เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (29 ก.ย.) ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเทิดเกียรติ และอำลาชีวิตราชการทหาร ของนายทหารชั้นนายพล ปี 2558 จำนวน 332 นาย โดยทรงวางพานพุ่ม และจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ณ ศาลาวงกลม โดยมีพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน และปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตลอดจาคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เข้าเฝ้ารับเสด็จ
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนิน เข้าห้องประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทอดพระเนตร การฉายสไลด์มัลติวิชั่น พระราชประวัติ และ ผลพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติตั้งแต่ทรงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2523 เป็นอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยในช่วงแรก ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทย สังคมวิทยา พร้อมปฏิบัติพระราชกรณียกิจในงานบริหาร งานการสอน และงานวิชาการอื่นๆ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะ "ทูลกระหม่อมอาจารย์" ของนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี ทรงทุ่มเทเวลาให้กับการทรงงานอย่างจริงจัง ด้วยมีพระราชประสงค์ ที่จะฝึกให้นักเรียนนายร้อยรู้จักคิด รู้จักตัวเอง คือให้รู้ว่า เราเป็นใคร มาจากที่ใด และกำลังจะไปทางไหน
ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครั้งสุดท้าย ในรายวิชาไทยศึกษา ให้กับนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา
จากนั้น นักเรียนนายร้อยได้กล่าวถวายอาเศียรวาทราชสดุดี ผู้แทนลูกศิษย์ ตั้งแต่นักเรียนเตรียม ทหารรุ่น 18 จนถึงปัจจุบัน ถวายราชสดุดี ตามด้วยการกล่าวคำถวายราชสดุดีของ ผู้บัญชาการทหารบก ว่า การปฏิบัติพระราชกรณียกิจในราชการ ตั้งแต่ปี 2523 ตราบจนเกษียณอายุราชการนั้น ทรงเป็นต้นแบบของแม่พิมพ์อันประเสริฐ ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับศิษย์ ที่นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตและการประกอบวิชาชีพแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้เกิดความรู้และเข้าใจในประวัติศาสตร์ความเป็นชาติ อันจะนำไปสู่ความรับผิดชอบ ความมีอุดมการณ์ และ ความรักหวงแหนในชาติบ้านเมือง ซึ่งจะขอน้อมนำแนวทางการทรงงานไปเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์อันถาวรของประชาชนและประเทศชาติต่อไป
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายของที่ระลึก แด่ พล.อ.หญิง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ประกอบด้วย ใบประกาศเกียรติคุณของกองทัพบก หนังสือที่ระลึกของกองทัพบก ของที่ระลึกจากเหล่าทหารราบ และกระบี่สั้นนักเรียนนนายร้อย
ต่อจากนั้น เวลา10.00 น. พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จประทับพลับพลาพิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติ บริเวณลานกองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โดย พล.อ.อุดมเดช กล่าวถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานสวนสนามเทิดพระเกียรติว่า พิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติและเทิดเกียรติในวันนี้ กองทัพบกจัดถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศสูงสุด เป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงมีต่อกองทัพบกและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่ทรงรับราชการและเพื่อเป็นการแสดงกตเวทิตา ตอบแทนคุณความดี เชิดชูเกียรติ และเป็นขวัญกำลังใจให้กับนายทหารชั้นนายพล ที่จะครบเกษียณอายุราชการและลาออกก่อนครบเกษียณอายุราชการ ซึ่งได้ปฎิบัติหน้าที่มาด้วยความวิริยะ อุตสาหะ มาตลอดชีวิตราชการทหาร ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลอันเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาท พระราชทานพระราโชวาท
พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯสยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท แก่ผู้มาร่วมพิธี ว่า ขอขอบใจท่านทั้งหลาย ในวาระที่จะเกษียณอายุราชการ ความปราถนาดีของท่านทั้งหลายที่แสดงต่อข้าพเจ้า มีคุณค่าสูงสง ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจ และจะจำไว้ไม่ลืมเลือน การที่ข้าพเจ้าเข้ามารับราชการ เป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เกิดจากความมีใจรัก ที่จะเพิ่มพูนความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้บุคคลอื่น และปรารถนา จะสร้างสรรค์สิ่งอันเป็นประโยชน์แก่สังคม และประเทศชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในฐานะที่เป็นพลเมืองไทยคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนในการพัฒนา สติปัญญา และวิสัยทัศน์ให้กับนักเรียนนายร้อย ผู้ที่จะเป็นอนาคตของกองทัพบก และชาติบ้านเมืองต่อไป ซึ่งหมายถึงการได้ร่วมสร้างความเข้มแข็งให้แก่กองทัพบก สถาบันอันเป็นเสาหลักด้านความมั่นคงของชาติ ที่มีภาระหน้าที่อันสำคัญในการสร้างเสริมความมั่นคง ปลอดภัยของชาติ และความสงบสุขของสังคม
นับตั้งแต่ข้าพเจ้ารับราชการจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าปลื้มปิติใจที่ได้เห็นลูกศิษย์แต่ละรุ่น เจริญเติบโต และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม ในฐานะที่เป็นทหาร และประชาชนชาวไทย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้บรรลุผลและขอให้ช่วยผดุงเกียรติของสถานศึกษาแห่งนี้ และรักษาเกียรติของตนเองไว้ให้มั่นคง ทั้งมีความสำนึกในคุณแผ่นดิน สุจริตใจปฏิบัติภาระกิจน้อยใหญ่ ให้ผสานสอดคล้อง เกื้อกูลกัน โดยยึดถือ เอกราช อธิปไตย ของชาติและประโยชน์สุขอันยั่งยืน ของประชาชนเป็นจุดหมายสูงสุด ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ อวยพรให้ทุกท่านที่มาร่วมพิธีมีแต่ความสุขสวัสดี เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย โดยทั่วกัน
จากนั้น พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองผสม จำนวน 3 กรมสนาม ประกอบด้วย กรมสวนสนามที่ 1 จำนวน 3 กองพัน กรมสวนสนามที่ 2 จำนวน 3 กองพัน และกรมสวนสนามที่ 3 จำนวน 4 กองพัน รวม 10 กองพันสวนสนาม ประกอบด้วย ขบวนจักรยานยนต์ทางยุทธวิธี จากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ขบวนวงดุริยางค์กองทัพบก ขบวนกองบังคับการกองผสม ขบวนหมู่ธงตราสัญลักษณ์ 60 พรรษา ขบวนหมู่ธงสีของกองทัพบก ขบวนสวนสนามของกรมสวนสนามที่ 1-3 ขบวนกองทหารม้าเกียรติยศ ถือธงตราสัญลักษณ์ 60 พรรษา ขบวนอากาศยานเฮลิคอปเตอร์แบบต่าง ๆ จำนวน 12 ลำ ขบวนอากาศยานประเภทปีกติดลำตัว ทำการบินปล่อยควันสีลายธงชาติไทย จำนวน 3 ลำ ซึ่งกำลังพลสวนสนามได้ร่วมขับร้องเพลง "พระเทพฯแห่งไทย" โดยมีเหล่าทหารร่วมเปล่งเสียงทรงพระเจริญไปอย่างกึกก้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 08.15 น. นายทหารชั้นนายพลอาวุโส อัตราจอมพลที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ 10 นาย ประกอบด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ภูดิศ ทัตติยโชติ เจรทหารทั่วไป (พล.อ.ชาตรี ทัตติ ) พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.หม่อมหลวง ประสพชัย เกษมสันต์ ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ร่วมวางพานพุ่ม และจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนจะเข้าร่วมพิธีเทิดเกียรติ และอำลาชีวิตราชการของนายทหารชั้นนายพล พร้อมมอบของที่ระลึก ในช่วงบ่ายที่ห้องประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
สำหรับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ติดภาระกิจเดินทางไปต่างประเทศ
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนิน เข้าห้องประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทอดพระเนตร การฉายสไลด์มัลติวิชั่น พระราชประวัติ และ ผลพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติตั้งแต่ทรงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2523 เป็นอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยในช่วงแรก ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทย สังคมวิทยา พร้อมปฏิบัติพระราชกรณียกิจในงานบริหาร งานการสอน และงานวิชาการอื่นๆ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะ "ทูลกระหม่อมอาจารย์" ของนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี ทรงทุ่มเทเวลาให้กับการทรงงานอย่างจริงจัง ด้วยมีพระราชประสงค์ ที่จะฝึกให้นักเรียนนายร้อยรู้จักคิด รู้จักตัวเอง คือให้รู้ว่า เราเป็นใคร มาจากที่ใด และกำลังจะไปทางไหน
ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครั้งสุดท้าย ในรายวิชาไทยศึกษา ให้กับนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา
จากนั้น นักเรียนนายร้อยได้กล่าวถวายอาเศียรวาทราชสดุดี ผู้แทนลูกศิษย์ ตั้งแต่นักเรียนเตรียม ทหารรุ่น 18 จนถึงปัจจุบัน ถวายราชสดุดี ตามด้วยการกล่าวคำถวายราชสดุดีของ ผู้บัญชาการทหารบก ว่า การปฏิบัติพระราชกรณียกิจในราชการ ตั้งแต่ปี 2523 ตราบจนเกษียณอายุราชการนั้น ทรงเป็นต้นแบบของแม่พิมพ์อันประเสริฐ ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับศิษย์ ที่นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตและการประกอบวิชาชีพแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้เกิดความรู้และเข้าใจในประวัติศาสตร์ความเป็นชาติ อันจะนำไปสู่ความรับผิดชอบ ความมีอุดมการณ์ และ ความรักหวงแหนในชาติบ้านเมือง ซึ่งจะขอน้อมนำแนวทางการทรงงานไปเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์อันถาวรของประชาชนและประเทศชาติต่อไป
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายของที่ระลึก แด่ พล.อ.หญิง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ประกอบด้วย ใบประกาศเกียรติคุณของกองทัพบก หนังสือที่ระลึกของกองทัพบก ของที่ระลึกจากเหล่าทหารราบ และกระบี่สั้นนักเรียนนนายร้อย
