xs
xsm
sm
md
lg

แผ่นดินของไทย ปัญหาของคนไทย (6) เรื่องที่ 6.1 : มีอะไรบ้างที่ควรทำ What should be done ตอนที่ 4 : รัฐวิสาหกิจผลิตอาวุธของไทย

เผยแพร่:   โดย: วีระศักดิ์ นาทะสิริ

โดย...วีระศักดิ์ นาทะสิริ

1. เกี่ยวกับบทความ “แผ่นดินของไทย ปัญหาของคนไทย”

ตามที่ผู้เขียนได้แก้ไขการใช้ตัวเลขกำกับบทความ แผ่นดินของไทย ปัญหาของคนไทยซึ่งมีรายละเอียดโดยสรุปคือ ตัวเลขอารบิกในวงเล็บหลังบทความ แผ่นดินของไทย ปัญหาของคนไทย หมายถึง หมวดหรือกลุ่มเรื่องของบทความ ส่วนตัวเลขอารบิกหลังคำว่า เรื่องที่หมายถึง ลำดับที่ของเรื่องในหมวดนั้น และถ้าเรื่องนั้นมีหลายตอนก็จะระบุว่า เป็นตอนที่เท่าไรของเรื่องนี้

ดังนั้นในบทความนี้ ตัวเลขอารบิกในวงเล็บ (6) จะหมายถึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ส่วนตัวเลขอารบิก 6.1 จะหมายถึง เรื่องมีอะไรบ้างที่ควรทำ ซึ่งเป็นเรื่องลำดับที่ 1 ของหมวดหรือกลุ่มเรื่องที่ 6 และเป็นตอนที่ 4 ของเรื่อง มีอะไรบ้างที่ควรทำนั่นเอง

2. กล่าวนำ : ความร่วมมือในการพัฒนาอาวุธของกองทัพไทยกับบริษัทต่างประเทศ

ผู้เขียนรู้สึกดีใจ หลังจากได้ทราบข่าวจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 58 ว่า กองทัพไทยได้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี (อิเล็กทรอนิกส์ทางทหาร) ชั้นนำจากอิสราเอลทำการพัฒนาปืนใหญ่อัตตาจรซึ่งเป็นปืนใหญ่ที่สามารถเคลื่อนที่ (Mobile Artillery) ไปด้วยยานพาหนะต่างๆ โดยมีชื่อเรียกว่า ป.155 มม./52 อัตตาจร (Self-propelled artillery-ดูภาพที่ 1) เป็นปืนใหญ่ที่มีระบบการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย โดยมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่ ATMOS 2000 ซึ่งเป็นปืนต้นแบบของอิสราเอลดูภาพที่ 2 (ข้อมูลจากhttps://en.wikipedia.org/wiki/Self-propelled_artillery ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย)

นอกจากนี้ในรายงานข่าวเดียวกันยังได้ระบุอีกว่า ศูนย์ผลิตอาวุธป้องกันประเทศของไทยกับ Elbit Systems (ซึ่งเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ทางทหารจากอิสราเอล) จะพัฒนาและผลิตปืนใหญ่อัตตาจรรุ่นนี้ (ป.155 มม./52) ออกมาทั้งหมด 18 ชุด เพื่อนำไปทดแทนปืนใหญ่แบบ M109A5 ที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกาจำนวน 20 ชุด ซึ่งได้ประจำการที่กองพันทหารปืนใหญ่ 721 จังหวัดลพบุรีมานานหลายสิบปีแล้ว 

                           ภาพที่ 1 ป.155 มม./52 อัตตาจร

(ภาพและข่าวจากhttp://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000111248ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย- เข้าใจว่า คงจะพัฒนาจากปืน ATMOS 2000 ในภาพที่ 2 เพื่อให้สามารถยิงได้ไกลมากขึ้น)

                                   ภาพที่ 2 ATMOS 2000
            ATMOS 2000 (Autonomous Truck Mounted Howitzer System)

(ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/ATMOS_2000 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย)

