ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งคดีดำ อม.74/2558 ที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล หรือเสี่ยตือ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 16 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน กรณีสืบเนื่องจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเสียงข้างมาก เมื่อวันที่ 28 พ.ค.58 ชี้มูลความผิด จากการไต่สวนกรณีการร่ำรวยผิดปกติของนายสมศักดิ์ ซึ่งจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ไม่แสดงบ้านพักเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ที่ปลูกสร้าง เมื่อปี 2541 ช่วงที่นายสมศักดิ์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ และก่อสร้างจนแล้วเสร็จเมื่อปี 2544 ในช่วงที่นายสมศักดิ์เป็น รมว.ศึกษาธิการ โดยใช้เงินค่าก่อสร้าง 16 ล้านบาท ซึ่ง ป.ป.ช.เรียกนายสมศักดิ์ มาสอบแล้ว แต่ไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ชัดเจน จึงรวบรวมหลักฐานสรุปสำนวนคดี เสนอให้ นายตระกูล วินิจนัยภาค อสส.ดำเนินตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.58
** นัดโจทก์-จำเลย 20 ม.ค.ปีหน้า
โดยองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 9 (4) และคำร้องชอบ ตามข้อกำหนดของศาลฎีกาฯ พ.ศ.2543 ข้อ 23 จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องของ อสส.ไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป ทั้งนี้ ศาลนัดพร้อมคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ในวันที่ 20 ม.ค.59 เวลา 09.30 น.และวันนี้ องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ยังได้เลือก นายชาติชาย อัครวิบูลย์ รองประธานศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน
** พลิกปูม “สมศักดิ์” ซุกทรัพย์สิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายสมศักดิ์ ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จากกรณีนายสมศักดิ์ มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ในการดำรงตำแหน่ง ส.ส., รมช.ศึกษาธิการ , รมว.ศึกษาธิการ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รวม 8 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.40 ซึ่ง ป.ป.ช. ตรวจสอบพบว่า มีเงินของนายสมศักดิ์ จำนวน 28 ล้านบาท กระจายใน 21 บัญชี แต่ไม่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.โดยมีชื่อผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์นั้น ป.ป.ช.ได้ฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 263 วรรคสอง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 พ.ค.55 เป็นคดีหมายเลขแดง อม.3/2555 ว่า การกระทำของนายสมศักดิ์ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท แต่เห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี พร้อมทั้งห้ามนายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 2 ธ.ค.51 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคชาติไทย มีผลให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นต้นไปด้วย.
** นัดโจทก์-จำเลย 20 ม.ค.ปีหน้า
โดยองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 9 (4) และคำร้องชอบ ตามข้อกำหนดของศาลฎีกาฯ พ.ศ.2543 ข้อ 23 จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องของ อสส.ไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป ทั้งนี้ ศาลนัดพร้อมคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ในวันที่ 20 ม.ค.59 เวลา 09.30 น.และวันนี้ องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ยังได้เลือก นายชาติชาย อัครวิบูลย์ รองประธานศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน
** พลิกปูม “สมศักดิ์” ซุกทรัพย์สิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายสมศักดิ์ ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จากกรณีนายสมศักดิ์ มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ในการดำรงตำแหน่ง ส.ส., รมช.ศึกษาธิการ , รมว.ศึกษาธิการ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รวม 8 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.40 ซึ่ง ป.ป.ช. ตรวจสอบพบว่า มีเงินของนายสมศักดิ์ จำนวน 28 ล้านบาท กระจายใน 21 บัญชี แต่ไม่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.โดยมีชื่อผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์นั้น ป.ป.ช.ได้ฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 263 วรรคสอง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 พ.ค.55 เป็นคดีหมายเลขแดง อม.3/2555 ว่า การกระทำของนายสมศักดิ์ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท แต่เห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี พร้อมทั้งห้ามนายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 2 ธ.ค.51 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคชาติไทย มีผลให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นต้นไปด้วย.