ASTV ผู้จัดการรายวัน – นักวิเคราะห์เตือนดัชนีหุ้นไทยยังเผชิญแรงขายทำกำไร จับตาแนวต้านจิตวิทยา 1380 จุดหากผ่านอาจพุ่งขึ้นทดสอบ 1400 จุด เนื่องจากโครงสร้างหลักของดัชนีเริ่มเป็นบวก แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ซึ่งได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า และกลุ่มก่อสร้างที่ได้รับอานิสงฆ์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 6 ตุลาคม 58 ปิดที่ 1,370.69 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด เปลี่ยนแปลง +0.55% มูลค่าการซื้อขาย 38,279.78 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,372.56 จุด และต่ำสุดที่ 1,363.39 จุด
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต สรุปภาพตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในทิศทางเดียวกันกับตลาดรอบบ้าน หนุนด้วยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และการบรรลุข้อตกลง TPP หนุนโมเมนตัมในตลาดหุ้นเอเชีย
“ตลาดหุ้นบ้านเราจะยังได้โมเมนตัมบวกจากตลาดต่างประเทศต่อ แต่ด้วยปัจจัยภายในประเทศยังจำกัดทำให้มีแรงขายทำกำไรกลุ่มที่ Outperform มาก่อนหน้า ทั้งกลุ่มโรงงานน้ำตาล และกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน จะกดดันไม่ให้ตลาดร้อนแรงมากนักอีกทั้งรีบาวด์มา 2 วันจึงต้องระวังแรงขายทำกำไร สำหรับหุ้นกลุ่มที่แนะนำสะสมเมื่อดัชนีอ่อนตัวคือหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ซึ่งได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า” นายอดิศักดิ์ กล่าว
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ (7 ต.ค.) ดัชนีน่าจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ จับตาแนวต้านที่ 1380 จุดหากผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1400 จุด เนื่องจากโครงสร้างหลักของ SET Index เริ่มมีทิศทางในเชิงบวกเกิดขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1350 จุด และมีเป้าหมายขึ้นไปที่ 1,408 จุด และมีโอกาสที่ SET จะค่อยๆ ปรับสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ (Year-End Rally) จาก 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มส่งผลประมาณไตรมาส 4/58 – 1/59 2) รัฐบาลเร่งเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน หนุนความเชื่อมั่น 3) แรงขายนักลงทุนต่างชาติจำกัด ถือครองหุ้นต่ำสุดตั้งแต่ 2008 ทำให้แม้ Fed มีแผนขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค.นี้ แต่ประเมินผลกระทบจำกัดมากแล้ว และ 4) นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (Consensus) มีมุมมอง Very Conservative แล้ว ทำให้ไม่คิดว่าจะมีการปรับประมาณการกำไร (Downward Revision) อย่างมีนัยสำคัญแล้ว หลังประกาศกำไรไตรมาส 3/15
ด้านนางอัศวินี ไตลังคะ กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต คาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปี ว่า ดัชนีตลาดหลักรัพย์จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,370-1,400 จุด โดยการลงทุนในระยะ 3 เดือนนี้ แนะนำให้ลงทุนในกลุ่มก่อสร้างที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และกลุ่มท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
“ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากน่าจะได้รับแรงหนุนจากการเข้ามาซื้อกองทุน LTF และผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ได้แก่ การผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงหลักของตลาดหุ้นไทยน่าจะมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ” นางอัศวินี กล่าว
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 6 ตุลาคม 58 ปิดที่ 1,370.69 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด เปลี่ยนแปลง +0.55% มูลค่าการซื้อขาย 38,279.78 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,372.56 จุด และต่ำสุดที่ 1,363.39 จุด
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต สรุปภาพตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในทิศทางเดียวกันกับตลาดรอบบ้าน หนุนด้วยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และการบรรลุข้อตกลง TPP หนุนโมเมนตัมในตลาดหุ้นเอเชีย
“ตลาดหุ้นบ้านเราจะยังได้โมเมนตัมบวกจากตลาดต่างประเทศต่อ แต่ด้วยปัจจัยภายในประเทศยังจำกัดทำให้มีแรงขายทำกำไรกลุ่มที่ Outperform มาก่อนหน้า ทั้งกลุ่มโรงงานน้ำตาล และกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน จะกดดันไม่ให้ตลาดร้อนแรงมากนักอีกทั้งรีบาวด์มา 2 วันจึงต้องระวังแรงขายทำกำไร สำหรับหุ้นกลุ่มที่แนะนำสะสมเมื่อดัชนีอ่อนตัวคือหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ซึ่งได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า” นายอดิศักดิ์ กล่าว
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ (7 ต.ค.) ดัชนีน่าจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ จับตาแนวต้านที่ 1380 จุดหากผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1400 จุด เนื่องจากโครงสร้างหลักของ SET Index เริ่มมีทิศทางในเชิงบวกเกิดขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1350 จุด และมีเป้าหมายขึ้นไปที่ 1,408 จุด และมีโอกาสที่ SET จะค่อยๆ ปรับสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ (Year-End Rally) จาก 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มส่งผลประมาณไตรมาส 4/58 – 1/59 2) รัฐบาลเร่งเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน หนุนความเชื่อมั่น 3) แรงขายนักลงทุนต่างชาติจำกัด ถือครองหุ้นต่ำสุดตั้งแต่ 2008 ทำให้แม้ Fed มีแผนขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค.นี้ แต่ประเมินผลกระทบจำกัดมากแล้ว และ 4) นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (Consensus) มีมุมมอง Very Conservative แล้ว ทำให้ไม่คิดว่าจะมีการปรับประมาณการกำไร (Downward Revision) อย่างมีนัยสำคัญแล้ว หลังประกาศกำไรไตรมาส 3/15
ด้านนางอัศวินี ไตลังคะ กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต คาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปี ว่า ดัชนีตลาดหลักรัพย์จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,370-1,400 จุด โดยการลงทุนในระยะ 3 เดือนนี้ แนะนำให้ลงทุนในกลุ่มก่อสร้างที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และกลุ่มท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
“ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากน่าจะได้รับแรงหนุนจากการเข้ามาซื้อกองทุน LTF และผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ได้แก่ การผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงหลักของตลาดหุ้นไทยน่าจะมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ” นางอัศวินี กล่าว