เมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้ (14ส.ค.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมได้หารือ กรณีสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หารือว่า สมาชิกสนช. มีหน้าที่ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่ หากมีหน้าที่ยื่น ต้องดำเนินการยื่นเมื่อใด โดยคณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 บัญญัติให้สนช. ทำหน้าที่ ส.ส.- ส.ว. และทำหน้าที่รัฐสภา ประกอบกับ มาตรา 41 ก็ได้บัญญัติว่า ในกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดกำหนดคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น สนช. ซึ่งจากบทบัญญัติดังกล่าว ทำให้เห็นว่า ผู้ที่เป็นสนช. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อยู่ในสถานะและทำหน้าที่เช่นเดียวกับ ส.ส.และ ส.ว. ดังนั้น สนช.ต้องทำหน้าที่ยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินฯ ต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 โดยต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 8 ส.ค.57 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 7 ก.ย.นี้
สำหรับกรณีที่ สนช.ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯต่อ ป.ป.ช.แล้วจะต้องมีการเปิดเผยหรือไม่นั้น ในรัฐธรรมนูญปี 50 ประกอบกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ได้กำหนดให้ ต้องประกาศเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯ ของส.ส.และส.ว. ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อ สนช.ปี 57 ทำหน้าที่ ส.ส.- ส.ว. และมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เช่นเดียวกับ ส.ส.และส.ว. จึงเห็นควรเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯ และเอกสารประกอบของสมาชิก สนช. ต่อสาธารณชน ตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554
"ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติ 3 ข้อ คือ 1. กำหนดให้สมาชิกสนช. มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อคณะกรรมการป.ป.ช. 2. การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว ให้ถือเอาวันปฏิญญาณตนคือ 8 ส.ค. เป็นวันยื่น และ 3. ให้มีการประกาศเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯดังกล่าว พร้อมเอกสารประกอบ โดย ป.ป.ช.จะต้องกำหนดวันในการเปิดเผยอีกครั้ง แต่ไม่เกินวันที่ 7 ต.ค.57 ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 35 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่2 ) พ.ศ. 2554”นายสรรเสริญ กล่าว และว่า หากครบกำหนด 30 วัน แล้วสมาชิก สนช.ไม่ได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อป.ป.ช. จะมีความผิดเหมือน ส.ส. และส.ว. คือ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับ สนช. บางส่วนที่ถือครองหุ้นที่เป็นสัมปทานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และ สื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ยังสามารถถือครองต่อได้หรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า สามารถถือครองหุ้นต่อไปได้ โดยไม่ต้องโอน หรือเปลี่ยนมือ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 มาตรา 41 คุ้มครองอยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของสำนักตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สำนักงาน ป.ป.ช. จะได้ไปให้ข้อมูลกับสมาชิกสนช.อีกครั้ง ที่รัฐสภา เพื่อทำความเข้าใจไม่ให้เกิดปัญหาในการยื่น โดยจะมีการนัดหมายกับรัฐสภาอีกครั้งว่า จะเป็นวันใด
" สำหรับสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เดิมไม่มีการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ เนื่องจากทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับสมัชชาปฏิรูปประเทศ ซึ่งไม่ได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ แต่ในครั้งนี้ สปช. จะต้องยื่นหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจน คงต้องให้มีการตั้งสปช. ให้ได้เรียบร้อยก่อน แล้วถ้ามีการหารือกันมาถึง ป.ป.ช. จึงจะมาพิจารณาว่า จะต้องมีการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ หรือไม่" นายสรรเสริญ ระบุ
สำหรับกรณีที่ สนช.ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯต่อ ป.ป.ช.แล้วจะต้องมีการเปิดเผยหรือไม่นั้น ในรัฐธรรมนูญปี 50 ประกอบกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ได้กำหนดให้ ต้องประกาศเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯ ของส.ส.และส.ว. ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อ สนช.ปี 57 ทำหน้าที่ ส.ส.- ส.ว. และมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เช่นเดียวกับ ส.ส.และส.ว. จึงเห็นควรเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯ และเอกสารประกอบของสมาชิก สนช. ต่อสาธารณชน ตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554
"ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติ 3 ข้อ คือ 1. กำหนดให้สมาชิกสนช. มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อคณะกรรมการป.ป.ช. 2. การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว ให้ถือเอาวันปฏิญญาณตนคือ 8 ส.ค. เป็นวันยื่น และ 3. ให้มีการประกาศเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯดังกล่าว พร้อมเอกสารประกอบ โดย ป.ป.ช.จะต้องกำหนดวันในการเปิดเผยอีกครั้ง แต่ไม่เกินวันที่ 7 ต.ค.57 ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 35 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่2 ) พ.ศ. 2554”นายสรรเสริญ กล่าว และว่า หากครบกำหนด 30 วัน แล้วสมาชิก สนช.ไม่ได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อป.ป.ช. จะมีความผิดเหมือน ส.ส. และส.ว. คือ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับ สนช. บางส่วนที่ถือครองหุ้นที่เป็นสัมปทานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และ สื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ยังสามารถถือครองต่อได้หรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า สามารถถือครองหุ้นต่อไปได้ โดยไม่ต้องโอน หรือเปลี่ยนมือ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 มาตรา 41 คุ้มครองอยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของสำนักตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สำนักงาน ป.ป.ช. จะได้ไปให้ข้อมูลกับสมาชิกสนช.อีกครั้ง ที่รัฐสภา เพื่อทำความเข้าใจไม่ให้เกิดปัญหาในการยื่น โดยจะมีการนัดหมายกับรัฐสภาอีกครั้งว่า จะเป็นวันใด
" สำหรับสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เดิมไม่มีการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ เนื่องจากทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับสมัชชาปฏิรูปประเทศ ซึ่งไม่ได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ แต่ในครั้งนี้ สปช. จะต้องยื่นหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจน คงต้องให้มีการตั้งสปช. ให้ได้เรียบร้อยก่อน แล้วถ้ามีการหารือกันมาถึง ป.ป.ช. จึงจะมาพิจารณาว่า จะต้องมีการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินฯ หรือไม่" นายสรรเสริญ ระบุ