แล้วก็เป็นไปตามนั้นจนได้กับความพยายามในการดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะถูกคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่คนพวกนี้นำมาใช้ก็คือใช้มวลชนมากดดัน
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาโดยเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นพี่ชายและเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำคนเสื้อแดง จะใช้วิธีการแบบนี้ และที่ผ่านมาก็เคยใช้วิธีการแบบนี้มากดดันหลายครั้งหากพิจารณาเฉพาะกรณีใหญ่ก็มีมาตั้งแต่ปี 51 เรื่อยมา
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาค่าเสียหายที่คาดว่าจะมีคำสั่งทางปกครองบังคับให้ชดใช้ก็ถือว่าเป็น"เรื่องใหญ่"สำหรับเธอ เพราะความเป็นจริงยังหมายรวมถึงการถูก"ยึดทรัพย์"ตามมาอีกด้วยจากมูลค่ามหาศาลดังกล่าว ดังนั้นอย่าได้แปลกใจ เมื่อยังมีหนทางดิ้นรนก็ต้องทำทุกวิถีทาง โดยเฉพาะเมื่อยังมีมวลชนอยู่ในมือ แม้ว่า"ความคึกคัก"จะเริ่มหมดไป แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่ายังมีอยู่บ้าง
ดังจะเห็นได้จากคำแถลงของรักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ของครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร ที่ชื่อ ชวลิต วิชยสุทธิ์ ออกมาส่งคำเตือนเข้มๆว่า
"ผู้ที่ยึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วมาลงนามด้วยตนเองในคำสั่งทางปกครอง ยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์เสียเอง แม้จะอ้างว่าดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ ตามข้อเสนอของป.ป.ช. ก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งกันทางการเมือง เพราะกรณีนี้รัฐบาลสามารถตอบสังคมได้ว่า คดีโครงการรับจำนำข้าวเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว และการเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ก็มีศาลแพ่งซึ่งเป็นศาลยุติธรรมให้ความเป็นธรรมคู่กรณีอยู่"
"นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งในหลายสาเหตุที่ท่านชักศึกเข้าบ้านเสียเอง จากมติของรัฐสภาสหภาพยุโรปที่ให้ไทยปฏิบัติตามหลักนิติธรรม จึงขอให้พิจารณาให้รอบคอบ ทบทวนความเห็นที่จะเสนอผู้บังคับบัญชาเสียใหม่ ไม่เป็นการเสียหน้าแต่ประการใด นอกจากเป็นการปกป้องผู้บังคับบัญชาแล้ว ยังเป็นการปกป้องชื่อเสียงประเทศไทยไม่ให้เสียหายในสายตาชาวโลกด้วย"
คำแถลงดังกล่าวของรักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยดังกล่าวที่อ้างถึงความไม่ชอบธรรมในการออกคำสั่งทางปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ในตอนท้ายยังอ้างถึงมติของรัฐสภายุโรปที่เรียกร้องให้ไทยใช้หลักนิติธรรม จะกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ทำให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยในอนาคตอีกด้วย
ตามมาด้วยความเห็นของ ก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงที่ขู่ว่า
"ถ้ารัฐบาลออกคำสั่งทางปกครองให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้เงินจริง นอกจากจะทำร้ายจิตใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ยังเป็นการทำร้ายจิตใจชาวนาทั่วทั้งประเทศอย่างรุนแรงอีกด้วย เพราะจะเป็นการส่งสัญญาณว่า ห้ามรัฐบาลในอนาคตดำเนินนโยบายในการช่วยเหลือชาวนาแบบนี้อีก โอกาสที่ชาวนาจะสามารถลืมตาอ้าปากได้จะหายไปอย่างสิ้นเชิง อนาคตของชาวนาจะขึ้นอยู่กับพ่อค้าคนกลางแทน ซึ่งหลายสิบปีที่ผ่านมา สังคมก็รับทราบดีว่าเป็นอย่างไร"