3. ทำไมไทยต้องมีกองทัพที่เข้มแข็ง : เหตุผลสำคัญ

3.1 ไทยมีชายแดนติดต่อกับหลายประเทศในอาเซียน โดยมีชายแดนทางบกติดต่อกับเมียนมาร์, ลาว, กัมพูชา และมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ทางทะเลที่ติดต่อกับเมียนมาร์, กัมพูชา, มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งมักจะทำให้ไทยประสบกับปัญหาต่างๆ บริเวณพื้นที่ชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ เช่น (1) ปัญหาพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เกี่ยวกับประสาทเขาพระวิหาร (2) กรณีการปะทะกันที่บ้านร่มเกล้าระหว่างไทยกับลาว (3) กรณีชนกลุ่มน้อยที่ต่อสู้กับรัฐบาลเมียนมาร์และหลบหนีเข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก (4) กรณีที่กลุ่มค้ายาเสพติดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำจังหวัดเชียงราย ได้ใช้ดินแดนไทยเป็นเส้นทางขนส่งและกระจายยาเสพติดไปยังประเทศอื่นๆ (5) กรณีที่กลุ่มค้ามนุษย์ที่ลักลอบขนชาวโรฮิงญา (โรฮีนจา) เข้าไทยและได้ผ่านต่อไปยังชายแดนไทยเพื่อเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย (6) กรณีการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนและสินค้าหนีภาษีจากชายแดนมาเลเซียเข้าสู่ไทย เป็นต้น (ตัวเลขในแผนที่จะแสดงถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน)

           ภาพที่ 3 แผนที่ประเทศไทยและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย

รูปภาพจาก http://www.thaiturk.com/index.php/2014-08-25-07-52-51/2014-08-25-07-53-17/2014-09-08-07-20-14/geography ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

3.2 ความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่อาจส่งผลกระทบต่อไทย ตัวอย่างเช่น สงครามกลางเมืองในอดีตระหว่างรัฐบาลศรีลังกาที่เป็นชาวสิงหลกับชาวทมิฬ ที่บางฝ่ายได้ลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ภาคใต้ของไทยเป็นที่จัดหาอาวุธและรับการสนับสนุนต่างๆ หรือปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนกับเวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งรวมทั้งทรัพยากรใต้ทะเลในพื้นที่ดังกล่าวดูภาพที่ 4 (หมายเลข 1) หรือปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเกี่ยวกับพื้นที่ทางทะเลบริเวณเกาะเซนกากุดูภาพที่ 4 (หมายเลข 2) ซึ่งปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อภาวะเศรษฐกิจและความมั่นคงของไทย

   ภาพที่ 4 การอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ทางทะเลของประเทศต่างๆ ในทะเลจีนใต้

ภาพจาก http://www.npr.org/2012/09/07/160745930/little-islands-are-big-trouble-in-the-south-china-sea ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

3.3 โครงการขุดคลองคอดกระเพื่อเป็นเส้นทางการเดินเรือในอนาคต

รายงานข่าวโดยสรุปจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 58 ได้ระบุว่า สถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีนได้เผยแพร่รายงานพิเศษเรื่องเส้นทางสายไหมสู่อนาคต ตอนที่ 2 (Silk Road to the Future) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการขุดคลองกระซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเบลธ์แอนด์โรด (Belt and Road) ที่จะช่วยร่นระยะทางการเดินเรือจากมหาสมุทรอินเดียไปยังอ่าวไทยได้กว่า 1,200 กิโลเมตรโดยจีนกำลังทำการศึกษาข้อเสนอเพื่อทำการก่อสร้างและให้เงินสนับสนุนโครงการ

            ภาพที่ 5 การรายงานข่าวการสำรวจคลองกระของ CCTV

ข่าวและภาพจาก http://manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9580000111641ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

