วานนี้ (21 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะ ซึ่งเดินทางมาทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ภาคอีสานตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาเยี่ยมชมตลาดผ้าหมี่ขิดบ้านนาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงแห่มาต้อนรับ โดยมีการขอถ่ายรูป มอบดอกกุหลาบ ผูกผ้าขาวม้าให้ตามประเพณีชาวอีสาน ท่ามกลางการเข้ามาสังเกตการณ์ของหน่วยข่าวกรองทหารและตำรวจ ตั้งแต่เดินทางมาถึงและเดินทางกลับ
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะ ได้นมัสการพระพุทธศรีรัตนมหามงคลนาคาเทวี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปรางประทานพร ที่วัดนาคาเทวี ที่อยู่ติดกันกับตลาดผ้าหมี่ขิด จากนั้นได้เดินเที่ยวชมภายในตลาดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับสนใจเลือกซื้อผ้าหมี่ขิดลายธานีผ้าหมี่ขิดลายประจำจังหวัดอุดรธานี ราคาผืนละ 4,500 บาท แต่ทางเจ้าของร้านลดให้เหลือ 3,000 บาท พร้อมกับยังแวะซื้อข้าวจี่และข้าวหลามกลับไปด้วย ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะจะเดินทางโดยเครื่องบินกลับ กทม.ในช่วงเย็นวันเดียวกัน
** เจอเบรกหน้าทิ่มงดทอดผ้าป่าที่อุดรฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปยัง จ.หนองคาย เพื่อทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งมาต้อนรับให้กำลังใจ และมีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์ติดตามการเคลื่อนไหวโดยตลอด อย่างไรก็ตามขณะที่ กำลังจะเดินทางเพื่อไปยัง จ.อุดรธานี เพื่อร่วมพิธีทอดผ้าป่าที่วัดปาภูก้อน และวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ในวันนี้ (21 ต.ค.) ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้แจ้งขอความร่วมมือกับทีมงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่องดการทำกิจกรรมที่ จ.อุดรธานี รวมทั้งขอให้ทางเจ้าภาพยกเลิกพิธีทอดผ้าป่าดังกล่าวด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงตัดสินใจเปลี่ยนพักค้างคืนที่ จ.นครพนม
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในระหว่างที่ คณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แวะรับประทานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย ซึ่งยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจติดตามการเคลื่อนไหว โดยในช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะเข้าห้องสุขาเพื่อทำธุระส่วนตัว ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพขณะที่เดินเข้า ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่พอใจอย่างมาก และได้เปรยกับคนใกล้ชิดว่า "แค่เดินเข้าห้องน้ำ ไม่ได้คิดจะหนี ถ้าคิดจะหนีคงไม่ใช้วิธีแบบนี้”
แหล่งข่าวใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า โปรแกรมเดินทางครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารคอยติดตามเป็นจำนวนมาก แม้แต่หน่วยปฎิบัติการตามลำแม่น้ำโขง (นปข.) ก็ส่งเรือลาดตระเวนมาสังเกตการณ์ในแม่น้ำโขง ทำให้การเดินทางครั้งนี้ของน.ส.ยิ่งลักษณ์คึกคักกว่าตอนเป็นนายกฯเสียอีก
** “วัฒนา”
วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในความสนใจของสังคมว่า โครงการรับจำนำข้าวหรือโครงการประกันราคาข้าวเป็นโครงการที่รัฐบาลมีขึ้นเพื่อให้คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาวนา ให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช่โครงการเพื่อการพาณิชย์ที่ไม่สามารถเอากำไรขาดทุนมาชี้วัดตามที่หลายฝ่าย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พยายามบิดเบือนวัตถุประสงค์ของโครงการ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ข้อเสียของโครงการคือ รัฐเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงด้านราคา มีภาระในการเก็บรักษาและการระบายสินค้าที่รับจำนำไว้ ทั้งนี้ หากจะนำเอาเรื่องขาดทุนมาเป็นเหตุฟ้องร้องดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะต้องดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี และก่อให้เกิดผลเสียหายแก่ภาคการเกษตรเช่นกัน
“ภาพรวมของโครงการรับจำนำข้าวให้ผลประโยชน์กับชาวนาสูงสุด อันจะส่งผลดีมายังระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ผมในฐานะอดีต รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่าถ้าเราได้กลับมาเป็นรัฐบาล เราจะเลือกที่จะแบกรับภาระความเสี่ยงเรื่องราคาไว้แทนชาวนา ด้วยการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวต่อไป แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ” นายวัฒนา ระบุ
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะ ได้นมัสการพระพุทธศรีรัตนมหามงคลนาคาเทวี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปรางประทานพร ที่วัดนาคาเทวี ที่อยู่ติดกันกับตลาดผ้าหมี่ขิด จากนั้นได้เดินเที่ยวชมภายในตลาดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับสนใจเลือกซื้อผ้าหมี่ขิดลายธานีผ้าหมี่ขิดลายประจำจังหวัดอุดรธานี ราคาผืนละ 4,500 บาท แต่ทางเจ้าของร้านลดให้เหลือ 3,000 บาท พร้อมกับยังแวะซื้อข้าวจี่และข้าวหลามกลับไปด้วย ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะจะเดินทางโดยเครื่องบินกลับ กทม.ในช่วงเย็นวันเดียวกัน
** เจอเบรกหน้าทิ่มงดทอดผ้าป่าที่อุดรฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปยัง จ.หนองคาย เพื่อทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งมาต้อนรับให้กำลังใจ และมีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์ติดตามการเคลื่อนไหวโดยตลอด อย่างไรก็ตามขณะที่ กำลังจะเดินทางเพื่อไปยัง จ.อุดรธานี เพื่อร่วมพิธีทอดผ้าป่าที่วัดปาภูก้อน และวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ในวันนี้ (21 ต.ค.) ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้แจ้งขอความร่วมมือกับทีมงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่องดการทำกิจกรรมที่ จ.อุดรธานี รวมทั้งขอให้ทางเจ้าภาพยกเลิกพิธีทอดผ้าป่าดังกล่าวด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงตัดสินใจเปลี่ยนพักค้างคืนที่ จ.นครพนม
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในระหว่างที่ คณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แวะรับประทานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย ซึ่งยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจติดตามการเคลื่อนไหว โดยในช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะเข้าห้องสุขาเพื่อทำธุระส่วนตัว ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพขณะที่เดินเข้า ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่พอใจอย่างมาก และได้เปรยกับคนใกล้ชิดว่า "แค่เดินเข้าห้องน้ำ ไม่ได้คิดจะหนี ถ้าคิดจะหนีคงไม่ใช้วิธีแบบนี้”
แหล่งข่าวใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า โปรแกรมเดินทางครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารคอยติดตามเป็นจำนวนมาก แม้แต่หน่วยปฎิบัติการตามลำแม่น้ำโขง (นปข.) ก็ส่งเรือลาดตระเวนมาสังเกตการณ์ในแม่น้ำโขง ทำให้การเดินทางครั้งนี้ของน.ส.ยิ่งลักษณ์คึกคักกว่าตอนเป็นนายกฯเสียอีก
** “วัฒนา”
วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในความสนใจของสังคมว่า โครงการรับจำนำข้าวหรือโครงการประกันราคาข้าวเป็นโครงการที่รัฐบาลมีขึ้นเพื่อให้คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาวนา ให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช่โครงการเพื่อการพาณิชย์ที่ไม่สามารถเอากำไรขาดทุนมาชี้วัดตามที่หลายฝ่าย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พยายามบิดเบือนวัตถุประสงค์ของโครงการ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ข้อเสียของโครงการคือ รัฐเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงด้านราคา มีภาระในการเก็บรักษาและการระบายสินค้าที่รับจำนำไว้ ทั้งนี้ หากจะนำเอาเรื่องขาดทุนมาเป็นเหตุฟ้องร้องดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะต้องดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี และก่อให้เกิดผลเสียหายแก่ภาคการเกษตรเช่นกัน
“ภาพรวมของโครงการรับจำนำข้าวให้ผลประโยชน์กับชาวนาสูงสุด อันจะส่งผลดีมายังระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ผมในฐานะอดีต รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่าถ้าเราได้กลับมาเป็นรัฐบาล เราจะเลือกที่จะแบกรับภาระความเสี่ยงเรื่องราคาไว้แทนชาวนา ด้วยการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวต่อไป แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ” นายวัฒนา ระบุ