ASTVผู้จัดการรายวัน- "กบง."นัดถกวันนี้(4พ.ย.) เตรียมพิจารณาราคาขายปลีกแอลพีจีเดือนพ.ย.58 คาดขยับขึ้นตามต้นทุนตลาดโลกและค่าบาทแข็งขึ้น0.67 บาทต่อกก.หรือ10 บาทต่อถัง15 กก.โดยส่วนหนึ่งลดเงินกองทุนฯอุ้มด้วย พร้อมพิจารณาปิดโครงการบัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวีตามที่จะสิ้นสุด31ธ.ค.นี้แต่ต่ออายุมาตรการบัตรส่วนลดเอ็นจีวีรถโดยสารสาธารณะอีก 1 ปีเป็นสิ้นสุดธ.ค.59
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า การประชุมกบง.ที่มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงานเป็นประธานวันนี้(4พ.ย.) จะมีการพิจารณาเพื่อประกาศราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เดือนพ.ย.58 เพื่อให้สะท้อนราคาตลาดโลกซึ่งพบว่า แอลพีจีตลาดโลก(CP) พ.ย.ปรับขึ้น 50 เหรียญสหรัฐต่อตันมาอยู่ที่ 411 เหรียญฯต่อตัน อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 35.8 บาทต่อเหรียญฯและต้นทุนจากแหล่งผลิตและจัดหาเพิ่มขึ้น 0.69 บาทต่อกิโลกรัมจึงเสนอให้ลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแอลพีจีจาก0.0827 บาทต่อกก.เป็น0.013 บาทต่อกก.เพื่อทำให้ราคาขายปลีกปรับขึ้นเพียง0.67 บาทต่อกก.หรือ10 บาทต่อถัง15 กก.
" เพื่อให้ราคาขายปลีกคำนวณง่ายขึ้นจึงมีการนำเงินกองทุนน้ำมันฯในส่วนของแอลพีจีมาดูแลเล็กน้อยซึ่งทำให้ราคาแอลพีจีพ.ย.อยู่ที่ 22.96 บาทต่อกก. จากเดือนต.ค.อยู่ที่ 22.29 บาทต่อกก. โดยจะมีผลตั้งแต่ 5 พ.ย.เป็นต้นไป และจะทำให้กองทุนฯมีรายจ่าย 80 ล้านบาทต่อเดือน"แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับการคำนวณต้นทุนแอลพีจีดังกล่าวยังเป็นไปตามมติกบง.เมื่อ7 ม.ค.58 ที่ให้มีการทบทวนราคาต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหาทุกๆ 3 เดือนโดยพบว่า ต้นทุนจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติลดลง 0.2152 บาท/กก.จาก 15.97 บาท/กก. เป็น 15.76 บาท/กก. ราคาแอลพึจีที่ผลิตจากโรงกลั่นน้ำมันและโรงอะโรเมติก (CP) ลบ 20 เหรียญสหรัฐฯต่อตันแอลพีจีจากการนำเข้า เป็นราคาตลาดโลก (CP) บวก 85 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ฯลฯ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังจะพิจารณาการปิดโครงการบัตรเครดิตพลังงานก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ เอ็นจีวี ตามระยะเวลาเดิมที่จะสิ้นสุดโครงการฯ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 โดยไม่ต่ออายุเนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวที่เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือลดภาระจากการที่รัฐขึ้นราคาเอ็นจีวีให้กับรถรับจ้างขนส่งสาธารณะเมื่อ 3 พ.ย.54 และต่อมาก็มีการปรับเงื่อนไขโครงการบัตรเครดิตพลังงาน โดยเพิ่มวงเงินในการเติมเอ็นจีวีในราคาส่วนลดจากเดือนละไม่เกิน 6,000 บาท/คน เป็นไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท/คน โดยมีวงเงินเครดิต 3,000 บาท/บัตร
"ปัจจุบันมีผู้ใช้บัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวี 68,612 ราย พบว่าส่วนใหญ่กลับใช้เพื่อรับสิทธิส่วนลดราคาก๊าซฯและจ่ายเป็นเงินสดแทนที่จะเป็นสินเชื่อจึงเห็นว่าโครงการนี้สามารถปิดได้เพราะมีโครงการบัตรเติมก๊าซรับสิทธิส่วนลดราคาเอ็นจีวีสำหรับรถโดยสารสาธารณะอยู่แล้วดังนั้นจึงจะเสนอให้ขยายมาตรการการให้ส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะออกไปอีก 1 ปีหรือตั้งแต่ 1ม.ค.-31 ธ.ค.2559 " แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับบัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวีที่ชำระค่าก๊าซฯเป็นเงินสดอย่างเดียวนั้นกำหนดให้คุณสมบัติของผู้สมัครและหลักเกณฑ์เป็นไปตามเดิม และขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ และเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรส่วนลดราคาก๊าซฯ โดยพบว่ามีจำนวนผู้ถือบัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวีทั้งหมด 95,903 รายถูกยกเลิกใช้งาน 27,291 ราย มีจำนวนผู้ชำระค่าก๊าซฯ ด้วยบัตรเครดิตพลังงาน NGV จำนวน 1,001 รายด้วยจำนวนเงินเครดิต 0.82 ล้านบาทในเดือนก.ย. มีหนี้ค้างชำระสะสม20.32 ล้านบาทจากจำนวนผู้ถือบัตรฯ 25,673 ราย
ส่วนจำนวนบัตรฯที่ได้รับส่วนลดราคาเอ็นจีวีทั้งหมด 90,200 ใบ แบ่งเป็นบัตรเครดิตพลังงาน เอ็นจีวี 68,6912 ใบ และบัตรเติมก๊าซฯ รับสิทธิส่วนลดราคาเอ็นจีวีจำนวน 21,588 ใบ จำนวนเงินที่ให้ส่วนลดราคา NGV เดือนกันยายน 2558 อยู่ที่ 227 ล้านบาท จำนวนเงินสะสมที่ให้ส่วนลดราคา NGV (ม.ค. 54 - ก.ย. 58) อยู่ที่ 6,345 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า การประชุมกบง.ที่มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงานเป็นประธานวันนี้(4พ.ย.) จะมีการพิจารณาเพื่อประกาศราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เดือนพ.ย.58 เพื่อให้สะท้อนราคาตลาดโลกซึ่งพบว่า แอลพีจีตลาดโลก(CP) พ.ย.ปรับขึ้น 50 เหรียญสหรัฐต่อตันมาอยู่ที่ 411 เหรียญฯต่อตัน อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 35.8 บาทต่อเหรียญฯและต้นทุนจากแหล่งผลิตและจัดหาเพิ่มขึ้น 0.69 บาทต่อกิโลกรัมจึงเสนอให้ลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแอลพีจีจาก0.0827 บาทต่อกก.เป็น0.013 บาทต่อกก.เพื่อทำให้ราคาขายปลีกปรับขึ้นเพียง0.67 บาทต่อกก.หรือ10 บาทต่อถัง15 กก.