ต่อจากนั้น เวลา10.00 น. พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จประทับพลับพลาพิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติ บริเวณลานกองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โดย พล.อ.อุดมเดช กล่าวถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานสวนสนามเทิดพระเกียรติว่า พิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติและเทิดเกียรติในวันนี้ กองทัพบกจัดถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศสูงสุด เป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงมีต่อกองทัพบกและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่ทรงรับราชการและเพื่อเป็นการแสดงกตเวทิตา ตอบแทนคุณความดี เชิดชูเกียรติ และเป็นขวัญกำลังใจให้กับนายทหารชั้นนายพล ที่จะครบเกษียณอายุราชการและลาออกก่อนครบเกษียณอายุราชการ ซึ่งได้ปฎิบัติหน้าที่มาด้วยความวิริยะ อุตสาหะ มาตลอดชีวิตราชการทหาร ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลอันเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาท พระราชทานพระราโชวาท
พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯสยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท แก่ผู้มาร่วมพิธี ว่า ขอขอบใจท่านทั้งหลาย ในวาระที่จะเกษียณอายุราชการ ความปราถนาดีของท่านทั้งหลายที่แสดงต่อข้าพเจ้า มีคุณค่าสูงสง ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจ และจะจำไว้ไม่ลืมเลือน การที่ข้าพเจ้าเข้ามารับราชการ เป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เกิดจากความมีใจรัก ที่จะเพิ่มพูนความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้บุคคลอื่น และปรารถนา จะสร้างสรรค์สิ่งอันเป็นประโยชน์แก่สังคม และประเทศชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในฐานะที่เป็นพลเมืองไทยคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนในการพัฒนา สติปัญญา และวิสัยทัศน์ให้กับนักเรียนนายร้อย ผู้ที่จะเป็นอนาคตของกองทัพบก และชาติบ้านเมืองต่อไป ซึ่งหมายถึงการได้ร่วมสร้างความเข้มแข็งให้แก่กองทัพบก สถาบันอันเป็นเสาหลักด้านความมั่นคงของชาติ ที่มีภาระหน้าที่อันสำคัญในการสร้างเสริมความมั่นคง ปลอดภัยของชาติ และความสงบสุขของสังคม
นับตั้งแต่ข้าพเจ้ารับราชการจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าปลื้มปิติใจที่ได้เห็นลูกศิษย์แต่ละรุ่น เจริญเติบโต และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม ในฐานะที่เป็นทหาร และประชาชนชาวไทย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้บรรลุผลและขอให้ช่วยผดุงเกียรติของสถานศึกษาแห่งนี้ และรักษาเกียรติของตนเองไว้ให้มั่นคง ทั้งมีความสำนึกในคุณแผ่นดิน สุจริตใจปฏิบัติภาระกิจน้อยใหญ่ ให้ผสานสอดคล้อง เกื้อกูลกัน โดยยึดถือ เอกราช อธิปไตย ของชาติและประโยชน์สุขอันยั่งยืน ของประชาชนเป็นจุดหมายสูงสุด ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ อวยพรให้ทุกท่านที่มาร่วมพิธีมีแต่ความสุขสวัสดี เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย โดยทั่วกัน
จากนั้น พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองผสม จำนวน 3 กรมสนาม ประกอบด้วย กรมสวนสนามที่ 1 จำนวน 3 กองพัน กรมสวนสนามที่ 2 จำนวน 3 กองพัน และกรมสวนสนามที่ 3 จำนวน 4 กองพัน รวม 10 กองพันสวนสนาม ประกอบด้วย ขบวนจักรยานยนต์ทางยุทธวิธี จากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ขบวนวงดุริยางค์กองทัพบก ขบวนกองบังคับการกองผสม ขบวนหมู่ธงตราสัญลักษณ์ 60 พรรษา ขบวนหมู่ธงสีของกองทัพบก ขบวนสวนสนามของกรมสวนสนามที่ 1-3 ขบวนกองทหารม้าเกียรติยศ ถือธงตราสัญลักษณ์ 60 พรรษา ขบวนอากาศยานเฮลิคอปเตอร์แบบต่าง ๆ จำนวน 12 ลำ ขบวนอากาศยานประเภทปีกติดลำตัว ทำการบินปล่อยควันสีลายธงชาติไทย จำนวน 3 ลำ ซึ่งกำลังพลสวนสนามได้ร่วมขับร้องเพลง "พระเทพฯแห่งไทย" โดยมีเหล่าทหารร่วมเปล่งเสียงทรงพระเจริญไปอย่างกึกก้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 08.15 น. นายทหารชั้นนายพลอาวุโส อัตราจอมพลที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ 10 นาย ประกอบด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ภูดิศ ทัตติยโชติ เจรทหารทั่วไป (พล.อ.ชาตรี ทัตติ ) พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.หม่อมหลวง ประสพชัย เกษมสันต์ ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ร่วมวางพานพุ่ม และจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนจะเข้าร่วมพิธีเทิดเกียรติ และอำลาชีวิตราชการของนายทหารชั้นนายพล พร้อมมอบของที่ระลึก ในช่วงบ่ายที่ห้องประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
สำหรับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ติดภาระกิจเดินทางไปต่างประเทศ