เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบก ที่ 582/2558 เรื่องให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือน จำนวน 271 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งนายทหารระดับคุมกำลังของกองทัพบก โดยมีตำแหน่งสำคัญๆ ดังนี้
พ.อ.ธิติพันธ์ ฐานะจาโร ลูกชาย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต ผบ.ทบ. เป็นรอง ผบ.พล.ร.11 พ.อ.มนัส จันดี เป็นรอง เสธ.ทภ.1 พ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ นายทหารคนสนิท พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ได้เป็น รอง ผบ.พล.1 รอ. พ.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง เป็น รอง ผบ.พล.ร.2 รอ.พ.อ.ศักดิ์วุฒิ วงศ์วานิช และ พ.อ.ชัยยา จุ้ยเจริญ เป็นรอง ผบ.มทบ.18 พ.อ.นิธิศ เปลี่ยนปาน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ เป็น รอง ผบ.มทบ.11 พ.อ.ดิฐพงษ์ เจริญวงศ์ เป็นรอง ผบ.มทบ.12 พ.อ.อิทธิพล สุวรรณรัฐ เป็นรอง ผบ.มทบ.13 พ.อ.ชาติชาย น้าวแสง เป็น รอง ผบ.มทบ.19 พ.อ.พิเชษฐ์ อาจฤทธิวงค์ เป็นรอง ผบ.มทบ.21 พ.อ.พิชิต วันทา และพ.อ.พูลศักดิ์ สมบูรณ์ เป็น รอง ผบ.มทบ.22
พ.อ.อุกฤษฎ์ นุตคำแหง เป็น รอง ผบ.พล.ร.4 พ.อ.บรรณวัฒน์ พรหมจรรย์ เป็นรอง ผบ.พล.ร.7 พ.อ.กฤษดา พงษ์สามารถ เป็นรอง ผบ.พล.ร. 5 พ.อ.สิทธิพร มุสิกะสิน เป็นรอง ผบ.พล.ร.15 พ.อ.สุวิทย์ เกตุศรี และพ.อ.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี เป็นรอง ผบ.พล.ม.2 รอ. พ.อ.วรวุฒิ วุฒิศิริ และพ.อ.นพพร ดุลยา เป็น รอง ผบ.พล.ปตอ. พ.อ.ธราพงษ์ มะละคำ เป็น ผบ.ร.12 รอ.พ.อ.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน เป็น ผบ.ร.14 พ.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ เป็นผบ.ม.3 พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ อดีตโฆษ กกอ.รมน. ภาคที่ 4 ส่วนหน้าเป็น ผบ.ป.5 พ.อ.ชาตรี กิตติขจร เป็น เสธ.พล.รพศ.1 พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน เป็น เสธ.พล.ม.2 รอ.รอ. พ.อ.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ เป็น ผบ.ร.16 พ.อ.วรเทพ บุญญะ เป็น รองผบ.ร.17 พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ เป็นผบ.ม.1 รอ.
พ.อ.เกรียงศักดิ์ เสนาะพิน เป็น ผบ.ปตอ.2 พ.อ.ธานี วาศภูติ เป็น เสธ.พล.ปตอ. พ.อ.บรรยง ทองน่วม เป็น ผบ.ร.9 พ.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ เป็น ผบ.ร.2 รอ. พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ เป็น ผบ.ร.29 พ.อ.ทรงพล สาดเสาเงิน เป็น ผบ.ร.31 รอ. พ.อ.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ นายทหารคนสนิท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็น ผบ.ป.1 รอ.แทน พ.อ.คชาชาติ บุญดี ผบ.ป.1 รอ. นายทหารที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลความสงบในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณจุดสำคัญๆ อาทิ ทำเนียบรัฐบาล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฯลฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มีคำสั่งที่ 579/2558 ลงนามโดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 30 ก.ย.58 ให้ไปดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.มทบ.11 แต่กลับถูกโยกกลับไปเป็น นายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ ทภ.3
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. กับ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. หลัง พล.อ.ธีรชัย ได้มีคำสั่งระงับการปรับย้ายนายทหารกองทัพบก ที่ พล.อ.อุดมเดช ได้ลงนามคำสั่งก่อนเกษียณอายุราชการ ว่า การโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีความขัดแย้งระหว่างกัน เพราะทั้ง 2 เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ซึ่ง พล.อ.อุดมเดช ที่ยืนอยู่ข้างๆ พล.อ.ประวิตร ก็กล่าวสวนว่า เมื่อกี้คุยกันแล้ว ด้านพล.อ.ธีรชัย กล่าวสั้นๆว่า ฝนตก
จากนั้น ทั้ง พล.อ.อุดมเดช และ พล.อ.ธีรชัย ได้เดินมาส่ง พล.อ.ประวิตร ขึ้นรถบริเวณหน้าตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทั้ง 3 คนได้ยืนพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม และส่ง พล.อ.ประวิตร ขึ้นรถ โดย พล.อ.ประวิตร ได้ลดกระจกรถลงพร้อมกับพูดว่า "หมูใจเย็นๆ" พร้อมกับหัวเราะ และปิดกระจกรถ
**ปรับฮวงจุ้ยทบ.ทุบกำแพงฉากหลังร.5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ) พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. มีคำสั่งให้ปรับปรุงภูมิทัศน์ ภายในบก.ทบ. โดยทุบกำแพงฉากหลัง พระบรมราชานุสาวรีย์ ร. 5 หน้าหอประชุมกิตติขจร ที่สร้างขึ้นสมัย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ตอนขณะดำรงตำแห่ง ผบ.ทบ.ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยพล.อ.ธีรชัย ต้องการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ช่วงสมัยเป็นโรงเรียนนายร้อย จปร. เดิมที่ไม่มีฉากหลังใดๆ มาปิดอยู่ด้านหลัง ส่วนสมัย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร จัดสร้างกำแพงฉากหลังก็เพื่อให้สวยงาม และกั้นไม่ให้เห็นชั้นล่าง หอประชุมกิตติขจร ที่มักมีการนำของมาวางพัก เวลาจัดงานต่างๆ หรือบางที มีการนำสินค้าเกษตรของทบ. มาจำหน่ายให้กำลังพลในกองทัพบก จึงทำฉากกั้น เพื่อกั้นไม่ให้เห็น สิ่งที่ไม่เรียบร้อย
นอกจากนี้ ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารช่าง ได้นำแผ่นผ้ามาปิดทับบ่อน้ำพุ และให้รถยนต์ของกำลังพล และผู้ที่มาติดต่อราชการได้จอดรถบริเวณด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งบ่อน้ำพุนี้ จัดสร้างสมัยที่ พล.อ.อุดมเดช เป็น ผบ.ทบ.
ทั้งนี้ ในวันที่ 30 ต.ค. ทางพล.อ.ธีรชัย จะประกอบพิธีบวงสรวง พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 หลังจากเข้ารับตำแห่ง ผบ.ทบ. เพื่อเป็นสิริมงคล
พ.อ.ธิติพันธ์ ฐานะจาโร ลูกชาย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต ผบ.ทบ. เป็นรอง ผบ.พล.ร.11 พ.อ.มนัส จันดี เป็นรอง เสธ.ทภ.1 พ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ นายทหารคนสนิท พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ได้เป็น รอง ผบ.พล.1 รอ. พ.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง เป็น รอง ผบ.พล.ร.2 รอ.พ.อ.ศักดิ์วุฒิ วงศ์วานิช และ พ.อ.ชัยยา จุ้ยเจริญ เป็นรอง ผบ.มทบ.18 พ.อ.นิธิศ เปลี่ยนปาน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ เป็น รอง ผบ.มทบ.11 พ.อ.ดิฐพงษ์ เจริญวงศ์ เป็นรอง ผบ.มทบ.12 พ.อ.อิทธิพล สุวรรณรัฐ เป็นรอง ผบ.มทบ.13 พ.อ.ชาติชาย น้าวแสง เป็น รอง ผบ.มทบ.19 พ.อ.พิเชษฐ์ อาจฤทธิวงค์ เป็นรอง ผบ.มทบ.21 พ.อ.พิชิต วันทา และพ.อ.พูลศักดิ์ สมบูรณ์ เป็น รอง ผบ.มทบ.22
พ.อ.อุกฤษฎ์ นุตคำแหง เป็น รอง ผบ.พล.ร.4 พ.อ.บรรณวัฒน์ พรหมจรรย์ เป็นรอง ผบ.พล.ร.7 พ.อ.กฤษดา พงษ์สามารถ เป็นรอง ผบ.พล.ร. 5 พ.อ.สิทธิพร มุสิกะสิน เป็นรอง ผบ.พล.ร.15 พ.อ.สุวิทย์ เกตุศรี และพ.อ.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี เป็นรอง ผบ.พล.ม.2 รอ. พ.อ.วรวุฒิ วุฒิศิริ และพ.อ.นพพร ดุลยา เป็น รอง ผบ.พล.ปตอ. พ.อ.ธราพงษ์ มะละคำ เป็น ผบ.ร.12 รอ.พ.อ.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน เป็น ผบ.ร.14 พ.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ เป็นผบ.ม.3 พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ อดีตโฆษ กกอ.รมน. ภาคที่ 4 ส่วนหน้าเป็น ผบ.ป.5 พ.อ.ชาตรี กิตติขจร เป็น เสธ.พล.รพศ.1 พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน เป็น เสธ.พล.ม.2 รอ.รอ. พ.อ.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ เป็น ผบ.ร.16 พ.อ.วรเทพ บุญญะ เป็น รองผบ.ร.17 พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ เป็นผบ.ม.1 รอ.
