xs
xsm
sm
md
lg

ปธน.ศรีลังกาเยือนไทย 1-4พ.ย.นี้ ฉลองความสัมพันธ์ครบ60ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (20 ต.ค.) ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางกเษณุกา ธิเรนี เสเนวิรัตนะ (H.E. Mrs. Kshenuka Dhireni Senewiratne) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตย ศรีลังกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ และเพื่อเตรียมการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีศรีลังกา ระหว่าง 1-4 พ.ย.58

** ปธน.ศรีลังกาเยือนไทยต้นเดือน พ.ย.

ภายหลังการหารือ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการพูดคุย พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความยินดีในโอกาสที่เอกอัครราชทูตฯเข้ารับหน้าที่ และยืนยันว่าไทยพร้อมร่วมมือกับศรีลังกาเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ของสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษของการฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 60 ปี และเพื่อเป็นการตอกย้ำและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกระดับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สถานเอกอัครราชทูตทั้ง 2 แห่งจะได้จัดกิจกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่องเพื่อฉลองโอกาสดังกล่าว รวมถึงการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีศรีลังกาในปีนี้ และกิจกรรมทางศาสนาที่จะจัดขึ้นในระหว่างการมาเยือนด้วย

“นายกฯเชื่อว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีศรีลังกาในครั้งนี้ โอกาสนี้ในการหารือถึงแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ไทยยินดีและขอบคุณที่ศรีลังกาจะจัดให้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้มีโอกาสสักการะ” พล.ต.วีรชน ระบุ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นายกฯยังได้ขอบคุณที่ทางศรีลังกาจะมอบพระพุทธรูปหินแกะสลักขนาดใหญ่เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ระหว่างกัน 60 ปีให้แก่รัฐบาลไทย โดยได้มอบหมาย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลด้านศาสนาเป็นผู้แทนรัฐบาลในพิธีรับมอบ และขอให้ประดิษฐานไว้ที่วัดธรรมาราม จ. พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ด้านศาสนาของ 2 ประเทศ

** ผนึกกำลังส่งเสริมการท่องเที่ยว

พล.ต.วีรชน กล่าวด้วยว่า ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทยและศรีลังกามีความสัมพันธ์และความร่วมมือครอบคลุมหลายด้าน ทั้งนี้ทั้ง 2 ประเทศยังมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อีก โดยจะได้หารือกับประธานาธิบดีศรีลังกาเพื่อส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป ส่วนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทยและศรีลังกาสามารถส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก ซึ่งจะเห็นได้จากพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศของศรีลังกา โดยไทยเห็นว่า ศรีลังกาเป็นตลาดที่น่าลงทุนสำหรับนักลงทุนไทย รวมทั้งยินดีที่จะมีการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระหว่างการเยือน อันจะเป็นโอกาสอันดีที่นักธุรกิจทั้งสองฝ่ายที่จะสร้างเครือข่ายระหว่างกัน ด้านศาสนาและวัฒนธรรมที่ยาวนานใกล้ชิดกัน อันเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งสามารถใช้นำมาใช้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแนวใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา

“นายกฯยังเล็งเห็นว่าทั้ง 2 ประเทศมีทรัพยากรธรรชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงควรส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยไทยยินดีและพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับศรีลังกาในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” พล.ต.วีรชน กล่าว

** ขอบคุณศรีลังกาหนุนไทยในเวทีโลก

พล.ต.วีรชน กล่าวต่อว่า นายกฯย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับศรีลังกา พร้อมให้ความช่วยเหลือทางวิชาการในสาขาที่ศรีลังกาต้องการและไทยมีศักยภาพ โดยสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) หรือ Neighboring Countries Economic Development Cooperation Agency (NEDA) สามารถเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับความช่วยเหลือทางวิชาการหรือแหล่งเงินกู้แบบเงื่อนไขผ่อนปรนสำหรับโครงการเพื่อการพัฒนาต่างๆ ของศรีลังกา ซึ่งไทยหวังว่าศรีลังกาจะใช้ประโยชน์จากสำนักงานนี้ ทั้งนี้นายกฯได้กล่าวขอบคุณศรีลังกาที่ให้การสนับสนุนไทยเป็นอย่างดีเสมอมาในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในการสมัครประธานกลุ่มจี 77 ที่ไทยได้รับเลือก และในการสมัครตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของไทยใน UNSC วาระปี ค.ศ. 2017-2018

พล.ต.วีรชน เปิดเผยว่า เอกอัครราชทูตฯกล่าวว่า ตนเองถือว่าประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่ 2 เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีภูมิหลังที่มี ความเชื่อมโยงกันด้านพุทธศาสนา ซึ่งถือเป็นมิติสำคัญของความสัมพันธ์ พร้อมกล่าวว่าศรีลังกาเข้าใจในสถานการณ์ภายในประเทศ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯย้ำว่าในการเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ อยากกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ทั้งการค้า การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และการบริการ เนื่องจากไทยมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
กำลังโหลดความคิดเห็น