เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบ (ผบ.ทบ.) ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 1077/58 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ ผช.ผบ.ทบ. เสธ.ทบ. และ รอง เสธ.ทบ. โดยกำหนดการปฏิบัติหน้าที่ และแบ่งมอบความรับผิดชอบ สายงานและให้ถือปฏิบัติ ดังนี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสารท ผช.ผบ.ทบ. (1) รับผิดชอบงานและเอกสารในสายงานส่งกำลังบำรุง และสายงานด้านกิจการพลเรือน พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบ.ทบ. (2) รับผิดชอบงานและเอกสารในสายงานกำลังพล และงานพิเศษที่ ทบ.มอบหมาย พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. รับผิดชอบงานและเอกสารในสายงานการข่าว และกิจการต่างประเทศ สายงานยุทธการ การฝึก การศึกษาทางทหาร และสายงานปลัดบัญชี
ในส่วนรองเสนาธิการทหารบก ประกอบด้วย พล.ท.สุรเดช เฟื่องเจริญ รอง เสธ. (1) รับผิดชอบงานและเอกสารในสายงาน กำลังพล พล.ท.สุทัศ จารุมณี รอง เสธ. (2) รับผิดชอบงาน และเอกสารในสายงานการข่าว และกิจการต่างประเทศ พล.ท.สสิน ทองภักดี รอง เสธ. (3) รับผิดชอบงานและเอกสารในสายงาน ยุทธการ พล.ท.วราห์ บุญญะสิทธิ์ รองเสธ. (4) รับผิดชอบงาน และเอกสารในสายงานส่งกำลังบำรุง และพล.ท.จิระพันธ์ มาลีแก้ว รองเสธ. (5) รับผิดชอบ งานและเอกสารในสายงานกิจการพลเรือน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 58 เป็นต้นไป
** "บิ๊กโด่ง"เซ็นทิ้งทวนก่อนเกษียณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบกเลขที่ 579/2558 เรื่องให้นายทหารรับราชการ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 58 ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. พ.อ.คชาชาติ บุญดี ผู้บังคับการทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นรองผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 11 (รอง ผบ.มทบ.11) 2. พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ ฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นผู้บังคับการกรมพัฒนา 4 และ 3. พ.อ.กิติศักดิ์ ถาวร ผู้บังคับการกรมพัฒนา 4 เป็นฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา สำหรับการให้ได้รับ และงดรับเงินประจำตำแหน่งประเภทผู้บริหาร และเงินค่าตอบแทนให้เป็นไปตาม พ.ร.ฎ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ. 2539 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่2 ) พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 58 เป็นต้นไป
**ขอกำลังพลร่วมเดินหน้าแผนงาน กห.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีแก่นายทหาร ที่ได้รับพระราชทานยศทหารชั้นนายพล ประจำปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 1 และพิธีรายงานตัวของนายทหารสัญญาบัตร ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเข้ามรับราชการ ในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ทั้งนี้ พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับตน ที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตนรับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม และตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนยศนายทหารชั้นผู้ใหญ่ นายทหารชั้นนายพลในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมสูงขึ้น รวมทั้งมีนายทหารย้ายเข้ามารับราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้ ตนในนามข้าราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงโหม ขอแสดงความยินดีกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นทุกคนและขอต้อนรับนายทหารที่ย้ายเข้ามารับราชการด้วยความยินดี ทุกคนเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการทำงานที่หลากหลาย ขอให้ทุกคนใช้ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ ปฏิบัติหน้าที่ราชการสนองเบื้องพระยุคคลบาทและนโยบายของกระทรวงกลาโหม โดยร่วมมือร่วมใจกันพัฒนา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ให้เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพ และสามารถตอบสนองภรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ราชการขอให้ทุกคนมีความอุตสาหะ ซื่อสัตย์ สุจริต และมีความรับผิดชอบ ตนเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จะนำพาทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตราชการได้สมความตั้งใจ
** มทภ.1พร้อมสานต่องานผช.ผบ.ทบ.
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ ที่กองทัพภาคที่ 1ได้จัดพิธีรับส่ง-หน้าที่ และมอบการบังคับบัญชา แม่ทัพภาคที่ 1 ระหว่าง พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 โดย พล.อ.กัมปนาท กล่าวว่า ตามที่พระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ตนดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ. จะขอทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยในระยะเวลา 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน จนสามารถปฎิบัติภาระกิจต่างๆ ที่ผู้บังคับบัญชามอบให้สำเร็จและได้รับคำชมเชยและ ยอมรับจากประชาชน
สำหรับแม่ทัพภาคภาค 1 ท่านใหม่ มีความรู้สามารถ และ รับราชการในกองทัพภาคที่ 1 มายาวนาน จึงมั่นใจว่ากองทัพภาคที่ 1 ภายใต้การนำของแม่ทัพภาคที่ 1 จะนำความ เจริญก้าวหน้า เป็นหลักให้กองทัพบกป้องกันอธิปไตย ความมั่นคง ราชบัลลังก์ สร้างความผาสุขให้ประชาชน และประเทศโดยรวม
ด้าน พล.ท.เทพพงศ์ กล่าวว่า จะยึดถือนโยบายตามแนวทางของผู้ช่วยผบ.ทบ. ในการสานต่องานและจะปรับปรุงเสริมสร้าง พัฒนา กองทัพภาคที่1 ให้เจริญก้าวหน้า เป็นที่เชื่อถือ ศรัทธาของประชาชน และจะเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตย์ด้วยชีวิต พร้อมทั้งเป็นหลักปกป้องอธิปไตยของชาติตลอดไป และสืบสานงานของกองทัพภาคที่ 1ให้ดีที่สุด โดยฝึกกำลังพลให้พร้อมรบ ทันสมัย
ต่อมา พล.ท.เทพพงศ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบหน้าที่ ถึงแนวทางในการทำงาน ว่า จะยึดถือหลักความถูกต้อง และชอบธรรมในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับประชาชน พร้อมมุ่งเน้นการดูแลสวัสดิการ ความเป็นอยู่ของกำลังพลและครอบครัว
ส่วนภารกิจในการดูแลชายแดนนั้น กองทัพภาคที่ 1 ในพื้นที่กองกำลังบูรพา และ สุรสีห์ ซึ่งพันธกิจในการเฝ้าตรวจชายแดน การจัดระเบียบชายแดน การสร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัย และการพัฒนาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งขณะนี้ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยดีและเรียบร้อย
เมื่อถามถึง การทำหน้าที่ของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส. ) พล.ท.เทพพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ได้ดำเนินการในส่วนของ กกล.รส. ทภ.1 เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยให้ประเทศสงบ และเอื้อต่อการทำงานของรัฐบาล ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 1 จะสนองตอบการทำงานของรัฐบาล และ คสช. ภายใต้การสั่งการของ ผบ.ทบ. โดยกองทัพภาคที่ 1 มีความพร้อมทั้งด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และแผนงานที่จะปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ หรือการปฏิบัติงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย อีกทั้ง ยังเป็นกลไกของกองทัพบก ที่จะสนองตอบต่อรัฐ บาลและคสช.ในทุกเรื่อง โดยสถานการณ์ในภาพรวมจากที่ได้ติดตามข่าวสารนั้น ยังเป็นสถานการณ์ ที่กกล.รส. จะคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งการปฏิบัติงานต่อไปก็คงได้รับนโยบายจาก ผบ.ทบ. เพื่อสนองการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 07.00 กองทัพภาคที่ 1ได้จัดพิธีรับ-ส่ง แม่ทัพน้อยที่ 1 ระหว่าง พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่1 และพล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 โดยพล.ท.อภิรัชต์ กล่าวรับตำแหน่ง พร้อมทั้งยืนยัน จะขอปกป้องชาติ และสถาบัน เป็นทหารรักษาพระองค์ พร้อมได้ให้คำมั่นว่า จะนำกองทัพน้อยที่ 1 สู่ความสำเร็จตามแนวทาง ตลอดจนนโยบายของ พล.อ.เทพพงศ์ อย่างเต็มขีดความสามารถ
