ASTVผู้จัดการรายวัน-"พ.ต.อ.ปจภณ" แจ้งความกลับ "มิตร-แอน" น้อง "ไชยา มิตรชัย" หมิ่นประมาท หลังกล่าวหาข่มขู่ให้เซ็นรับสภาพหนี้ 35 ล้านบาท ยันอดีตแฟนมิตรและภรรยา เคยทำธุรกิจร่วมกัน แต่กลับไม่ได้รับเงินตอบแทน ยันไม่มีเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวมาเกี่ยวข้อง พร้อมปฏิเสธรู้เห็นรถหรูถูกบุกยึด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (30 ก.ย.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ปจภณ รอดโพธิ์ทอง ผกก.ฝ่ายสวัสดิการบ้านพัก สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นางจิดาภา รอดโพธิ์ทอง อายุ 46 ปี ภรรยา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภวเวส พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี นายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ "มิตร มิตรชัย" อายุ 21 ปี น้องชายของ นายเสมา สมบูรณ์ หรือ "ไชยา มิตรชัย" และ แอน มิตรชัย ในข้อหาหมิ่นประมาท
พ.ต.อ.ปจภณ กล่าวว่า เหตุที่ต้องการเข้าแจ้งความเอาผิดกับ นายคีรีรัก เนื่องจากนายคีรีรัก ได้มาขอลงบันทึกประจำวัน ว่าถูกตนข่มขืนใจให้เซ็นชื่อในสัญญาเงินกู้ โดยขู่ว่าถ้าไม่เซ็นจะให้นักข่าวมาทำข่าวและจะไม่รับรองความปลอดภัยของครอบครัว ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยขอยืนยันว่าข้อกล่าวหาดังกล่าว ไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้ แฟนของนายคีรีรัก แจ้งว่านายคีรีรัก มีโปรเจ็กต์การแสดง ลิเก 3 โปรเจ็กต์ โดยเฉพาะโปรเจ็กต์ลิเกออนทีวีรายการ "มิตรชัยโชว์" ใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ขอให้ช่วยระดมทุน โดยมีกำหนดใช้คืนในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายคีรีรัก อ้างว่าจะได้รับเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ มีการนำเอกสารมาสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมระบุว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนภายหลังจบโปรเจ็กต์
นอกจากนี้ ภรรยาตนยังเคยทำธุรกิจกับแฟนของนายคีรีรัก มานานกว่า 10 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหา จึงเชื่อใจตั้งวงแชร์กับเพื่อน นำเงินไปลงทุนทำรายการดังกล่าว แต่กลับไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับการประสานจากคนกลาง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของนายคีรีรัก ขอให้มาเจรจากับนายคีรีรัก ที่ร้านอาหารชลบุรีซีฟู้ด ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 62 ตนก็เดินทางไปพร้อมภรรยา ส่วนแฟนสาวของนายคีรีรัก ก็มาพร้อมผู้ใหญ่ โดยการเจรจากัน ตนได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มายืนยัน ซึ่งนายคีรีรัก ก็ยอมรับผิดต่อหน้าทุกคนและบอกว่ายินยอมจะชดใช้เงินคืน โดยฝ่ายผู้ใหญ่ที่ร่วมเจรจา จึงขอให้มีการทำหนังสือสัญญากู้ มีผู้จัดการศิลปินลงชื่อเป็นพยาน แต่เนื่องจากเงินมีจำนวนมาก และมีผู้ได้รับไปหลายคน จึงต้องการให้คนเหล่านั้นร่วมลงชื่อด้วย อีกทั้งสัญญาไม่ได้ระบุรายละเอียดการชำระเงินคืน ก็อยากขอร้องผู้ใหญ่ที่เป็นกลางให้นัดหมายอีกครั้ง
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ส.ค. มีการเจรจากันอีกครั้งที่ร้านอาหารแห่งเดิม โดยฝ่ายนายคีรีรัก ให้ข้าราชการผู้ใหญ่และผู้จัดการศิลปิน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญข้อกฎหมาย มาให้คำแนะนำ ส่วนผมกับภรรยา มาพร้อมทนาย และเจ้าหนี้ ที่ร่วมนำเงินมาร่วมลงทุน ซึ่งนายคีรีรัก ยอมรับผิดเช่นเดิมและยินยอมจะชดใช้หนี้ 35.5 ล้านบาท จึงลงนามในสัญญายอมรับสภาพหนี้ กำหนดชำระคืนเป็นงวดๆ ดังนั้น การเซ็นยอมรับสภาพหนี้ดังกล่าว ไม่ได้มีการข่มขู่ นายคีรีรัก ทำด้วยความเต็มใจ และมีพยานที่ลงนามไว้รับทราบ
"เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแต่อย่างใด ส่วนเรื่องรถโตโยต้า รุ่น เวลไฟร์ ทะเบียนป้ายแดง ณ 6601 กทม. ที่แอน มิตรชัย ถูกตำรวจจับนั้น ตนไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นแต่อย่างใด" พ.ต.อ.ปจภณ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความและสอบปากคำผู้ร้องไว้พร้อมกับตรวจสอบเอกสารต่างๆ เพื่อประมวลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (30 ก.ย.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ปจภณ รอดโพธิ์ทอง ผกก.ฝ่ายสวัสดิการบ้านพัก สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นางจิดาภา รอดโพธิ์ทอง อายุ 46 ปี ภรรยา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภวเวส พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี นายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ "มิตร มิตรชัย" อายุ 21 ปี น้องชายของ นายเสมา สมบูรณ์ หรือ "ไชยา มิตรชัย" และ แอน มิตรชัย ในข้อหาหมิ่นประมาท
พ.ต.อ.ปจภณ กล่าวว่า เหตุที่ต้องการเข้าแจ้งความเอาผิดกับ นายคีรีรัก เนื่องจากนายคีรีรัก ได้มาขอลงบันทึกประจำวัน ว่าถูกตนข่มขืนใจให้เซ็นชื่อในสัญญาเงินกู้ โดยขู่ว่าถ้าไม่เซ็นจะให้นักข่าวมาทำข่าวและจะไม่รับรองความปลอดภัยของครอบครัว ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยขอยืนยันว่าข้อกล่าวหาดังกล่าว ไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้ แฟนของนายคีรีรัก แจ้งว่านายคีรีรัก มีโปรเจ็กต์การแสดง ลิเก 3 โปรเจ็กต์ โดยเฉพาะโปรเจ็กต์ลิเกออนทีวีรายการ "มิตรชัยโชว์" ใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ขอให้ช่วยระดมทุน โดยมีกำหนดใช้คืนในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายคีรีรัก อ้างว่าจะได้รับเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ มีการนำเอกสารมาสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมระบุว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนภายหลังจบโปรเจ็กต์
นอกจากนี้ ภรรยาตนยังเคยทำธุรกิจกับแฟนของนายคีรีรัก มานานกว่า 10 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหา จึงเชื่อใจตั้งวงแชร์กับเพื่อน นำเงินไปลงทุนทำรายการดังกล่าว แต่กลับไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับการประสานจากคนกลาง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของนายคีรีรัก ขอให้มาเจรจากับนายคีรีรัก ที่ร้านอาหารชลบุรีซีฟู้ด ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 62 ตนก็เดินทางไปพร้อมภรรยา ส่วนแฟนสาวของนายคีรีรัก ก็มาพร้อมผู้ใหญ่ โดยการเจรจากัน ตนได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มายืนยัน ซึ่งนายคีรีรัก ก็ยอมรับผิดต่อหน้าทุกคนและบอกว่ายินยอมจะชดใช้เงินคืน โดยฝ่ายผู้ใหญ่ที่ร่วมเจรจา จึงขอให้มีการทำหนังสือสัญญากู้ มีผู้จัดการศิลปินลงชื่อเป็นพยาน แต่เนื่องจากเงินมีจำนวนมาก และมีผู้ได้รับไปหลายคน จึงต้องการให้คนเหล่านั้นร่วมลงชื่อด้วย อีกทั้งสัญญาไม่ได้ระบุรายละเอียดการชำระเงินคืน ก็อยากขอร้องผู้ใหญ่ที่เป็นกลางให้นัดหมายอีกครั้ง
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ส.ค. มีการเจรจากันอีกครั้งที่ร้านอาหารแห่งเดิม โดยฝ่ายนายคีรีรัก ให้ข้าราชการผู้ใหญ่และผู้จัดการศิลปิน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญข้อกฎหมาย มาให้คำแนะนำ ส่วนผมกับภรรยา มาพร้อมทนาย และเจ้าหนี้ ที่ร่วมนำเงินมาร่วมลงทุน ซึ่งนายคีรีรัก ยอมรับผิดเช่นเดิมและยินยอมจะชดใช้หนี้ 35.5 ล้านบาท จึงลงนามในสัญญายอมรับสภาพหนี้ กำหนดชำระคืนเป็นงวดๆ ดังนั้น การเซ็นยอมรับสภาพหนี้ดังกล่าว ไม่ได้มีการข่มขู่ นายคีรีรัก ทำด้วยความเต็มใจ และมีพยานที่ลงนามไว้รับทราบ
"เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแต่อย่างใด ส่วนเรื่องรถโตโยต้า รุ่น เวลไฟร์ ทะเบียนป้ายแดง ณ 6601 กทม. ที่แอน มิตรชัย ถูกตำรวจจับนั้น ตนไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นแต่อย่างใด" พ.ต.อ.ปจภณ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความและสอบปากคำผู้ร้องไว้พร้อมกับตรวจสอบเอกสารต่างๆ เพื่อประมวลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป