิทธิการลงเลือกตั้งตลอดชีวิต กับผู้ที่ทุจริตการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นด้วย เป็นเรื่องที่สมควร เพราะถือว่าทรยศต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรลงสนามประชาธิปไตยตลอดชีวิต และคนที่ร่วมทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ คนของกกต. ต้องถูกตัดสิทธิตลอดชีวิตด้วย นักการเมือง ข้าราชการ และเอกชนที่ร่วมทุจริต คอร์รัปชั่น ก็จะต้องถูกตัดสิทธิเลือกตั้งด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาไม่เคารพกฎ กติกา ไม่เคารพหลักประชาธิปไตย ส่วนในเรื่องการยุบพรรค นั้น หากพรรคเป็นของประชาชนร่วม พรรคจะต้องไม่ถูกยุบ แต่เล่นงานคนที่ทำความผิดเป็นรายๆไป
ขณะเดียวกัน ก็ให้กกต. มีอำนาจสั่งงดการลงคะแนนในรายหน่วยเลือกตั้ง และให้มีการลงคะแนนใหม่ได้ หากพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น โดยที่ผ่านมาจะต้องรอมติของกกต.ทั้ง 5 คน จึงจะสั่งงดการลงคะแนนทำให้เกิดการทุจริตได้ การกำหนดอำนาจแบบใหม่นี้ เกิดจาก กรธ.ต้องการจะเน้นการป้องกันการทุจริตเชิงรุก โดยให้อำนาจ กกต.เพียงคนเดียวที่พบเห็นการทุจริตซึ่งหน้า ก็สามารถสั่งงดการลงคะแนนได้ทันที ซึ่งการทุจริตที่จะสามารถสั่งปิดหน่วยได้นั้น จะต้องเกิดขึ้นอย่างชัดแจ้ง
ส่วนที่ถูกตั้งคำถามว่า เกณฑ์การทุจริตจะต้องเป็นอย่างไร จึงจะสั่งปิดหน่วยเลือกตั้งได้นั้น มองว่ากลไกการได้มาของ กกต. ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด จะมารองรับการใช้ดุลพินิจได้เอง ส่วนรายละเอียดว่า เมื่อสั่งปิดหน่วยเลือกตั้งนั้นแล้ว จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายในกี่วัน กรธ.ยังไม่ได้ลงรายละเอียด
ส่วนปัญหาที่ว่าหากปิดหน่วยเลือกตั้งแล้ว จะมีผลต่อการรับรอง ส.ส.หรือไม่ ประเด็นนี้ อนุกรรมการศึกษาโครงสร้างอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ได้มีการหารือว่า อาจจะต้องมีการปรับเกณฑ์เดิมที่วางไว้ว่า จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกได้ต่อเมื่อ กกต. รับรองส.ส. เกิน 95 เปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งนี้อาจจะลดเกณฑ์ดังกล่าวให้น้อยลง เพราะกกต.อาจมีปัญหาในการรับรองผลได้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. กล่าวถึงแนวความคิดของกรธ. เกี่ยวกับเรื่องระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่ให้นำคะแนนคนแพ้เลือกตั้งระบบเขตมาคิดเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ละฝ่าย และไม่มีใครที่จะสามารถเขียนรัฐธรรมนูญให้ตรงกับความต้องการของแต่ละคนได้ แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไว้วางใจ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ท่านมีประสบการณ์ รู้เห็นเหตุการณ์บ้านเมืองมามาก น่าจะสรุปเหตุการณ์ในอดีต เพื่อกำหนดกติกาสำหรับอนาคตของประเทศไทยได้
** สุเทพแนะตัดทิ้งส.ส.บัญชีรายชื่อ
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ส.ส.2ระบบ คือ ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ควรทำแบบตรงไปตรงมา เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ มีเขตเลือกตั้งผู้แทนเขตละ1คน คนที่สอบตกก็กลับไปอยู่บ้าน แต่ตอนนี้มีความคิดว่า เสียดายคะแนนของคนที่สอบตกขึ้นมา แต่ตนก็มองว่าไม่ว่าจะไปคิดกันอย่างไรก็ตาม เรื่องใหญ่และสำคัญที่สุดคือ ต้องทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงให้ได้
"ผมบอกเลยว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อนั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเลย ผมรู้จัก ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเป็นจำนวนมาก ที่ไม่รับผิดชอบต่อประชาชนเลย เพราะไม่มีเขตเลือกตั้ง ไม่ต้องใกล้ชิดกับประชาชน เวลาจะพูด จะทำอะไร ไม่ค่อยคำนึงถึงประชาชนรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร พวกนี้เกาะใบบุญพรรค และบอกได้เลยว่า ที่บอกว่าการเลือกตั้งแบบนี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะลงพื้นที่ ช่วย ส.ส.เขตนั้น ก็ไม่มีทาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีประโยชน์น้อยมาก สำหรับประชาชน แต่ถ้าคนส่วนใหญ่รับได้ ผมก็ไม่มีปัญหา" นายสุเทพ กล่าว
**ตัดสิทธิคนโกงเลือกตั้งตลอดชีวิต
ส่วนแนวทางการดำเนินการกับผู้ทุจริตเลือกตั้งนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ควรให้ กกต. มีหน้าที่ที่จะต้องสืบสวนสอบสวนจับกุม ดำเนินคดี กับผู้ที่โกงการเลือกตั้ง
" หากพบว่าใครทุจริตเรื่องการเลือกตั้ง ต้องมีศาลเฉพาะด้านการเลือกตั้งมาพิจารณา จะแยกมาเดี่ยวๆ หรือ ศาลฎีกาแผนกการเลือกตั้ง ใช้วิธีการไต่สวน ไม่ใช่ใช้ระบบกล่าวหา กำหนดเวลาให้ชัดว่า คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ควรใช้เวลานานเท่าไร จะพิจารณาติดต่อกัน 30-60 วัน เพื่อให้รวดเร็ว หรือ มีโทษแค่ไหนอย่างไร ต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน คนที่เป็นนักเลือกตั้งทั้งหลาย จะได้กลัวกฎหมายบ้าง เดี๋ยวนี้ทำผิดกฎหมายกว่าจะพิจารณาเสร็จ ใช้เวลานานจนคนลืม "
ส่วนในเรื่องการตัดสิทธิการลงเลือกตั้งตลอดชีวิต กับผู้ที่ทุจริตการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นด้วย เป็นเรื่องที่สมควร เพราะถือว่าทรยศต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรลงสนามประชาธิปไตยตลอดชีวิต และคนที่ร่วมทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ คนของกกต. ต้องถูกตัดสิทธิตลอดชีวิตด้วย นักการเมือง ข้าราชการ และเอกชนที่ร่วมทุจริต คอร์รัปชั่น ก็จะต้องถูกตัดสิทธิเลือกตั้งด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาไม่เคารพกฎ กติกา ไม่เคารพหลักประชาธิปไตย ส่วนในเรื่องการยุบพรรค นั้น หากพรรคเป็นของประชาชนร่วม พรรคจะต้องไม่ถูกยุบ แต่เล่นงานคนที่ทำความผิดเป็นรายๆไป