ASTV ผู้จัดการรายวัน -บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(TISCO )แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3มีกำไรสุทธิจำนวน 809.7 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 279.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ส่วนงวด 9เดือนมีกำไรสุทธิ 3,006ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,015 ล้านบาท
ทั้งนี้สาเหตหลักุที่กำไรสุทธิของบริษัทลดลงมาจากการตั้งสำรองเต็มจำนวนให้แก่ลูกหนี้บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) และบริษัทย่อยสหวิริยาอินดัสตรี ยูเค (SSI UK) อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6.6% จากต้นทุนเงินฝากที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนกันยายนมีจำนวน 237,259 ล้านบาท ลดลง 12,080 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.8%จากสิ้นไตรมาส 2 ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ประกอบกับการชำระหนี้คืนก่อนกำหนด และการตัดหนี้สูญของบริษัทสหวิริยาอินดัสตรียูเค ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ระดับ 3.30% จากสิ้นไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 2.86% แต่หากพิจารณาเฉพาะพอร์ตสินเชื่ออื่นอันประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อธุรกิจ เอ็นพีแอลมีแนวโน้มลดลง โดยยอดเอ็นพีแอลทั้งหมดมีจำนวนรวม 7,034 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 703 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.9%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 บริษัทตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและรายการขาดทุนจากการด้อยค่ารวม 2,165.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,027.97 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตราร้อยละ 3.56 ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการตั้งสำรองพิเศษในงวดนี้ การกันสำรองของธุรกิจปกติมีแนวโน้มลดลง โดยระดับการตั้งสำรองที่จำเป็นของธุรกิจปกติในไตรมาส 3 อยู่ในระดับที่ร้อยละ 1.3-1.4 ของยอดเฉลี่ยสินเชื่อโดยรวม
ทั้งนี้สาเหตหลักุที่กำไรสุทธิของบริษัทลดลงมาจากการตั้งสำรองเต็มจำนวนให้แก่ลูกหนี้บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) และบริษัทย่อยสหวิริยาอินดัสตรี ยูเค (SSI UK) อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6.6% จากต้นทุนเงินฝากที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนกันยายนมีจำนวน 237,259 ล้านบาท ลดลง 12,080 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.8%จากสิ้นไตรมาส 2 ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ประกอบกับการชำระหนี้คืนก่อนกำหนด และการตัดหนี้สูญของบริษัทสหวิริยาอินดัสตรียูเค ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ระดับ 3.30% จากสิ้นไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 2.86% แต่หากพิจารณาเฉพาะพอร์ตสินเชื่ออื่นอันประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อธุรกิจ เอ็นพีแอลมีแนวโน้มลดลง โดยยอดเอ็นพีแอลทั้งหมดมีจำนวนรวม 7,034 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 703 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.9%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 บริษัทตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและรายการขาดทุนจากการด้อยค่ารวม 2,165.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,027.97 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตราร้อยละ 3.56 ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการตั้งสำรองพิเศษในงวดนี้ การกันสำรองของธุรกิจปกติมีแนวโน้มลดลง โดยระดับการตั้งสำรองที่จำเป็นของธุรกิจปกติในไตรมาส 3 อยู่ในระดับที่ร้อยละ 1.3-1.4 ของยอดเฉลี่ยสินเชื่อโดยรวม