ถ้าชาวนาประกอบอาชีพอย่างสิ้นหวัง มองว่าทำนาไปก็ไม่มีอนาคต ไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ สุดท้ายชาวนาก็จะทยอยขายที่ดินแล้วหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน ยุทธศาสตร์ของไทยที่จะเป็นครัวโลกซึ่งเป็นจุดแข็งที่สุดของประเทศไทยในการแข่งขันกับนานาชาติก็จะหายไปด้วยในที่สุด"
แน่นอนว่าคำพูดของคนพวกนี้ อาจดูขึงขัง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีน้ำหนัก เพราะในความเป็นจริงเป็นเพียงแค่ระดับ"ลิ่วล้อปลายแถว" เป็นเพียงแค่การแสดงความเห็นเพื่อ"เอาใจนาย"ให้รับรู้ว่าในทำนองว่าเมื่อ "นายนายเจ็บพวกผมก็ต้องเจ็บ"ไปด้วยอะไรประมาณนั้น อย่างไรก็ดีอย่างน้อยก็ได้เห็นถึงท่าทีและความเคลื่อนไหวในอนาคตของคนพวกนี้
หากพิจารณาจากความเสียหาย และผลที่จะออกมา มันก็ถือว่าเป็น"เรื่องใหญ่"จริงๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่ของคนในครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่หัวยันหาง และที่หนักหนาสาหัสและติดหล่มอยู่กับที่ดิ้นหนีไม่ออกอยู่ในเวลานี้ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังโดนทั้งคดีอาญาและตามมาด้วยคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ก็ลองคิดดูกันเองว่าเสี่ยงทั้งคุกและเสี่ยงถูกยึดทรัพย์ เป็นใครก็ต้อง"หนาว"และต้องดิ้นรนทุกทางเพื่อหวังเอาตัวรอดให้ได้
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่คนพวกนี้จะต้องวกกลับมาปลุกระดมมวลชนขึ้นมาสู้ เพราะพวกเขายังพอมีไม้ให้ใช้อยู่บ้าง แม้ว่าจะอาจะไม่คึกคักเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยมันก็สามารถสร้างแรงกดดันได้เหมือนกัน และหากแก้เกมไม่ดีหรือไม่ทันเกมก็เสี่ยงบานปลายเหมือนกัน แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็ต้องระวังเหมือนกัน เพราะจะว่าไปมันก็อ่อนไหวเหมือนกัน !!
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาโดยเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นพี่ชายและเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำคนเสื้อแดง จะใช้วิธีการแบบนี้ และที่ผ่านมาก็เคยใช้วิธีการแบบนี้มากดดันหลายครั้งหากพิจารณาเฉพาะกรณีใหญ่ก็มีมาตั้งแต่ปี 51 เรื่อยมา
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาค่าเสียหายที่คาดว่าจะมีคำสั่งทางปกครองบังคับให้ชดใช้ก็ถือว่าเป็น"เรื่องใหญ่"สำหรับเธอ เพราะความเป็นจริงยังหมายรวมถึงการถูก"ยึดทรัพย์"ตามมาอีกด้วยจากมูลค่ามหาศาลดังกล่าว ดังนั้นอย่าได้แปลกใจ เมื่อยังมีหนทางดิ้นรนก็ต้องทำทุกวิถีทาง โดยเฉพาะเมื่อยังมีมวลชนอยู่ในมือ แม้ว่า"ความคึกคัก"จะเริ่มหมดไป แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่ายังมีอยู่บ้าง
ดังจะเห็นได้จากคำแถลงของรักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ของครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร ที่ชื่อ ชวลิต วิชยสุทธิ์ ออกมาส่งคำเตือนเข้มๆว่า
"ผู้ที่ยึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วมาลงนามด้วยตนเองในคำสั่งทางปกครอง ยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์เสียเอง แม้จะอ้างว่าดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ ตามข้อเสนอของป.ป.ช. ก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งกันทางการเมือง เพราะกรณีนี้รัฐบาลสามารถตอบสังคมได้ว่า คดีโครงการรับจำนำข้าวเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว และการเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ก็มีศาลแพ่งซึ่งเป็นศาลยุติธรรมให้ความเป็นธรรมคู่กรณีอยู่"
"นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งในหลายสาเหตุที่ท่านชักศึกเข้าบ้านเสียเอง จากมติของรัฐสภาสหภาพยุโรปที่ให้ไทยปฏิบัติตามหลักนิติธรรม จึงขอให้พิจารณาให้รอบคอบ ทบทวนความเห็นที่จะเสนอผู้บังคับบัญชาเสียใหม่ ไม่เป็นการเสียหน้าแต่ประการใด นอกจากเป็นการปกป้องผู้บังคับบัญชาแล้ว ยังเป็นการปกป้องชื่อเสียงประเทศไทยไม่ให้เสียหายในสายตาชาวโลกด้วย"
คำแถลงดังกล่าวของรักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยดังกล่าวที่อ้างถึงความไม่ชอบธรรมในการออกคำสั่งทางปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ในตอนท้ายยังอ้างถึงมติของรัฐสภายุโรปที่เรียกร้องให้ไทยใช้หลักนิติธรรม จะกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ทำให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยในอนาคตอีกด้วย
ตามมาด้วยความเห็นของ ก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงที่ขู่ว่า
"ถ้ารัฐบาลออกคำสั่งทางปกครองให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้เงินจริง นอกจากจะทำร้ายจิตใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ยังเป็นการทำร้ายจิตใจชาวนาทั่วทั้งประเทศอย่างรุนแรงอีกด้วย เพราะจะเป็นการส่งสัญญาณว่า ห้ามรัฐบาลในอนาคตดำเนินนโยบายในการช่วยเหลือชาวนาแบบนี้อีก โอกาสที่ชาวนาจะสามารถลืมตาอ้าปากได้จะหายไปอย่างสิ้นเชิง อนาคตของชาวนาจะขึ้นอยู่กับพ่อค้าคนกลางแทน ซึ่งหลายสิบปีที่ผ่านมา สังคมก็รับทราบดีว่าเป็นอย่างไร"
ถ้าชาวนาประกอบอาชีพอย่างสิ้นหวัง มองว่าทำนาไปก็ไม่มีอนาคต ไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ สุดท้ายชาวนาก็จะทยอยขายที่ดินแล้วหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน ยุทธศาสตร์ของไทยที่จะเป็นครัวโลกซึ่งเป็นจุดแข็งที่สุดของประเทศไทยในการแข่งขันกับนานาชาติก็จะหายไปด้วยในที่สุด"
แน่นอนว่าคำพูดของคนพวกนี้ อาจดูขึงขัง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีน้ำหนัก เพราะในความเป็นจริงเป็นเพียงแค่ระดับ"ลิ่วล้อปลายแถว" เป็นเพียงแค่การแสดงความเห็นเพื่อ"เอาใจนาย"ให้รับรู้ว่าในทำนองว่าเมื่อ "นายนายเจ็บพวกผมก็ต้องเจ็บ"ไปด้วยอะไรประมาณนั้น อย่างไรก็ดีอย่างน้อยก็ได้เห็นถึงท่าทีและความเคลื่อนไหวในอนาคตของคนพวกนี้
หากพิจารณาจากความเสียหาย และผลที่จะออกมา มันก็ถือว่าเป็น"เรื่องใหญ่"จริงๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่ของคนในครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่หัวยันหาง และที่หนักหนาสาหัสและติดหล่มอยู่กับที่ดิ้นหนีไม่ออกอยู่ในเวลานี้ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังโดนทั้งคดีอาญาและตามมาด้วยคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ก็ลองคิดดูกันเองว่าเสี่ยงทั้งคุกและเสี่ยงถูกยึดทรัพย์ เป็นใครก็ต้อง"หนาว"และต้องดิ้นรนทุกทางเพื่อหวังเอาตัวรอดให้ได้
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่คนพวกนี้จะต้องวกกลับมาปลุกระดมมวลชนขึ้นมาสู้ เพราะพวกเขายังพอมีไม้ให้ใช้อยู่บ้าง แม้ว่าจะอาจะไม่คึกคักเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยมันก็สามารถสร้างแรงกดดันได้เหมือนกัน และหากแก้เกมไม่ดีหรือไม่ทันเกมก็เสี่ยงบานปลายเหมือนกัน แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็ต้องระวังเหมือนกัน เพราะจะว่าไปมันก็อ่อนไหวเหมือนกัน !!
