ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“อยากให้ผู้บังคับทุกระดับเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้มีเมตตาธรรม คุณธรรม กับผู้ใต้บังคับบัญชา ตำรวจเองก็ต้องเป็นกำลังพลที่ประชาชนให้ความไว้วางใจและเชื่อใจ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่นอกลู่นอกทางขอให้ผู้บังคับบัญชาไปปรับทัศนคติให้กลับมาอยู่ในกรอบ ให้ทำดีเพื่อประชาชนเชื่อใจ ต้องยอมรับว่าตำรวจเป็นอาชีพที่มีต้นทุนต่ำ แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนไว้ใจตำรวจมากขึ้น เปรียบเสมือนญาติกัน ไม่อยากให้กลัวหรือหวาดระแวงตำรวจ ผมได้มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชา ทำความเข้าใจกับตำรวจทั่วประเทศแล้ว นโยบายที่ว่ามีหัวใจหลัก 3 อย่างคือ ไว้ใจ วางใจ และเชื่อใจ วันตำรวจปีนี้ครบ 100 ปีตำรวจไทยจะเรียกศรัทธาจากประชาชน ทำทางทางให้ชาวบ้านไว้ใจให้ได้”
นี่คือความในใจของ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.คนใหม่ถอดด้าม เรียกว่าได้ใจลูกน้องและประชาชนไปพอสมควร เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ไม่สู้ดีทั้งกรณีเด็กนักเรียนมัธยม 4 ถูกกระสุนปืนของตำรวจฝ่ายปราบปรามยาเสพติด ระหว่างเดินทางกลับบ้าน หรือเหตุจลาจลปิดล้อมโรงพักถลาง จ.ภูเก็ต
จนทำให้เกิดกระแสจากตำรวจผู้ปฏิบัติงานในเชิงน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ที่สุดแล้ว “บิ๊กแป๊ะ”ได้แสดงความสามารถในเชิงบริหารให้เห็นด้วยการส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว เข้าใช้น้ำเย็นในการเจรจาจงปรากฏภาพ-ข่าวจับมือจับไม้ระหว่างคนถูกยิง กับคนยิงกลายเป็น “อเมสซิ่ง ตำรวจไทย” ไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ส่วนเรื่องราวในจังหวัดภูเก็ต แม้ตำรวจจะถูกสังคมมองว่าทำเกินกว่าเหตุ กรณีขับรถไล่จับ 2 วัยรุ่น ที่ขับแหกด่านหลบหนีจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป 2 ศพ แต่การปิดล้อมโรงพัก และถนนหนทางใช้ความรุนแรงเผาป้อมยามตำรวจ เผารถหน้าสถานีนับ 10 คัน รวมทั้งทำร้ายเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน บาดเจ็บไปอีกจำนวนหนึ่ง
ต่อจากนั้นเพียงวันเดียว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกมาประกาศกร้าว ไม่ยอมให้ใครทำผิดกฏหมายพร้อมกับเตรียมออกหมายจับ 9 หัวโจก เรียกว่าคืนศักดิ์ศรี และซับเลือดซับน้ำตาลูกน้องที่กำลังท้อใจ หมดหวัง อย่างทันทีทันควัน
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้เพราะมีความละเอียดอ่อน หากไม่ได้รับการเยียวยาหรือแก้ไขอย่างตรงจุดมีแนวโน้มว่าตำรวจ กับประชาชน จะเผชิญหน้าทางด้านความคิดและด้านความรู้สึกนั่นคือปัญหานานัปการของการบังคับใช้กฎหมายจราจร ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ รองผบ.ตร. ดูแลฝ่ายจราจร ออกคำสั่งห้ามตั้งด่านลอย และการตั้งด่านตรวจปกติจะกระทำได้ต้องมีนายตำรวจระดับสารวัตร เป็นผู้ควบคุมด่านเท่านั้น
ประเด็นนี้ เริ่มมีการแชร์ภาพคลิปต่างๆ ในโลกโซเชียลมีเดีย กันอย่างกว้างขวาง มีการร้องเรียนตำรวจจราจรหัวรั้นยังคงแอบตั้งด่านลอยอย่างไม่สะทกสะท้าน บางคลิปมีการถกเถียงระหว่างตำรวจกับประชาชน อย่างเผ็ดร้อนขณะที่มีผู้สังเกตว่าหลายพื้นที่ ตำรวจจราจร และตำรวจสายตรวจหายหน้าหายตาไปเฉยๆ พื้นที่ กทม. บางจุดหรือต่างจังหวัดบางแห่งแทบจะกลายเป็นเมืองร้างตำรวจ
ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจจะเรียกได้ว่า นี่คือการแอบเข้าเกียร์ว่าง หรือ “ประชด”เจ้านายคนใหม่ ทั้งที่จริงแล้วการตั้งด่านลอย หรือการใช้กฏหมายจราจรอย่างลักลั่น นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ความรู้สึกไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่ศรัทธาในตำรวจ เป็นแผลร้ายมาเป็นเวลานานแล้ว โดยไม่มีผู้บังคับบัญชาระดับ ผบ.ตร.เล็งเห็น
อย่างไรก็ตาม มีบางประเด็นที่ถูกนำไปขยายอย่างไม่ถูกต้องเช่น เกิดขบวนการใต้ดินที่ต้องการให้ตำรวจอ่อนแอ หรือไม่ต้องการให้มีการตั้งด่านตรวจในบ้านในเมืองอีกต่อไป ทั้งที่จริงแล้วคำสั่งของ ตร.เน้นชัดให้มีการตั้งด่านอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งด่านกวดขันวินัยการจราจร ที่จะต้องมีนายตำรวจระดับสารวัตร เป็นผู้ควบคุมด่าน หรือด่านความมั่นคง ด่านปราบปรามอาชญากรรม ด่านยาเสพติด ความเข้าใจคาดเคลื่อนดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรทำความเข้าใจกับผู้ใต้บังคับบัญชา ในทุกระดับ
ขณะเดียวกันก็อย่าใจอ่อน หรือกลัวคำขู่ผละงาน ทิ้งงานของตำรวจ “นอกลู่” บางนาย หากจำเป็นจริงๆก็ต้องเรียกมาปรับทัศนคติขอให้เป็นตำรวจคนใหม่ ทำหน้าที่รักษากฏหมาย และบริการประชาชน อย่างสุดความสามารถ หากไม่ไหวจริงๆถ้าจำเป็นต้องปรับย้ายหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องให้มาสัมผัสใก้ลชิดกับประชาชนอีกต่อไป
สำหรับผู้บังคับบัญชา ในระดับพื้นที่อันได้แก่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และระดับ ผู้บังคับการ ผู้กำกับการ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญเมื่อได้รับ “เมตตาธรรม”จากเบื้องบนลงมาก็ต้องยึดถือปฏิบัติให้เสมอเหมือน
ต่อไปนี้เงินนอกระบบ ไม่ว่าจะเป็นการบังคับขายบัตรมวยการกุศล กอล์ฟจัดหาทุน หรือกระทั่งกิจกรรมต่างๆกันเป็นการ “ส่อ”ให้ลูกน้องออกไปบังคับ รีดไถกับบรรดาห้างร้านหรือผู้ประกอบธุรกิจคาบลูกคาบดอกผิดกฏหมาย หรือมากไปกว่านั้นคือเจ้าของบ่อน ซ่อง หวยเถื่อน เป็นต้น ต้องเลิกอย่างเด็ดขาด เพราะนี่คือการลดเกียรติ ลดศักดิ์ศรีและเป็นการบีบบังคับตำรวจชั้นผู้น้อยให้ประพฤติชั่ว เป็นวงจรอุบาทว์อย่างไม่จบไม่สิ้น