** วอน ลด ละ เลิก อัตตา แล้วพัฒนาทร.
ส่วนที่ท้องพระโรง พระราชวังเดิม พล.ร.อ. ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศ และแสดงความยินดีกับ 203 นายพลเรือ ที่ได้เลื่อนยศ ทั้ง พลเรือเอก พลเรือโท และ พลเรือตรี และพิธีรายงานตนเองของนายทหารชั้นนายพลเรือ ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กทม. โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ เข้าร่วมในพิธี ทั้ง พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง รองผบ.ทร. พล.ร.อ.ชุมพล วงศ์เวคิน ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.พัลลภ ตมิสานนท์ เสนาธิการทหารเรือ และ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เข้าร่วมพิธี และรายงานตัว
ทั้งนี้หลังการรายงานตัว ของนายทหารชั่นผู้ใหญ่และ ผบ.หน่วย ทั้ง 52 นาย แล้ว พล.ร.อ. ณะ ได้ให้โอวาทในตอนหนึ่งว่า จะปกครองบังคับบัญชาทร. ด้วยคุณธรรม และทำเต็มความสามารถ ในการขับเคลื่อน ทร. ให้เจริญก้าวหน้า ที่ต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจ จากกำลังพลทุกระดับ
"ผมเข้าใจดีว่าทุกท่าน มีเพื่อน มีพี่น้อง พรรคพวก และผู้มีพระคุณ มีอุดมการณ์ ความคิดเห็นเป็นของตัวเอง แต่ผมมั่นใจว่า พวกเรามีหัวใจที่พร้อมทุ่มเทให้ ทร. และหัวใจที่ยึดมั่นใน กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งทหารเรือ ด้วยกัน ดังนั้นจึงอยากให้พวกเราทุกคน ลด ละ เลิก ความเป็นอัตตาของตนเองลงบ้าง ผมก็มั่นใจว่า เราจะร่วมกันพัฒนาทร.ให้เจริญได้ ในยุคของพวกเรา เพื่อเสด็จฯกรมหลวงชุมพร"
พล.ร.อ.ณะ กล่าวว่า กองทัพเรือ ให้ความสำคัญมนการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาต่างๆ และสร้างความรับรู้ในสังคมว่า ทร. ทำอะไรเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ สถาบันฯ และประชาชนบ้าง
ทั้งนี้ กรมยุทธการ ทร.ได้จัดทำนโยบายทร. ปี 2559 แจกจ่าย เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ 5 ปี และจะมีนโยบาย ผบ.ทร. ด้วย
** วิกฤติศก.อาจทำแผนเรือดำน้ำชะงัก
ต่อมา ผบ.ทร. ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงการส่งเสริมศักยภาพของกองทัพเรือ และโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า ในประเด็นนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จะมีข้อจำกัดในหลายด้าน ดังนั้นรัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะช่วยเหลือในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องทุ่มเททรัพยากรส่วนใหญ่เพื่อเเก้ปัญหาดังกล่าว
"ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อการเสริมสร้างองค์วัตถุพอสมควร ขณะเดียวกัน วิกฤตที่ว่านั้น จะเป็นโอกาสที่กองทัพเรือ จะหันมาปรับปรุง เสริมสร้างความรู้ความชำนาญของกำลังพล รวมทั้งหันมาปรับปรุงระบบบริหารจัดการโดยเฉพาะยุทธวิธี เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารที่มีขีดจำกัดของงบประมาณ ตรงนี้ถือเป็นหัวใจหนึ่งที่ผมกำชับให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงทุกคน แม้ว่าจะไม่มีงบประมาณ แต่เราสามารถที่จะปรับปรุงขีดความสามารถของบุคคลากร การบริหารจัดการ รวมทั้งองค์ความรู้ภายในหน่วยได้ นี่คือ ความตั้งใจของผมภายใน 2 ปีที่ดำรงตำแหน่ง จะทำให้กองทัพเรือเป็นแหล่งการเรียนรู้และทำให้กองทัพเรือส่งทอดความรู้อย่างเป็นระบบต่อไป" พล.ร.อ.ณะกล่าว
เมื่อถามย้ำว่าเรือดำน้ำ มีความจำเป็นหรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า เรือดำน้ำยังเป็นยุทโธปกรณ์ ที่มีความจำเป็นต่อกองทัพเรือ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อประเทศ อย่างไรก็ตามเรายังมีปัญหาเศรษฐกิจ เราคงจำเป็นต้องชะลอและทบทวน แล้วหันมาฝึกกำลังพลให้มีความเชี่ยวชาญ จึงถือว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เสียโอกาสแต่อย่างใด
ในส่วนรองเสนาธิการทหารบก ประกอบด้วย พล.ท.สุรเดช เฟื่องเจริญ รอง เสธ. (1) รับผิดชอบงานและเอกสารในสายงาน กำลังพล พล.ท.สุทัศ จารุมณี รอง เสธ. (2) รับผิดชอบงาน และเอกสารในสายงานการข่าว และกิจการต่างประเทศ พล.ท.สสิน ทองภักดี รอง เสธ. (3) รับผิดชอบงานและเอกสารในสายงาน ยุทธการ พล.ท.วราห์ บุญญะสิทธิ์ รองเสธ. (4) รับผิดชอบงาน และเอกสารในสายงานส่งกำลังบำรุง และพล.ท.จิระพันธ์ มาลีแก้ว รองเสธ. (5) รับผิดชอบ งานและเอกสารในสายงานกิจการพลเรือน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 58 เป็นต้นไป
** "บิ๊กโด่ง"เซ็นทิ้งทวนก่อนเกษียณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบกเลขที่ 579/2558 เรื่องให้นายทหารรับราชการ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 58 ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. พ.อ.คชาชาติ บุญดี ผู้บังคับการทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นรองผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 11 (รอง ผบ.มทบ.11) 2. พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ ฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นผู้บังคับการกรมพัฒนา 4 และ 3. พ.อ.กิติศักดิ์ ถาวร ผู้บังคับการกรมพัฒนา 4 เป็นฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา สำหรับการให้ได้รับ และงดรับเงินประจำตำแหน่งประเภทผู้บริหาร และเงินค่าตอบแทนให้เป็นไปตาม พ.ร.ฎ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ. 2539 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่2 ) พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 58 เป็นต้นไป
**ขอกำลังพลร่วมเดินหน้าแผนงาน กห.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีแก่นายทหาร ที่ได้รับพระราชทานยศทหารชั้นนายพล ประจำปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 1 และพิธีรายงานตัวของนายทหารสัญญาบัตร ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเข้ามรับราชการ ในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ทั้งนี้ พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับตน ที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตนรับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม และตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนยศนายทหารชั้นผู้ใหญ่ นายทหารชั้นนายพลในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมสูงขึ้น รวมทั้งมีนายทหารย้ายเข้ามารับราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้ ตนในนามข้าราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงโหม ขอแสดงความยินดีกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นทุกคนและขอต้อนรับนายทหารที่ย้ายเข้ามารับราชการด้วยความยินดี ทุกคนเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการทำงานที่หลากหลาย ขอให้ทุกคนใช้ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ ปฏิบัติหน้าที่ราชการสนองเบื้องพระยุคคลบาทและนโยบายของกระทรวงกลาโหม โดยร่วมมือร่วมใจกันพัฒนา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ให้เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพ และสามารถตอบสนองภรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ราชการขอให้ทุกคนมีความอุตสาหะ ซื่อสัตย์ สุจริต และมีความรับผิดชอบ ตนเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จะนำพาทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตราชการได้สมความตั้งใจ
** มทภ.1พร้อมสานต่องานผช.ผบ.ทบ.
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ ที่กองทัพภาคที่ 1ได้จัดพิธีรับส่ง-หน้าที่ และมอบการบังคับบัญชา แม่ทัพภาคที่ 1 ระหว่าง พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 โดย พล.อ.กัมปนาท กล่าวว่า ตามที่พระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ตนดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ. จะขอทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยในระยะเวลา 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน จนสามารถปฎิบัติภาระกิจต่างๆ ที่ผู้บังคับบัญชามอบให้สำเร็จและได้รับคำชมเชยและ ยอมรับจากประชาชน
สำหรับแม่ทัพภาคภาค 1 ท่านใหม่ มีความรู้สามารถ และ รับราชการในกองทัพภาคที่ 1 มายาวนาน จึงมั่นใจว่ากองทัพภาคที่ 1 ภายใต้การนำของแม่ทัพภาคที่ 1 จะนำความ เจริญก้าวหน้า เป็นหลักให้กองทัพบกป้องกันอธิปไตย ความมั่นคง ราชบัลลังก์ สร้างความผาสุขให้ประชาชน และประเทศโดยรวม
ด้าน พล.ท.เทพพงศ์ กล่าวว่า จะยึดถือนโยบายตามแนวทางของผู้ช่วยผบ.ทบ. ในการสานต่องานและจะปรับปรุงเสริมสร้าง พัฒนา กองทัพภาคที่1 ให้เจริญก้าวหน้า เป็นที่เชื่อถือ ศรัทธาของประชาชน และจะเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตย์ด้วยชีวิต พร้อมทั้งเป็นหลักปกป้องอธิปไตยของชาติตลอดไป และสืบสานงานของกองทัพภาคที่ 1ให้ดีที่สุด โดยฝึกกำลังพลให้พร้อมรบ ทันสมัย
ต่อมา พล.ท.เทพพงศ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบหน้าที่ ถึงแนวทางในการทำงาน ว่า จะยึดถือหลักความถูกต้อง และชอบธรรมในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับประชาชน พร้อมมุ่งเน้นการดูแลสวัสดิการ ความเป็นอยู่ของกำลังพลและครอบครัว
ส่วนภารกิจในการดูแลชายแดนนั้น กองทัพภาคที่ 1 ในพื้นที่กองกำลังบูรพา และ สุรสีห์ ซึ่งพันธกิจในการเฝ้าตรวจชายแดน การจัดระเบียบชายแดน การสร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัย และการพัฒนาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งขณะนี้ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยดีและเรียบร้อย
เมื่อถามถึง การทำหน้าที่ของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส. ) พล.ท.เทพพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ได้ดำเนินการในส่วนของ กกล.รส. ทภ.1 เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยให้ประเทศสงบ และเอื้อต่อการทำงานของรัฐบาล ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 1 จะสนองตอบการทำงานของรัฐบาล และ คสช. ภายใต้การสั่งการของ ผบ.ทบ. โดยกองทัพภาคที่ 1 มีความพร้อมทั้งด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และแผนงานที่จะปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ หรือการปฏิบัติงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย อีกทั้ง ยังเป็นกลไกของกองทัพบก ที่จะสนองตอบต่อรัฐ บาลและคสช.ในทุกเรื่อง โดยสถานการณ์ในภาพรวมจากที่ได้ติดตามข่าวสารนั้น ยังเป็นสถานการณ์ ที่กกล.รส. จะคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งการปฏิบัติงานต่อไปก็คงได้รับนโยบายจาก ผบ.ทบ. เพื่อสนองการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 07.00 กองทัพภาคที่ 1ได้จัดพิธีรับ-ส่ง แม่ทัพน้อยที่ 1 ระหว่าง พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่1 และพล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 โดยพล.ท.อภิรัชต์ กล่าวรับตำแหน่ง พร้อมทั้งยืนยัน จะขอปกป้องชาติ และสถาบัน เป็นทหารรักษาพระองค์ พร้อมได้ให้คำมั่นว่า จะนำกองทัพน้อยที่ 1 สู่ความสำเร็จตามแนวทาง ตลอดจนนโยบายของ พล.อ.เทพพงศ์ อย่างเต็มขีดความสามารถ
