ASTVผู้จัดการรายวัน - โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ เผยแผนรีโนเวทคืบหน้าแล้ว 80% หลังอัดงบ 200 ล้านบาทมาตั้งแต่ต้นปี 57 เร่งพัฒนาระบบออนไลน์ด้านบริหารภายในหวังเพิ่มเป้าการตลาดจากสัดส่วนผู้เข้าพักออนไลน์กว่า 35% เน้นจุดขายหลักห้องพักขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว พร้อมขยายตลาดไมซ์รับนักเดินทางร่วมงานประชุมสัมมนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายบัณฑิต โบว์เสรีวงศ์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ สุขุมวิท 20 กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า โรงแรมดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 49 ปี โดยเริ่มนำระบบออนไลน์มาใช้ในการบริหารการจัดการ การขาย และการตลาดเป็นระยะเวลาประมาณ 15 ปี จนปัจจุบันมีสัดส่วนผู้เข้าพักผ่านระบบออนไลน์ (Online Travel Agency : OTA) มากที่สุดประมาณ 32-35% รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ (Travel Agency) 25% นักท่องเที่ยวและนักเดินทางทั่วไป 20% นักเดินทางกลุ่มผู้ร่วมงานประชุมสัมมนา หรือไมซ์ 15% และอื่นๆ 5-10% แบ่งเป็นชาวจีน 30% ญี่ปุ่น 25-30% อินเดีย 15% ยุโรปและอื่นๆ 20-25% โดยแต่ละรายใช้เวลาการเข้าพักเฉลี่ยคนละ 3-4 วัน
การบริหารธุรกิจโรงแรมในอนาคตจำเป็นต้องให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยีและระบบออนไลน์เพื่อเพิ่มเป้าหมายด้านการขายและการตลาด รวมถึงอำนวยความสะดวกสบายรวดเร็วและความปลอดภัยในการใช้บริการให้แก่ผู้เข้าพัก โรงแรมจึงมีการปรับระบบออนไลน์โดยเซ็นสัญญาร่วมกับ บริษัท ซีเอสเค คอนเนค จำกัด ในการนำระบบ Channel Manager มาใช้เชื่อมโยงกับ OTA ทั่วโลกกว่า 70 แห่ง รวมทั้งยังมีการนำระบบ Hex System มาใช้ในการสนับสนุนการทำตลาดกับบริษัททัวร์ต่างๆ โดยภายในต้นปี 2559 ยังจะเพิ่มระบบ Revenue Manager ซึ่งเป็นระบบที่คำนวณและเปรียบเทียบราคากับโรงแรมอื่นเพื่อกำหนดโปรโมชั่นและราคาที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา โดยคาดว่าเมื่อพัฒนาระบบออนไลน์สมบูรณ์แบบจะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10%
นายบัณฑิต กล่าวด้วยว่า ในปี 2558 โรงแรมมีผู้เข้าพักเฉลี่ย 75-80% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด โดยคาดว่าจะมีรายได้รวม 450 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากห้องพัก 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 150 ล้านบาทมาจากห้องประชุมสัมมนา ห้องอาหาร และการจัดเลี้ยง โดยแต่ละปีใช้งบประมาณการตลาด 3% จากรายได้ในการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังใช้งบประมาณอีก 5% จากรายได้ในการร่วมออกบูธในงานต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ด้วยเหตุที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2558 ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่คาดว่าจะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นในปี 2559 โรงแรมจึงมีแผนเพิ่มงบประมาณการตลาดเป็น 7-10% จากรายได้ พร้อมกลับมาเน้นการร่วมออกบูธในงานต่างๆ จากที่ปรับลดลงในปี 2558 โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าพักที่เป็นนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่และมีพฤติกรรมการสืบค้นข้อมูลสถานที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น”
นายบัณฑิต กล่าวด้วยว่า โรงแรมวินเซอร์ฯ มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 458 ห้อง ล่าสุดใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทในการปรับปรุงส่วนต่างๆ ทั้งห้องพัก ห้องจัดประชุมสัมมนา และอื่นๆ ให้มีความทันสมัยมากขึ้นเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวและนักเดินทางกลุ่มต่างๆ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2557 จนปัจจุบันคืบหน้าไปกว่า 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2559
“แม้ว่าปัจจุบันในย่านสุขุมวิทจะมีโครงการก่อสร้างโรงแรมใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นโรงแรมขนาดเล็ก จึงทำให้โรงแรมวินเซอร์ฯ มีข้อได้เปรียบในเรื่องของขนาดพื้นที่และมีจุดขายที่แตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ คือห้องพักทั้งหมดที่เป็นห้องสูทสำหรับครอบครัว ขณะเดียวกันยังเน้นตลาดกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยปัจจุบันมีห้องจัดประชุมสัมมนาตั้งแต่ขนาด 20-1,000 คน เป็นจำนวนถึง 20 ห้อง นอกจากนั้นยังมีอาคารจอดรถสูง 9 ชั้นเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาอีกด้วย”
นายบัณฑิต ให้ความเห็นในตอนท้ายถึงการเติบโตของธุรกิจโรงแรมในย่านสุขุมวิทที่เป็นไปอย่างรวดเร็วว่เนื่องจากภาวะการท่องเที่ยวไทยยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับย่านสุขุมวิทถือเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองที่มีความสะดวกด้านการเดินทางและปัจจัยด้านต่างๆ ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการโรงแรมจึงควรเน้นสร้างความแตกต่างด้านต่างๆ เป็นจุดขายมากกว่านำปัจจัยด้านราคามาใช้ในการแข่งขัน โดยในส่วนของโรงแรมวินเซอร์ฯ ก็จะยังคงเน้นจุดขายในเรื่องของขนาดห้องพักสำหรับครอบครัว พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทย
นายบัณฑิต โบว์เสรีวงศ์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ สุขุมวิท 20 กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า โรงแรมดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 49 ปี โดยเริ่มนำระบบออนไลน์มาใช้ในการบริหารการจัดการ การขาย และการตลาดเป็นระยะเวลาประมาณ 15 ปี จนปัจจุบันมีสัดส่วนผู้เข้าพักผ่านระบบออนไลน์ (Online Travel Agency : OTA) มากที่สุดประมาณ 32-35% รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ (Travel Agency) 25% นักท่องเที่ยวและนักเดินทางทั่วไป 20% นักเดินทางกลุ่มผู้ร่วมงานประชุมสัมมนา หรือไมซ์ 15% และอื่นๆ 5-10% แบ่งเป็นชาวจีน 30% ญี่ปุ่น 25-30% อินเดีย 15% ยุโรปและอื่นๆ 20-25% โดยแต่ละรายใช้เวลาการเข้าพักเฉลี่ยคนละ 3-4 วัน
การบริหารธุรกิจโรงแรมในอนาคตจำเป็นต้องให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยีและระบบออนไลน์เพื่อเพิ่มเป้าหมายด้านการขายและการตลาด รวมถึงอำนวยความสะดวกสบายรวดเร็วและความปลอดภัยในการใช้บริการให้แก่ผู้เข้าพัก โรงแรมจึงมีการปรับระบบออนไลน์โดยเซ็นสัญญาร่วมกับ บริษัท ซีเอสเค คอนเนค จำกัด ในการนำระบบ Channel Manager มาใช้เชื่อมโยงกับ OTA ทั่วโลกกว่า 70 แห่ง รวมทั้งยังมีการนำระบบ Hex System มาใช้ในการสนับสนุนการทำตลาดกับบริษัททัวร์ต่างๆ โดยภายในต้นปี 2559 ยังจะเพิ่มระบบ Revenue Manager ซึ่งเป็นระบบที่คำนวณและเปรียบเทียบราคากับโรงแรมอื่นเพื่อกำหนดโปรโมชั่นและราคาที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา โดยคาดว่าเมื่อพัฒนาระบบออนไลน์สมบูรณ์แบบจะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10%
นายบัณฑิต กล่าวด้วยว่า ในปี 2558 โรงแรมมีผู้เข้าพักเฉลี่ย 75-80% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด โดยคาดว่าจะมีรายได้รวม 450 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากห้องพัก 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 150 ล้านบาทมาจากห้องประชุมสัมมนา ห้องอาหาร และการจัดเลี้ยง โดยแต่ละปีใช้งบประมาณการตลาด 3% จากรายได้ในการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังใช้งบประมาณอีก 5% จากรายได้ในการร่วมออกบูธในงานต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ด้วยเหตุที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2558 ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่คาดว่าจะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นในปี 2559 โรงแรมจึงมีแผนเพิ่มงบประมาณการตลาดเป็น 7-10% จากรายได้ พร้อมกลับมาเน้นการร่วมออกบูธในงานต่างๆ จากที่ปรับลดลงในปี 2558 โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าพักที่เป็นนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่และมีพฤติกรรมการสืบค้นข้อมูลสถานที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น”
นายบัณฑิต กล่าวด้วยว่า โรงแรมวินเซอร์ฯ มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 458 ห้อง ล่าสุดใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทในการปรับปรุงส่วนต่างๆ ทั้งห้องพัก ห้องจัดประชุมสัมมนา และอื่นๆ ให้มีความทันสมัยมากขึ้นเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวและนักเดินทางกลุ่มต่างๆ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2557 จนปัจจุบันคืบหน้าไปกว่า 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2559
“แม้ว่าปัจจุบันในย่านสุขุมวิทจะมีโครงการก่อสร้างโรงแรมใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นโรงแรมขนาดเล็ก จึงทำให้โรงแรมวินเซอร์ฯ มีข้อได้เปรียบในเรื่องของขนาดพื้นที่และมีจุดขายที่แตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ คือห้องพักทั้งหมดที่เป็นห้องสูทสำหรับครอบครัว ขณะเดียวกันยังเน้นตลาดกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยปัจจุบันมีห้องจัดประชุมสัมมนาตั้งแต่ขนาด 20-1,000 คน เป็นจำนวนถึง 20 ห้อง นอกจากนั้นยังมีอาคารจอดรถสูง 9 ชั้นเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาอีกด้วย”
นายบัณฑิต ให้ความเห็นในตอนท้ายถึงการเติบโตของธุรกิจโรงแรมในย่านสุขุมวิทที่เป็นไปอย่างรวดเร็วว่เนื่องจากภาวะการท่องเที่ยวไทยยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับย่านสุขุมวิทถือเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองที่มีความสะดวกด้านการเดินทางและปัจจัยด้านต่างๆ ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการโรงแรมจึงควรเน้นสร้างความแตกต่างด้านต่างๆ เป็นจุดขายมากกว่านำปัจจัยด้านราคามาใช้ในการแข่งขัน โดยในส่วนของโรงแรมวินเซอร์ฯ ก็จะยังคงเน้นจุดขายในเรื่องของขนาดห้องพักสำหรับครอบครัว พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทย
