พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีความเป็นห่วงปัญหาที่พบนมโรงเรียนบูดหลายแห่ง หลายจังหวัดในช่วงที่ผ่านมา จึงได้เร่งรัดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงสาธารณสุข แก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างครบวงจร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของเด็กนักเรียน
ทั้งนี้ หากพบว่าปัญหาเกิดจากการทุจริต รัฐบาลก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เนื่องจากโรงงานผลิตที่ได้รับการจัดสรรโควตานมโรงเรียนบางแห่งไม่ได้มีการจัดส่งจริง แต่ไปจ้างผู้ผลิตรายเล็กๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือถ้าพบว่าการจัดซื้อจัดจ้าง เกิดทุจริต หรือฮั้วกับภาคเอกชน ทำให้ได้นมโรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพ ก็จะต้องดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องเช่นเดียวกัน
"นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษามาก เพราะโครงการนมโรงเรียน ถือว่าสำคัญต่อศักยภาพ ทางร่ายกาย และสมองของเด็กไทย ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นปัญหา ที่จะต้องแก้ไขให้ชัดเจนโดยเร็ว ก่อนเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งนี้ล่าสุดทาง กรมปศุสัตว์ , สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสาธารณสุขจังหวัด เตรียมจะบูรณาการทำงานร่วมกัน ลงพื้นที่ตรวจโรงผลิตนมโรงเรียน 40 แห่ง ใน 40 จังหวัด ช่วงเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน นี้ ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียน เพื่อทดสอบคุณภาพ มาตรฐาน และให้คำแนะนำ โดยหวังว่าในช่วงเปิดเทอม ภาคเรียนที่ 2 ปัญหานมบูด จะหมดไป
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ปัญหานมโรงเรียนบูดว่า ขอสนับสนุน นายธีรภัทร ประยูรโชติ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะตรวจสอบนมโรงเรียน แต่ขอให้ตรวจสอบทั้งระบบ ตั้งแต่คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) ว่า โปร่งใสหรือไม่ ต้องตรวจสอบซ้ำ เพราะโครงการนมโรงเรียนทำมานานจนอาจเกิดช่องว่าง เป็นเหตุให้เกิดนมบูดในหลายๆโรงเรียน ทำให้เด็กขาดโอกาส ผลประโยชน์ชาติโดยรวมเสียหาย เพราะเด็กไทยต้องดื่มนมโคแท้ 100% ไม่ใช่จะเอานมผงที่ไหนมาผสมให้เด็กไทยดื่ม จนเกิดเหตุนมบูดเสีย
นายวัชระ ยังกล่าวถึงปัญหาในมิลค์บอร์ด หรือในองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.)ว่า นายอภิชาต จงสกุล อดีตประธานบอร์ด อสค. ระบุ ตอนลาออก เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ทั้งที่ยังมีวาระในตำแหน่งอีกถึง 2 ปี ว่า
"บริษัทนมเหล่านี้เป็นเสือนอนกิน ได้โควตามาแล้ว กลับทุบหม้อข้าวตัวเอง อยากร่ำรวยไปถึงไหน ทั้งที่ได้กำไรแน่ๆ กล่องละ 50 สตางค์ ไม่ต้องตั้งขาย ไม่เสียค่าโฆษณา แต่มาลดคุณภาพนมลง ทำให้เสียหายทั้งระบบ ซึ่งมีไม่กี่บริษัท ซึ่งมิลค์บอร์ดก็รู้ ถึงเวลาต้องทุบโต๊ะตัดปัญหา รวมถึงการวางบิลเปล่า หากสมยอมสองฝ่าย จ่ายเงินแล้วเด็กได้กินนมจริงหรือไม่ แต่แทงบัญชีไปแล้ว บาปกรรม มิลค์บอร์ด จึงต้องตรวจใบอนุญาตโรงงานว่าได้มาอย่างไร ทุกหน่วยงานต้องเข้มแข็ง ไม่ใช่หย่อนยาน เอากำไรเยอะๆ เพราะความโลภ มิลค์บอร์ด คงต้องรื้อโควตากันใหม่ เพราะไม่ไหวแล้วถ้าทำกันอย่างนี้"
นายวัชระ กล่าวว่า เมื่ออดีตประธานบอร์ด อสค. เปิดเผยความเละเทะในโครงการนมโรงเรียนถึงขนาดนี้ จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ลงมาดูปัญหานี้ ทั้งการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศ และ ทุจริตนมโรงเรียนด้วย
"ขอให้ ป.ป.ช. หรือ ดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบว่าที่ มิลค์บอร์ด เคยอนุมัติโควตาให้โรงงานนมนั้น แต่ละแห่งมีน้ำนมดิบในการผลิตจริงหรือไม่ มีแม่โคให้นมจริงทั่วประเทศกี่ตัว จังหวัดไหนบ้าง ให้นมทั้งประเทศวันละกี่ตัน บริษัทนมผสมนมผงกี่บริษัท วางบิลเปล่ากี่บริษัท มี ร.ร. ได้นมบูดกี่แห่งทั่วประเทศ ปัญหาเหล่านี้ใหญ่เกินกว่าหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ จะสะสางด้วยตัวเองแล้ว ต้องพึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ประธานศูนย์ปราบปรามคอร์รัปชันของรัฐบาลเท่านั้น จึงจะแก้ไขปัญหาได้" นายวัชระ กล่าว
ทั้งนี้ หากพบว่าปัญหาเกิดจากการทุจริต รัฐบาลก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เนื่องจากโรงงานผลิตที่ได้รับการจัดสรรโควตานมโรงเรียนบางแห่งไม่ได้มีการจัดส่งจริง แต่ไปจ้างผู้ผลิตรายเล็กๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือถ้าพบว่าการจัดซื้อจัดจ้าง เกิดทุจริต หรือฮั้วกับภาคเอกชน ทำให้ได้นมโรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพ ก็จะต้องดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องเช่นเดียวกัน
"นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษามาก เพราะโครงการนมโรงเรียน ถือว่าสำคัญต่อศักยภาพ ทางร่ายกาย และสมองของเด็กไทย ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นปัญหา ที่จะต้องแก้ไขให้ชัดเจนโดยเร็ว ก่อนเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งนี้ล่าสุดทาง กรมปศุสัตว์ , สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสาธารณสุขจังหวัด เตรียมจะบูรณาการทำงานร่วมกัน ลงพื้นที่ตรวจโรงผลิตนมโรงเรียน 40 แห่ง ใน 40 จังหวัด ช่วงเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน นี้ ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียน เพื่อทดสอบคุณภาพ มาตรฐาน และให้คำแนะนำ โดยหวังว่าในช่วงเปิดเทอม ภาคเรียนที่ 2 ปัญหานมบูด จะหมดไป
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ปัญหานมโรงเรียนบูดว่า ขอสนับสนุน นายธีรภัทร ประยูรโชติ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะตรวจสอบนมโรงเรียน แต่ขอให้ตรวจสอบทั้งระบบ ตั้งแต่คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) ว่า โปร่งใสหรือไม่ ต้องตรวจสอบซ้ำ เพราะโครงการนมโรงเรียนทำมานานจนอาจเกิดช่องว่าง เป็นเหตุให้เกิดนมบูดในหลายๆโรงเรียน ทำให้เด็กขาดโอกาส ผลประโยชน์ชาติโดยรวมเสียหาย เพราะเด็กไทยต้องดื่มนมโคแท้ 100% ไม่ใช่จะเอานมผงที่ไหนมาผสมให้เด็กไทยดื่ม จนเกิดเหตุนมบูดเสีย
นายวัชระ ยังกล่าวถึงปัญหาในมิลค์บอร์ด หรือในองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.)ว่า นายอภิชาต จงสกุล อดีตประธานบอร์ด อสค. ระบุ ตอนลาออก เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ทั้งที่ยังมีวาระในตำแหน่งอีกถึง 2 ปี ว่า
"บริษัทนมเหล่านี้เป็นเสือนอนกิน ได้โควตามาแล้ว กลับทุบหม้อข้าวตัวเอง อยากร่ำรวยไปถึงไหน ทั้งที่ได้กำไรแน่ๆ กล่องละ 50 สตางค์ ไม่ต้องตั้งขาย ไม่เสียค่าโฆษณา แต่มาลดคุณภาพนมลง ทำให้เสียหายทั้งระบบ ซึ่งมีไม่กี่บริษัท ซึ่งมิลค์บอร์ดก็รู้ ถึงเวลาต้องทุบโต๊ะตัดปัญหา รวมถึงการวางบิลเปล่า หากสมยอมสองฝ่าย จ่ายเงินแล้วเด็กได้กินนมจริงหรือไม่ แต่แทงบัญชีไปแล้ว บาปกรรม มิลค์บอร์ด จึงต้องตรวจใบอนุญาตโรงงานว่าได้มาอย่างไร ทุกหน่วยงานต้องเข้มแข็ง ไม่ใช่หย่อนยาน เอากำไรเยอะๆ เพราะความโลภ มิลค์บอร์ด คงต้องรื้อโควตากันใหม่ เพราะไม่ไหวแล้วถ้าทำกันอย่างนี้"
นายวัชระ กล่าวว่า เมื่ออดีตประธานบอร์ด อสค. เปิดเผยความเละเทะในโครงการนมโรงเรียนถึงขนาดนี้ จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ลงมาดูปัญหานี้ ทั้งการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศ และ ทุจริตนมโรงเรียนด้วย
"ขอให้ ป.ป.ช. หรือ ดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบว่าที่ มิลค์บอร์ด เคยอนุมัติโควตาให้โรงงานนมนั้น แต่ละแห่งมีน้ำนมดิบในการผลิตจริงหรือไม่ มีแม่โคให้นมจริงทั่วประเทศกี่ตัว จังหวัดไหนบ้าง ให้นมทั้งประเทศวันละกี่ตัน บริษัทนมผสมนมผงกี่บริษัท วางบิลเปล่ากี่บริษัท มี ร.ร. ได้นมบูดกี่แห่งทั่วประเทศ ปัญหาเหล่านี้ใหญ่เกินกว่าหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ จะสะสางด้วยตัวเองแล้ว ต้องพึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ประธานศูนย์ปราบปรามคอร์รัปชันของรัฐบาลเท่านั้น จึงจะแก้ไขปัญหาได้" นายวัชระ กล่าว