ในเรื่องนี้ ผู้เขียนได้เคยเสนออย่างเป็นทางการให้รัฐบาลไทยทำการศึกษา และจัดทำโครงการขุดคลองกระเพื่อใช้เป็นเส้นทางการเดินเรือที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับอ่าวไทย มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 แล้ว (โดยสามารถดูรายละเอียดในหนังสือเรื่อง ปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ : ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธ (Armed Conflict) การก่อการร้าย (Terrorism) และแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งเขียนโดยผู้เขียน และจัดพิมพ์โดย สำนักกรรมาธิการ 2 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พิมพ์ครั้งที่ 2, วันที่ 31 มกราคม 2557, หน้าที่ 73) แต่เรื่องนี้ก็ได้เงียบหายไปโดยไม่มีปฏิกิริยาจากรัฐบาลที่ผ่านมา จนกระทั่งได้ทราบข่าวนี้จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ในขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความนี้อยู่ (วันที่ 5 ต.ค. 2558)

ด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวมา ไทยจึงจำเป็นต้องมีกองทัพที่เข้มแข็งเพื่อปกป้องและตอบโต้ภัยคุกคามและผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งในภูมิภาคเอเชีย- แปซิฟิกและจากโครงการขุดคลองกระ (คลองคอดกระ)

4. ทำไมไทยต้องผลิตอาวุธเอง : ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการผลิตอาวุธของไทย

4.1 ผู้เขียนเชื่อว่า การพัฒนาอาวุธของกองทัพไทยที่ร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศดังที่กล่าวในข้อ 2 เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะจะทำให้บุคลากรของกองทัพไทยไม่เพียงได้เรียนรู้เทคโนโลยีการพัฒนาอาวุธที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังจะมีความชำนาญเพิ่มมากขึ้นจนสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาอาวุธที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต

4.2 การที่ไทยจะอยู่รอดในสังคมโลกที่โหดเหี้ยมและชั่วร้ายได้ เชื่อว่า น่าจะมีเพียงหนทางเดียวคือ ต้องพึ่งตนเอง โดยไม่ต้องขอยืมจมูกคนอื่นหายใจและไม่ต้องหวังรอความกรุณาเมตตาจากประเทศมหาอำนาจหรือมิตรประเทศอื่นใด เพราะไทยไม่ได้เป็นผู้ด้อยสมรรถภาพหรือเป็นผู้พิการที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ดังนั้นไทยจึงควรยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเป็นสำคัญ นั่นหมายความว่า ไทยจะต้องศึกษา ค้นคว้าวิจัย และพัฒนาอาวุธของเราขึ้นเอง

5. ข้อเสนอแนะในเรื่องการพัฒนาและผลิตอาวุธของไทย

5.1 กองทัพและรัฐบาลไทยควรจัดทำโครงการวิจัยพัฒนาอาวุธโดยร่วมมือกับบริษัทผลิตอาวุธในต่างประเทศ เช่น อิสราเอล สวีเดน เยอรมนี ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย เป็นต้น เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และเลือกนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในการพัฒนาอาวุธของไทยเอง

5.2 กองทัพและรัฐบาลควรจัดตั้งบริษัทผลิตอาวุธโดยมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจที่กองทัพหรือรัฐเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้ลงทุนหลัก (ซึ่งควรประกอบด้วยกระทรวงที่สำคัญ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์) เพื่อศึกษาค้นคว้า วิจัย และพัฒนา (Research & Development) อาวุธในทุกรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของกองทัพไทยและส่งออกจำหน่ายให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคของโลก โดยจัดตั้งในรูปรัฐวิสาหกิจ (บริษัท) อย่างน้อย 4 รัฐวิสาหกิจ คือ

(1) รัฐวิสาหกิจ (หรือบริษัท) ผลิตอาวุธและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกองทัพบก เช่น อาวุธปืนประจำกายของทหารราบ, ปืนใหญ่ขนาดต่างๆ, อาวุธต่อสู้หรือต่อต้านอากาศยาน, รถถังและยานเกราะแบบต่างๆ, อาวุธนำวิถีจากพื้นสู่พื้น, ปืนใหญ่ขนาดต่างๆ, ยานพาหนะต่างๆ, อุปกรณ์การสื่อสารระหว่างหน่วยต่างๆ ของกองทัพในพื้นที่ และระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการควบคุมการยิงของอาวุธ เป็นต้น

