xs
xsm
sm
md
lg

เปิดฉก.ข้างกายบิ๊กแป๊ะ เสริมแกร่งขาเก้าอี้ผบ. ตร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

***การจัดทัพปรับทิศเช่นนี้ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถือเป็นการเดินยุทธ์ศาสตร์ “ล้ำลึก” ไม่มีเสีย มีแต่ได้ล้วนๆ ชนิดยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวด้วยซ้ำ เพราะการมอบหมายหน้างานสำคัญประเภทหน้างานโชว์ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม(ปป.) ให้ตำรวจที่มีสายสัมพันธ์ขั้วการเมืองเก่า ก็ทำให้สังคมเห็นว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่ได้แบ่งพวกในการทำงาน การบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงจะเป็นรุ่นน้อง แต่ก็ให้เกียรติรุ่นพี่ ไม่สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในองค์กร***

ผลพวงจากการ “ลาออก” ราชการตำรวจของ “บิ๊กตุ้ย”พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา(สบ.10) แบบฉับพลันทันด่วน ไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีเหตุผลใดๆที่ชัดเจน มีแต่ความคลุมเครือ และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา ทำให้ “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี ต้องปรับหน้างานความรับผิดชอบระดับ รองผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.อีกครั้ง
หลังจากก่อนหน้านี้ตั้งแต่ก้าวเข้ามากุมบังเหียน “กรมปทุมวัน” วันแรก 1 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็จัดทัพปรับทิศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากเดิมที่”อ๊อด กาสิโน”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. วางเอาไว้ โดยแบ่งสายงานออกเป็น 10 สาย มอบหมายให้ รองผบ.ตร. และที่ปรึกษา(สบ.10)เทียบเท่า รองผบ.ตร. รับผิดชอบขับเคลื่อนการทำงาน
สายงานบริหาร1(บร.1) ดูแลงานด้านพัสดุ พลาธิการ กำลังพล มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ รองผบ.ตร. ดูแล ส่วนงานบริหาร2(บร.2) ดูแลงานการเงิน อบรม และวินัย มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร รองผบ.ตร. ดูแล
สายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม1(ปป.1) ดูแลงาน บช.น. ,บช.ภ.1,2,7 และบช.ก. ยกเว้น บก.ทท. บก.ทล. และบก.ปอท. รวมทั้งงานยาเสพติดในพื้นที่ มอบหมายให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. ดูแล งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม2 (ปป.2) ดูแลงาน บช.ภ.3,5 และ8 กองแผนงานอาชญากรรม สยศ.ตร. งานสพฐ.และยาเสพติดในพื้นที่ มอบหมายให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.ดูแล งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม3(ปป.3) ดูแลงาน บช.ภ.6 งานสพฐ.และยาเสพติด ในพื้นที่ มอบหมายให้ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผบ.ตร.ดูแล
สายงานกฎหมาย(กม.) มอบหมายพล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ รองผบ.ตร. ดูแล สายงานความมั่นคง ดูแลงาน สตม.,ศชต,บช.ส.,ศปก.ตร.สน.ยะลา กองบังคับการอารักขาและการฝึก บช.น. มอบหมายให้ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา(สบ.10) ดูแล สายงานต่างประเทศ ดูแลงาน ตท. ,ไอเลีย,บก.จร.,บก.ทล.(ในงานอาเซียนและต่างประเทศ) บก.ทท. มอบหมายให้พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผบ.ตร. ดูแล
สายงานกิจการพิเศษและจราจร ดูแลงาน บก.จร.,บก.อคฝ., บก.ป.(ในงานถวายความปลอดภัยและบก.ทล.และบก.ปอท.) มอบหมายให้พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา(สบ.10) ดูแล และสายงานจเรตำรวจ มอบหมายให้พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล จเรตำรวจแห่งชาติ ดูแล
ต้องยอมรับในช่วงที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ แบ่งสายงานความรับผิดชอบให้ รองผบ.ตร. ครั้งนั้นใหม่ๆ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะสายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม(ปป.) ดูเหมือนทั้ง 3 รอง ผบ.ตร ที่ได้รับมอบหมาย ล้วนจากมีสายสัมพันธ์ขั่วการเมืองเก่า
ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.พงศพัศ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.สังกัดพรรคเพื่อไทย ที่ยอมถอดเครื่องแบบสีกากีลงไปชิงเก้าอี้เมืองหลวง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ก็เป็นลูกเขยพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทยคนสำคัญ รวมทั้งพล.ต.อ.วินัย ก็เป็นหลายเขยคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภริยา”ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี
แต่ “ผบ.แป๊ะ” ก็ออกมาชี้แจงยืนยันแนวทางการบริหารงานของตัวเอง ไม่มีการแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย แบ่งพวก แบ่งพ้อง แบ่งสี แบ่งเหล่า ย้ำหนักแน่นเลือกตัวคนมารับผิดชอบตามความสามารถ ซึ่ง “รองผบ.ตร.” มาคุมงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ไม่ได้เน้นต้องลงไปลุย ไปติดตามคดี เพราะมีระดับ “ผู้บัญชาการ(ผบช.)” ดำเนินการอยู่แล้ว แค่ไปกำกับดูแล และสร้างภาพพจน์ตำรวจในสายตาประชาชนให้ดีขึ้น
ทำให้ในการจัดทัพปรับทิศอีกครั้ง อันเป็นจังหวะที่ พล.ต.อ.ประวุฒิ ลาออกไป ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงสลับสับเปลี่ยนกันเฉพาะหน้างานที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยให้ พล.ต.อ.เดชณรงค์ ซึ่งได้รับการยอมรับจากกองทัพ มาทำหน้าที่ “โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”คนใหม่ และสลับหน้างานมาดูแลสายงานกิจกการพิเศษ(กศ) แทน พล.ต.อ.ประวุฒิ แล้วให้พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาการ รองผบ.ตร. ขึ้นมาดูแลงานด้านความมั่นคง(มค.)เต็มตัว จากเดิมที่เป็น “ผู้ช่วย” ดูแลงานความมั่นคงกับพล.ต.อ.เดชณรงค์อยู่แล้ว
นอกนั้นในสายงานบริหาร สายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สายงานกฎหมาย สายงานต่างประเทศ และสายงานเจเรตำรวจ ยังคงยึดตามผังเดิมที่มีการแบ่งหน้างานความรับผิดชอบให้กับ รองผบ.ตร.,ที่ปรึกษา(สบ.10) เที่ยบเท่า รองผบ.ตร.,และผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแลงานตามเดิม
โดยเฉพาะสายงานป้องกันปราบปราม(ปป.) ที่เคยตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ “ผบ.แป๊ะ”ก็ไม่ได้สลับสับเปลี่ยนใดๆ
ว่ากันว่า การจัดทัพปรับทิศเช่นนี้ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถือเป็นการเดินยุทธ์ศาสตร์ “ล้ำลึก” ไม่มีเสีย มีแต่ได้ล้วนๆ ชนิดยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวด้วยซ้ำ เพราะการมอบหมายหน้างานสำคัญประเภทหน้างานโชว์ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม(ปป.) ให้ตำรวจที่มีสายสัมพันธ์ขั้วการเมืองเก่า ก็ทำให้สังคมเห็นว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่ได้แบ่งพวกในการทำงาน การบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงจะเป็นรุ่นน้อง แต่ก็ให้เกียรติรุ่นพี่ ไม่สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในองค์กร
เช่นเดียวกับงานความมั่นคง ที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ สายตรงนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความถนัดและรับผิดชอบคดีสำคัญๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเลือก พล.ต.อ.เดชณรงค์ให้เข้ามามีบทบาทสำคัญใน สตช.ตามที่ฝ่ายกองทัพเลือกและไว้ใจพล.ต.อ.เดชณรงค์
อย่างไรก็ดี การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ปล่อยมือ ปล่อยไม้ ก็ไม่ใช่ว่าจะ “วางใจ”อะไรขนาดนั้น แต่เหตุผลสำคัญเพราะ “ผบ.แป๊ะ” มั่นใจทีมงาน”เฉพาะกิจ”ข้างกายที่คอยตรวจสอบ รีเช็ค ทุกเรื่องมากกว่า ว่าจะคุมสถานการณ์ต่างๆอยู่ไม่มีอะไรหลุดรอด ผิดพลาด
ชุดเฉพาะกิจข้างกาย “ผบ.แป๊ะ” ซึ่งเป็นกำลังสำคัญ ส่วนใหญ่จะเป็น “ดรีมทีม”เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รรท.รองผบช.ศชต. พล.ต.ต.รณซืลป์ ภูสาระ รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รรท.ผบก.ภ.จ.ยะลา และพล.ต.ต.อำพล บัวรับพร รรท.ผบก.จ.สงขลา เป็นต้น

***เสริมฐานวางกำลังที่ “แน่นปึ้ก” หลายชั้นเช่นนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ คงจะบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างสบายใจในระดับหนึ่ง แต่จะป้องกันโดนเลื่อยขาเก้าอี้เหมือนยุคที่ผ่านๆมา ได้หรือไม่ ต้องรอดู!!***
กำลังโหลดความคิดเห็น