พ.อ.เกรียงศักดิ์ เสนาะพิน เป็น ผบ.ปตอ.2 พ.อ.ธานี วาศภูติ เป็น เสธ.พล.ปตอ. พ.อ.บรรยง ทองน่วม เป็น ผบ.ร.9 พ.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ เป็น ผบ.ร.2 รอ. พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ เป็น ผบ.ร.29 พ.อ.ทรงพล สาดเสาเงิน เป็น ผบ.ร.31 รอ. พ.อ.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ นายทหารคนสนิท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็น ผบ.ป.1 รอ.แทน พ.อ.คชาชาติ บุญดี ผบ.ป.1 รอ. นายทหารที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลความสงบในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณจุดสำคัญๆ อาทิ ทำเนียบรัฐบาล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฯลฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มีคำสั่งที่ 579/2558 ลงนามโดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 30 ก.ย.58 ให้ไปดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.มทบ.11 แต่กลับถูกโยกกลับไปเป็น นายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ ทภ.3
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. กับ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. หลัง พล.อ.ธีรชัย ได้มีคำสั่งระงับการปรับย้ายนายทหารกองทัพบก ที่ พล.อ.อุดมเดช ได้ลงนามคำสั่งก่อนเกษียณอายุราชการ ว่า การโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีความขัดแย้งระหว่างกัน เพราะทั้ง 2 เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ซึ่ง พล.อ.อุดมเดช ที่ยืนอยู่ข้างๆ พล.อ.ประวิตร ก็กล่าวสวนว่า เมื่อกี้คุยกันแล้ว ด้านพล.อ.ธีรชัย กล่าวสั้นๆว่า ฝนตก
จากนั้น ทั้ง พล.อ.อุดมเดช และ พล.อ.ธีรชัย ได้เดินมาส่ง พล.อ.ประวิตร ขึ้นรถบริเวณหน้าตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทั้ง 3 คนได้ยืนพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม และส่ง พล.อ.ประวิตร ขึ้นรถ โดย พล.อ.ประวิตร ได้ลดกระจกรถลงพร้อมกับพูดว่า "หมูใจเย็นๆ" พร้อมกับหัวเราะ และปิดกระจกรถ
**ปรับฮวงจุ้ยทบ.ทุบกำแพงฉากหลังร.5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ) พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. มีคำสั่งให้ปรับปรุงภูมิทัศน์ ภายในบก.ทบ. โดยทุบกำแพงฉากหลัง พระบรมราชานุสาวรีย์ ร. 5 หน้าหอประชุมกิตติขจร ที่สร้างขึ้นสมัย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ตอนขณะดำรงตำแห่ง ผบ.ทบ.ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยพล.อ.ธีรชัย ต้องการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ช่วงสมัยเป็นโรงเรียนนายร้อย จปร. เดิมที่ไม่มีฉากหลังใดๆ มาปิดอยู่ด้านหลัง ส่วนสมัย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร จัดสร้างกำแพงฉากหลังก็เพื่อให้สวยงาม และกั้นไม่ให้เห็นชั้นล่าง หอประชุมกิตติขจร ที่มักมีการนำของมาวางพัก เวลาจัดงานต่างๆ หรือบางที มีการนำสินค้าเกษตรของทบ. มาจำหน่ายให้กำลังพลในกองทัพบก จึงทำฉากกั้น เพื่อกั้นไม่ให้เห็น สิ่งที่ไม่เรียบร้อย
นอกจากนี้ ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารช่าง ได้นำแผ่นผ้ามาปิดทับบ่อน้ำพุ และให้รถยนต์ของกำลังพล และผู้ที่มาติดต่อราชการได้จอดรถบริเวณด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งบ่อน้ำพุนี้ จัดสร้างสมัยที่ พล.อ.อุดมเดช เป็น ผบ.ทบ.
ทั้งนี้ ในวันที่ 30 ต.ค. ทางพล.อ.ธีรชัย จะประกอบพิธีบวงสรวง พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 หลังจากเข้ารับตำแห่ง ผบ.ทบ. เพื่อเป็นสิริมงคล