** วอน ลด ละ เลิก อัตตา แล้วพัฒนาทร.
ส่วนที่ท้องพระโรง พระราชวังเดิม พล.ร.อ. ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศ และแสดงความยินดีกับ 203 นายพลเรือ ที่ได้เลื่อนยศ ทั้ง พลเรือเอก พลเรือโท และ พลเรือตรี และพิธีรายงานตนเองของนายทหารชั้นนายพลเรือ ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กทม. โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ เข้าร่วมในพิธี ทั้ง พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง รองผบ.ทร. พล.ร.อ.ชุมพล วงศ์เวคิน ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.พัลลภ ตมิสานนท์ เสนาธิการทหารเรือ และ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เข้าร่วมพิธี และรายงานตัว
ทั้งนี้หลังการรายงานตัว ของนายทหารชั่นผู้ใหญ่และ ผบ.หน่วย ทั้ง 52 นาย แล้ว พล.ร.อ. ณะ ได้ให้โอวาทในตอนหนึ่งว่า จะปกครองบังคับบัญชาทร. ด้วยคุณธรรม และทำเต็มความสามารถ ในการขับเคลื่อน ทร. ให้เจริญก้าวหน้า ที่ต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจ จากกำลังพลทุกระดับ
"ผมเข้าใจดีว่าทุกท่าน มีเพื่อน มีพี่น้อง พรรคพวก และผู้มีพระคุณ มีอุดมการณ์ ความคิดเห็นเป็นของตัวเอง แต่ผมมั่นใจว่า พวกเรามีหัวใจที่พร้อมทุ่มเทให้ ทร. และหัวใจที่ยึดมั่นใน กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งทหารเรือ ด้วยกัน ดังนั้นจึงอยากให้พวกเราทุกคน ลด ละ เลิก ความเป็นอัตตาของตนเองลงบ้าง ผมก็มั่นใจว่า เราจะร่วมกันพัฒนาทร.ให้เจริญได้ ในยุคของพวกเรา เพื่อเสด็จฯกรมหลวงชุมพร"
พล.ร.อ.ณะ กล่าวว่า กองทัพเรือ ให้ความสำคัญมนการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาต่างๆ และสร้างความรับรู้ในสังคมว่า ทร. ทำอะไรเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ สถาบันฯ และประชาชนบ้าง
ทั้งนี้ กรมยุทธการ ทร.ได้จัดทำนโยบายทร. ปี 2559 แจกจ่าย เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ 5 ปี และจะมีนโยบาย ผบ.ทร. ด้วย
** วิกฤติศก.อาจทำแผนเรือดำน้ำชะงัก
ต่อมา ผบ.ทร. ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงการส่งเสริมศักยภาพของกองทัพเรือ และโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า ในประเด็นนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จะมีข้อจำกัดในหลายด้าน ดังนั้นรัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะช่วยเหลือในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องทุ่มเททรัพยากรส่วนใหญ่เพื่อเเก้ปัญหาดังกล่าว
"ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อการเสริมสร้างองค์วัตถุพอสมควร ขณะเดียวกัน วิกฤตที่ว่านั้น จะเป็นโอกาสที่กองทัพเรือ จะหันมาปรับปรุง เสริมสร้างความรู้ความชำนาญของกำลังพล รวมทั้งหันมาปรับปรุงระบบบริหารจัดการโดยเฉพาะยุทธวิธี เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารที่มีขีดจำกัดของงบประมาณ ตรงนี้ถือเป็นหัวใจหนึ่งที่ผมกำชับให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงทุกคน แม้ว่าจะไม่มีงบประมาณ แต่เราสามารถที่จะปรับปรุงขีดความสามารถของบุคคลากร การบริหารจัดการ รวมทั้งองค์ความรู้ภายในหน่วยได้ นี่คือ ความตั้งใจของผมภายใน 2 ปีที่ดำรงตำแหน่ง จะทำให้กองทัพเรือเป็นแหล่งการเรียนรู้และทำให้กองทัพเรือส่งทอดความรู้อย่างเป็นระบบต่อไป" พล.ร.อ.ณะกล่าว
เมื่อถามย้ำว่าเรือดำน้ำ มีความจำเป็นหรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า เรือดำน้ำยังเป็นยุทโธปกรณ์ ที่มีความจำเป็นต่อกองทัพเรือ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อประเทศ อย่างไรก็ตามเรายังมีปัญหาเศรษฐกิจ เราคงจำเป็นต้องชะลอและทบทวน แล้วหันมาฝึกกำลังพลให้มีความเชี่ยวชาญ จึงถือว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เสียโอกาสแต่อย่างใด