(2) รัฐวิสาหกิจ(บริษัท)ผลิตอาวุธและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกองทัพเรือ เช่น เรือฟรีเกตขนาดต่างๆ, เรือบรรทุกและเรือลำเลียงพลขนาดต่างๆ, เรือดำน้ำ, ระบบการสื่อสารในท้องทะเล, ระบบอาวุธนำวิถีทั้งจากบนผิวน้ำสู่อากาศ และระบบอาวุธนำวิถีจากใต้น้ำ เป็นต้น

(3) รัฐวิสาหกิจ(บริษัท)ผลิตอาวุธและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกองทัพอากาศ เช่น เครื่องบินบรรทุกขนาดต่างๆ, เครื่องบินขับไล่โจมตีขนาดต่างๆ, ระบบเรดาร์, ระบบอาวุธนำวิถีอากาศสู่อากาศ และอากาศสู่พื้นดินขนาดต่างๆ, ระบบดาวเทียมเพื่อการสื่อสารและการถ่ายภาพ, อากาศยานและจรวดขนาดต่างๆ และอากาศยานไร้คนขับประเภทต่างๆ หรือที่เรียกว่า Drone เป็นต้น

(4) รัฐวิสาหกิจ(บริษัท)ที่มีหน้าที่ด้านการตลาดสินค้าอาวุธ โดยจะต้องแสวงหาตลาดในภูมิภาคต่างๆ ของโลกเพื่อหาช่องทางจำหน่ายอาวุธต่างๆ ที่รัฐวิสาหกิจทั้ง 3 ข้างต้นได้พัฒนาและผลิตขึ้น และรวมทั้งจะต้องแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธจากประเทศต่างๆ เพื่อช่วยให้รัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ในการผลิตได้ทำการศึกษา และพัฒนาอาวุธต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

6. บทสรุป

สำหรับรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่มีหน้าที่ในด้านการตลาดรัฐควรจัดตั้งบริษัทย่อยร่วมกับบริษัทของต่างประเทศเพื่อแสวงหาเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเพื่อร่วมมือกันขยายตลาดสินค้าอาวุธของไทยไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลกอีกด้วย

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เปรียบเหมือนเป็นความฝันที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเป็นจริงได้สักที We don’t know when the dream comes true อย่างไรก็ดี ผู้เขียนยังเชื่อว่า การที่ไทยจะอยู่รอดในสังคมโลกที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและชั่วร้ายได้นั้น คงมีเพียงหนทางเดียวที่จะหวังได้คือ ไทยจะต้องพึ่งตนเองเป็นหลัก ไทยไม่ควรหวังพึ่งมหาอำนาจและมิตรประเทศอื่นใด ให้มาช่วยเหลือหรือมาช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เรา เพราะประเทศใดก็ตามที่มาช่วยเราก็คงหวังว่า จะได้บางสิ่งบางอย่างเป็นการตอบแทน ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยและลูกหลานไทยในอนาคตต้องถูกผูกมัดจนขาดความเป็นอิสระ และอาจสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองในที่สุด

ท้ายบทความ

สำหรับแนวความคิดในเรื่อง การขุดคลองกระ (คลองคอดกระ) ผู้เขียนขอเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อทำการศึกษา และจัดทำโครงการขุดคลองกระให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็ว และขอเสนอให้รัฐบาลไทยดำเนินการติดต่อและประสานให้บริษัทเอกชน และรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย เยอรมัน และรวมทั้งสถาบันการเงินต่างๆ ที่สนใจได้เข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษา และเสนอแนวทางในการจัดทำโครงการขุดคลองกระนี้ด้วย ไทยไม่ควรให้ประเทศใดประเทศหนึ่งเข้ามารับผิดชอบดำเนินโครงการขุดคลองกระแต่เพียงประเทศเดียว เพราะจะเป็นการผูกขาดความคิด และผูกขาดเทคโนโลยีของประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป

ถ้าผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ กรุณาส่งความคิดเห็นของท่านมาที่ weerasak.nathasiri@gmail.com - ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น