" เพื่อให้ราคาขายปลีกคำนวณง่ายขึ้นจึงมีการนำเงินกองทุนน้ำมันฯในส่วนของแอลพีจีมาดูแลเล็กน้อยซึ่งทำให้ราคาแอลพีจีพ.ย.อยู่ที่ 22.96 บาทต่อกก. จากเดือนต.ค.อยู่ที่ 22.29 บาทต่อกก. โดยจะมีผลตั้งแต่ 5 พ.ย.เป็นต้นไป และจะทำให้กองทุนฯมีรายจ่าย 80 ล้านบาทต่อเดือน"แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับการคำนวณต้นทุนแอลพีจีดังกล่าวยังเป็นไปตามมติกบง.เมื่อ7 ม.ค.58 ที่ให้มีการทบทวนราคาต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหาทุกๆ 3 เดือนโดยพบว่า ต้นทุนจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติลดลง 0.2152 บาท/กก.จาก 15.97 บาท/กก. เป็น 15.76 บาท/กก. ราคาแอลพึจีที่ผลิตจากโรงกลั่นน้ำมันและโรงอะโรเมติก (CP) ลบ 20 เหรียญสหรัฐฯต่อตันแอลพีจีจากการนำเข้า เป็นราคาตลาดโลก (CP) บวก 85 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ฯลฯ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังจะพิจารณาการปิดโครงการบัตรเครดิตพลังงานก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ เอ็นจีวี ตามระยะเวลาเดิมที่จะสิ้นสุดโครงการฯ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 โดยไม่ต่ออายุเนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวที่เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือลดภาระจากการที่รัฐขึ้นราคาเอ็นจีวีให้กับรถรับจ้างขนส่งสาธารณะเมื่อ 3 พ.ย.54 และต่อมาก็มีการปรับเงื่อนไขโครงการบัตรเครดิตพลังงาน โดยเพิ่มวงเงินในการเติมเอ็นจีวีในราคาส่วนลดจากเดือนละไม่เกิน 6,000 บาท/คน เป็นไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท/คน โดยมีวงเงินเครดิต 3,000 บาท/บัตร
"ปัจจุบันมีผู้ใช้บัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวี 68,612 ราย พบว่าส่วนใหญ่กลับใช้เพื่อรับสิทธิส่วนลดราคาก๊าซฯและจ่ายเป็นเงินสดแทนที่จะเป็นสินเชื่อจึงเห็นว่าโครงการนี้สามารถปิดได้เพราะมีโครงการบัตรเติมก๊าซรับสิทธิส่วนลดราคาเอ็นจีวีสำหรับรถโดยสารสาธารณะอยู่แล้วดังนั้นจึงจะเสนอให้ขยายมาตรการการให้ส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะออกไปอีก 1 ปีหรือตั้งแต่ 1ม.ค.-31 ธ.ค.2559 " แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับบัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวีที่ชำระค่าก๊าซฯเป็นเงินสดอย่างเดียวนั้นกำหนดให้คุณสมบัติของผู้สมัครและหลักเกณฑ์เป็นไปตามเดิม และขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ และเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรส่วนลดราคาก๊าซฯ โดยพบว่ามีจำนวนผู้ถือบัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวีทั้งหมด 95,903 รายถูกยกเลิกใช้งาน 27,291 ราย มีจำนวนผู้ชำระค่าก๊าซฯ ด้วยบัตรเครดิตพลังงาน NGV จำนวน 1,001 รายด้วยจำนวนเงินเครดิต 0.82 ล้านบาทในเดือนก.ย. มีหนี้ค้างชำระสะสม20.32 ล้านบาทจากจำนวนผู้ถือบัตรฯ 25,673 ราย
ส่วนจำนวนบัตรฯที่ได้รับส่วนลดราคาเอ็นจีวีทั้งหมด 90,200 ใบ แบ่งเป็นบัตรเครดิตพลังงาน เอ็นจีวี 68,6912 ใบ และบัตรเติมก๊าซฯ รับสิทธิส่วนลดราคาเอ็นจีวีจำนวน 21,588 ใบ จำนวนเงินที่ให้ส่วนลดราคา NGV เดือนกันยายน 2558 อยู่ที่ 227 ล้านบาท จำนวนเงินสะสมที่ให้ส่วนลดราคา NGV (ม.ค. 54 - ก.ย. 58) อยู่ที่ 6,345 ล้านบาท