สน.พระอาทิตย์
ผลการยอม “ไม่ดิ้น” ทำให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็ต้องไปขึ้นรอง ผบ.ตร. หลังเดือนตุลาคมไปแล้ว และลุ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ในครั้งหน้า เมื่อระดับไฮเพาเวอร์อย่าง “บิ๊กปู” ยอม ก็สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้ม พล.ต.อ.เอก ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ ผบ.ตร.ปีนี้มีโอกาสสูง
ดูเหมือนสถานการณ์ในช่วงโค้งสุดท้าย การชิงเก้าอี้ “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” หรือ “ผบ.ตร.” คนใหม่ เพื่อรับไม้ต่อมือจาก “อ๊อด กาสิโน” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ช่างเหมาะเจาะเหมาะเหม็ง เอื้อ “บิ๊กเอก” พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับที่ 1 ให้โดดเด่น เปล่งประกาย มีโอกาสก้าวขึ้นกุมบังเหียน “ผู้นำกรมปทุมวัน” มากกว่าคู่แคนดิเดตรายอื่นๆ
แม้ตอนนี้กระบวนการคัดสรร รอง ผบ.ตร. เพื่อจะเสนอชื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ยังอยู่ในขั้นตอนที่ “อ๊อด กาสิโน” มีหนังสือให้ 5 รอง ผบ.ตร. ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร. ทั้งพล.ต.อ.เอก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จัดทำวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์แนวทางการพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ความยาวไม่เกิน 4 หน้ากระดาษเอ4พร้อมแนบประวัติการรับราชการ ลำดับอาวุโส ผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ชัด ส่งให้พิจารณา
ขีดเส้นกำหนดส่งการบ้านให้ตรวจภายในวันที่ 3 สิงหาคม ก่อนที่จะให้คะแนน และ “คัดเลือก” ผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. เสนอที่ประชุม ก.ต.ช. ไม่น่าจะเกินวันที่ 20สิงหาคมนี้
แต่จับกระแสความเคลื่อนไหวสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นสัญญาณเข้าทาง พล.ต.อ.เอก แบบที่ไม่รู้ว่า “ตั้งใจ” หรือ “บังเอิญ” อุ้มสมกันแน่!
เริ่มตั้งแต่การเยียวยานับวันทวีคูณ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่วงประชุม ก.ตร. เห็นชอบตามคณะกรรมการเยียวยาชุดที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานให้เปิดเก้าอี้ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์เท่านั้น
ดูจะไม่สอดรับกับเป้าประสงค์สมัครพรรคพวกใกล้ชิด พล.ต.ท.ศรีวราห์ ที่เชื่อว่าถ้านับอายุราชการตามวันทวีคูณกันจริงๆ ต้องได้ขึ้นถึงระดับ รอง ผบ.ตร. ทำให้มีข่าวลือว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ซึ่งมีสัมพันธ์แน่นปึ้กกับพล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อาจ “ดิ้น” อีกเฮือกเพื่อหวังเข้าป้ายรอง ผบ.ตร.ตอนนี้เลย
เพื่อมีสิทธิ์ชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ปีนี้
สุดท้ายว่ากันว่ามีสัญญาณ “ระดับบิ๊ก” ถูกส่งลงไปให้ทุกอย่างจบ ขยับเยียวยากันถึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. จ่อคิวขึ้นรอง ผบ.ตร.ตามลำดับอาวุโสในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2558 เท่านั้น ไม่ให้ “ดิ้น” เข้ามายุ่งเกี่ยวในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นหลักสูตรพาสชั้นเป็นอันล้มเลิก
ผลการยอม “ไม่ดิ้น” ทำให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็ต้องไปขึ้น รอง ผบ.ตร. หลังเดือนตุลาคมไปแล้ว และลุ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ในครั้งหน้า เมื่อระดับไฮเพาเวอร์อย่าง “บิ๊กปู” ยอม ก็สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้ม พล.ต.อ.เอก ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ ผบ.ตร. ปีนี้มีโอกาสสูง
เพราะถ้า พล.ต.อ.เอก ขึ้น ผบ.ตร.ก็อยู่เพียงปีเดียว และเกษียณราชการปี 2558 แต่ถ้าเป็นพล.ต.อ.จักรทิพย์ ขึ้น ผบ.ตร. จะอยู่บนเก้าอี้ถึง 5 ปี เกษียณปี 2563 พล.ต.อ.ศรีวราห์ ต้องเหนื่อยแน่ หากยอมไปต่อคิวขึ้น ผบ.ตร. เนื่องจากตัวเองก็เกษียณอายุราชการปี 2562
เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. ที่มีข่าวว่าจะมาเป็น “ตาอยู่” ได้รับแรงหนุนจากพล.ต.อ.อัยยรัช เวสสะโกศล อดีตรอง ผบ.ตร. ก็เกษียณอายุราชการปี 2561 หาก พล.ต.อ.ศรีวราห์รอคิวก็ต้องอีก 2-3 ปี ส่วน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แกนนำพรรคเพื่อไทย น่าจะยังไม่ถูกที่ถูกเวลาในการขึ้นเป็นใหญ่ในสีกากี
จะมีก็เพียง “จูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ที่เกษียณปี 2559 เหลืออีกเพียงปีเดียว ถึงจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.สมยศ และเพื่อนสนับสนุนเต็มที่ แต่ก็ติดภาพเคยสวมเสื้อเพื่อไทยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. องค์ประกอบที่เหมาะสมเลยมาลงที่ “พล.ต.อ.เอก” ที่มีโอกาสมากกว่าเพื่อน
ส่วน พล.ต.อ.จักรทิพย์ที่นอนมาตั้งแต่ คสช.เข้ามามีอำนาจ ช่วงนี้สถานการณ์พลิกเปลี่ยนไป ดวงหล่นวูบลงเรื่อยๆ และยังถูกใจสาธยายเรื่องการพัวพันในยุทธจักรภายนอกหลายประเด็น ซึ่งล้วนเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ทั้งนั้น ถึงกับหูผู้หลักผู้ใหญ่ชาไปเลย โอกาสที่จะต้องอยู่เป็นรอง ผบ.ตร. ต่ออีกปีมีมาก
ส่วนความโชคดีของ พล.ต.อ.เอก นอกจากเป็นศิษย์เก่าวัดนวลนรดิศ รุ่นเดียวกับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ตัวนายกฯ ตู่ เองก็ชื่นชอบฝีมือการทำงานของ พล.ต.อ.เอกไม่น้อย
ที่สำคัญช่องโหว่ จุดด้อยที่เคยถูกหยิบยกมาตี มาตัดคะแนน “บิ๊กเอก” อย่างเรื่องไม่ใช่ นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) เป็นเพียงนักเรียนนายร้อยอบรม (นรบ.) จบนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ถูกปิดไปเรียบร้อย หลังจาก “อ๊อด กาสิโน” การันตีคุณสมบัติว่าที่ ผบ.ตร. ไม่จำเป็นต้องจบนักเรียนนายร้อยตำรวจ “ในอดีตที่ผ่านมาผู้บังคับบัญชาที่เป็น ผบ.ตร.หลายท่านก็ไม่ได้เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ จึงไม่ใช่ประเด็น”
เป็นช่วงจังหวะพอดิบพอดีคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ซึ่ง พล.ต.อ.เอก เคยเป็นโต้โผใหญ่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้ลุยสะสางคดี ทางพนักงานอัยการสำนักงานอัยการจังหวัดนาทวี จ.สงขลา ก็ได้ยื่นฟ้อง พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และพวกรวม 72 ราย เป็นจำเลย ต่อศาลจังหวัดนาทวี ในความผิดพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และความผิดอื่นรวม16 ข้อหา เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2741/2558 แล้ว รวมทั้งมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 104 ราย ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์รวม 16 ข้อหา จากที่พนักงานสอบสวน สภ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ได้รวบรวมพยานหลักฐานพร้อมความเห็นกล่าวหา 120 คน จนสร้างความพอใจให้แก่สหรัฐฯ ถึงขนาดโฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกมาชื่นชม
ทั้งหมดทั้งมวลดูสอดรับกันอย่างลงตัว และเอื้ออำนวยคุณสมบัติความพร้อมให้กับ “พล.ต.อ.เอก” ในการก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ อย่างโดดเด่นเหนือคู่ชิงตำแหน่งรายอื่นๆ แต่กระนั้นในวัฏจักรสีกากีไม่มีอะไรแน่นอน จนกว่ามติ ก.ต.ช.จะออกมาอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ.