xs
xsm
sm
md
lg

ชงยุทธศาสร์แรงงานชาติจี้รัฐเร่งปฏิรูปค่าจ้างขั้นต่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- สภาองค์การนายจ้างจับมือ16 องค์กรเอกชนจัดทำยุทธศาสตร์ด้านแรงงานชาติภายใต้การเปลี่ยนแปลงใน 5ปีข้างหน้า(2559-2563 ) จี้ปฏิรูปค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำใหม่กำหนดอัตรา300บ.ต่อวันเป็นอัตราแรกเข้าคำนึงถึงเงินเฟ้อ ตลาดแรงงาน ความสามารถ จี้ปรับปรุงระบบประกันสังคม ทำแผนรับมือแรงงานไทยเข้าสู่วัยสูงอายุซึ่งจะทำให้เกิดวิกฤตขาดแคลนนแรงงานหนักขึ้น

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานและผู้จัดทำรายงานการศึกษา สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า สภาฯเตรียมที่จะเสนอกระทรวงแรงงานกำหนดยุทธศาสตร์ด้านแรงงานชาติภายใต้การเปลี่ยนแปลงใน5 ปีข้างหน้า(2559-2563 ) ที่สภาฯได้ระดมความเห็นร่วมกับ 16องค์กรภาคเอกชนเช่น สมาคมค้าส่ง ปลีกไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ฯลฯ โดยมีสำนักงานประกันสังคมและกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเข้าร่วมสังเกตุการณ์ ซึ่งมีทั้งหมด 9 ประเด็นทั้งนี้เพื่อให้รัฐได้กำหนดนโยบายในการเตรียมพร้อมรองรับในระยะยาว

สำหรับแผนดังกล่าวประกอบด้วย 1. การปฏิรูปค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ปัจจุบันที่อยู่ 300 บาทต่อวันนั้นควรจะยกเลิกโครงสร้างการดำเนินการแบบเดิมที่ต้องขึ้นทุกปีโดยไม่ได้คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน แต่ควรจะปรับใหม่กำหนดให้ 300บาทต่อวันเป็นค่าจ้างแรกเข้าและมีการพิจารณาตามภาวะเศรษฐกิจที่อิงเงินเฟ้อ คำนึงถึงทักษะฝีมือแรงงาน และประสบการณ์ของแรงงาน รวมถึงภาวะตลาดแรงงานในขณะนั้นเป็นสำคัญโดยไม่ต้องปรับทุกปี และไม่ควรเท่ากันทั้งประเทศ

"ขณะนี้มีกระแสการขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจาก 300บาทต่อวันเป็น 360 บาทต่อวันซึ่งเอกชนมองว่าเป็นการคิดที่ไม่อยู่บนพื้นฐานอิงข้อเท็จจริงโดยขึ้นถึง20% ของอัตราปัจจุบัน ซึ่งหากพิจารณาภาวะเศรษฐกิจขณะนี้และในปี2559ก็ยังมองว่ายังไม่ดีนักตามทิศทางตลาดโลกนักลงทุนเองก็ยังคงชะลอดูเศรษฐกิจโลกก่อนที่จะขยายลงทุนเพิ่ม ดังนั้นหากต้องขึ้นเป็น 360 บาทต่อวันจะซ้ำเติมเศรษฐกิจปีหน้าแน่นอนการขึ้นคงอยู่3-5%น่าจะพอรับไหว"นายธนิตกล่าว

2. ค่าจ้างขั้นต่ำและสวัสดิการแรงงานในเขตศก.พิเศษควรจะมีบทบัญญัติที่ต่างไปจากกฏหมายแรงงานปกติ และแยกกฏหหมายแรงงานในเขตศก.พิเศษตะหากทั้งด้านค่าจ้างและสวัสดิการ 3. นโยบายแรงงานต่างชาติต้องชัดเจนและรองรับการขาดแคลนในอนาคต โดยต้องขึ้นทะเบียนอย่างโปร่งใส ควรให้ขั้นตอนการตรวจสัญชาติอยู่ในไทยฝ่ายเดียว 4. การป้องกันและแก้ปัญหาค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ซึ่งควรกำหนดการขึ้นทะเบียนเพื่อการตรวจสอบ

5. การทบทวนการคุ้มครองแรงงานให้มีความเป็นสากล ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงกฏหมายให้สอดคล้อกับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีอาเซียน มีการสอบคุณวุฒิวิชาชีพทุกสาขา 6. การพัฒนาแรงงานในอนาคตต้องเน้นการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน หากจะคงขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยปรับเปลี่ยนกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็น วิทยาลัยและหรือสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 7.ปรับเปลี่ยนบทบาทกระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ ด้วยการทำงานเชิงรุกส่งเสริมมากกว่ากำกับตรวจสอบ

8. ปฏิรูปประกันสังคม การแก้ไขพ.ร.บ.ประกันสังคม เพื่อให้ผู้ประกันและนายจ้างมีส่วนร่วมในนการตรวจสอบองค์กรและความโปร่งใส เพิ่มสิทธิประโยชน์ ทั้งด้านคุณภาพของสถานพยาบาล คณภาพยาและมาตรฐานการรักษาของแพทย์ นอกจากนี้ควรขยายเวลาการชราภาพของแรงงานจาก 55 ปีเป็น 60 ปี ฯลฯ

9. การวางแผนรองรับแรงงานสูงอายุ ซึ่งพบว่าในปีพ.ศ.2568 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า สัดส่วนแรงงานสูงอายุจะคิดเป็น 1ใน5 ของประชากรทั้งประเทศ จะส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงานมากยิ่งขึ้นจะต้องมีการจัดทำยุทธศาสตร์แรงงานสูงอายุเป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งต้องปรับปรุงกฏหมายที่เกี่ยวข้องโดยมีบทกำหนดให้ชัดเจนเกี่ยวกับผลตอบแทนแรงงานที่เกษียณอายุที่ควรอยู่ที่60ปี เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น