ส่วนที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ ตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา บางคนยังคงหน้าด้านหน้าทน ประเภท “อมเบี้ยเลี้ยง - อมน้ำมัน” ยังมีปรากฏอยู่เนืองๆ หาก ผบช.ภาค หรือ ผบก.จังหวัด ไม่ใส่ใจมือไม้ของผบ.ตร. ก็คือบรรดาจเรตำรวจทั้งหลาย หรือแม้แต่กองบังคับการ ปปป. หรือชื่อเต็ม “กองบังคับการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ” ขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็สมควรมอบอำนาจให้เข้ามาตรวจสอบเพราะหากมัวหลงประเด็นอยู่ว่าตำรวจที่ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรสีกากีเสียหายมีเฉพาะลูกน้องชั้นประทวนนั้นนอกจากจะสร้างความแตกแยกแล้วยังเป็นความเข้าใจที่ผิด ตำรวจยังไม่เป็นที่ไว้ใจ เชื่อใจ และวางใจ ก็เพราะยังมีการรีดไถ ตบทรัพย์ “ส่งส่วย”กันอยู่
เปรียบลูกน้องคือ “ลิง” ต้องเข้าป่าหาผลหมากรากไม้ หาเสบียงมาให้ “ฤาษี” ตัวไหนหามาให้บ่อยๆ ถูกใจก็จะได้บำเน็จความดีความชอบ “ลิงชั้นประทวน” หรือ “ลิงระดับรองฯ” บางตัวจึงมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ ส่วน “ฤาษี”ไม่ต้องพูดถึง อยู่ดีกินดี กินเหลา นอนฝูก นั่งทำงานในห้องแอร์ มีเงินทอง-ฐานะทางสังคม วันใด “ลิง”ทำพลาดถูกจับได้ “ฤาษี”ก็จะใช้อิทธิฤทธิ์ “ชุบชีวิต” สืบต่อเนื่องจนกลายเป็นบ่วงโซ่ของความเลวร้ายในวงการสีกากี
มีนายพลตำรวจท่านหนึ่งเคยเปรียบเทียบวิถีตำรวจไว้อย่างน่าฟังว่า “ชีวิตตำรวจก็เหมือนไก่ เจ้าของหรือว่านาย (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ซื้อมาในราคาแสนถูก แล้วปล่อยให้จิกเขี่ยหากินเอาเอง (ปืน วิทยุ กระดาษ เครื่องแบบ น้ำมันสายตรวจ ฯลฯ ) แต่เจ้าของคาดหวังไว้สูงว่า ไก่ตัวนี้ต้องออกไข่เยอะๆ (ส่วยต่างๆ) โดยที่ไม่เคยโยนเศษอาหารให้มัน ทุกๆวันมีแต่มาเก็บไข่ (ส่วย) แล้วก็เอาไปขายได้กำไร แต่กำไรนั้นก็ไม่เคยแปรสภาพมาเป็นหัวอาหารให้พวกมัน
วันไหนออกไข่ (ผลงาน) ได้น้อย ก็จะฉีดสารเร่งให้ออกไข่ (ช่วงระดมกวาดล้าง) โดยไม่คำนึงว่าสารเร่งนั้นจะเป็นอันตรายกับร่างกายของมัน หรือไม่ขอเพียงให้นายมีไข่ไว้ขายพอ (แถลงข่าว) หากวันไหนไข่ราคาตก (ทำงานพลาดในหน้าที่แม้ไม่ได้ตั้งใจ) นายบางคนถึงกับเชือดไก่ เพียงเพื่อเอาเนื้อไปขายแทนไข่ (ปลดออก ไล่ออก) โดยไม่สนใจว่าลูกไก่ตัวเล็กๆ (ครอบครัวตำรวจชั้นผู้น้อย) มันจะขาดแม่ไก่คอยปกป้องมันจากภัยอื่นๆ หรือไม่ สุดท้ายลูกไก่ที่แม่มันโดนเชือดก็ต้องตายตกไปตามแม่ของมัน (ครอบครัวล่มสลายเพราะขาดผู้นำ) โดยยังไม่ทันได้โต เพราะไม่มีใครคอยปกป้องพวกมัน
สุดท้ายเมื่อแม่ไก่ทยอยถูกเชือดจนหมดเจ้าของไก่ (สำนักงานตำตรวจแห่งชาติ) ก็ล้มละลายพินาศตามไปเพราะไม่มีไก่ให้ขายทั้งเนื้อและไข่อีกต่อไปแล้ว (ลูกน้องหมดศรัทธา)
ทุกประเด็น ทุกปัญหาเชื่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา คงทราบเป็นอย่างดี แต่จะให้ดีที่สุดก็คือหากท่านต้องการความสำเร็จให้ตำรวจเป็นที่ไว้ใจ วางใจ และเชื่อใจ แล้ว..
สิ่งแรกที่ไม่ควรลืมนั่นคือ “ขวัญและกำลังใจ” ของผู้ใต้บังคับบัญชา หมดสิ้นกันเสียทีระบบเห็นลูกน้องเป็นลิงเจ้านายเป็นฤาษี พอเสียที กับชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นเพียงไก่ราคาถูก