นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอเลือกบุคคลเข้ามาเป็น คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เองว่า นายมีชัย ไม่ได้มีเงื่อนไข ท่านถามแค่ว่า กรธ.มีใครบ้าง แต่ตนไม่ทราบ ท่านจึงจะขอเรียนหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. อีกที ซึ่งท่านไม่ได้เกี่ยง หรืออะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ว่ามันต้องรู้ เพราะท่านยังไม่ได้ตัดสินใจ จึงขอทราบหน่อย ว่ามีใครบ้าง อย่างน้อยพอจะรู้ว่า ใคร หลากหลายในด้านไหนบ้างเท่านั้นเอง ตนยังบอกนายมีชัยว่า ถ้าท่านรับ อาจจะเสนอใครบางคนให้ นายกฯ พิจารณาด้วยก็ได้ แต่นายมีชัย ขอยังไม่พูดอะไรตอนนี้ เอาไว้พูดกับนายกฯ ทั้งนี้การที่นายมีชัย ขอหารือกับนายกฯ เอง ท่านคงไม่ใช่พูดกันเฉพาะเรื่องตัวบุคคล แต่คงกันเรื่องกรอบเวลา วิธีการทำงานด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายมีชัยไม่รับตำแหน่งประธาน กรธ. มีการเตรียมคนอื่นไว้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มี 4 คน ในจำนวนนั้นมีนายมีชัยด้วย โดยทุกคนมีข้อสงสัยคล้ายๆ กันว่า ในกรธ.มีใครบ้าง เพราะเรื่องนี้ต้องทำงานเป็นทีม ทำงานสำคัญ เร่งรัด และเวลามีจำกัด อีกทั้งยังมีเรื่องคุณสมบัติในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2 ปี ทำให้หลายคนต้องคิด ไม่ใช่เพราะเขาจะไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองอะไร แต่กระแสสังคม บางทีแม้ไม่ใช่ไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง เวลาไปดำรงตำแหน่งอื่นที่เป็นเรื่องของส่วนรวม และประเทศชาติ ก็ดูจะมีคนห้ามไม่ให้เป็น เหมือนกรณี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างฯ ที่ไปสมัครเป็นคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ที่พูดกันจนท่านต้องลาออก ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้คนมีชื่อยังรอดูก่อน
ต่อข้อถามว่า ชื่อสำรองหากนายมีชัย ปฏิเสธมีใครบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เรียกว่าสำรอง มีอยู่ในใจ คิดเอาไว้ในใจ และมีการทาบทามเอาไว้แล้ว แต่บางทีไม่ได้ทำเอง คนอื่นทำ ส่วนบุคคลที่จะมาเป็น กรธ. ที่มีคนส่งชื่อมานั้นถ้าในส่วนที่ตนทาบทามแล้ว มีเกิน 20 คน แต่ไม่ถึง 30 คน ส่วนที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองส่งชื่อมา แต่ยังไม่ได้มีการไปทาบนั้น มีอีกสัก 10 คน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบางคนตอบรับแล้ว แต่ขอเวลาคิดอีกนิด เมื่อถามย้ำว่า มีข่าวว่าหากนายมีชัยปฏิเสธ จะให้ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ มาเป็นประธาน จริงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่
เมื่อถามว่า ควรจะให้ประธาน กรธ. เลือก กรธ.ด้วยตัวเองหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่มีใครเกี่ยงเรื่องนี้เลย แต่ความจริงคือมีโอกาสที่จะเลือกคนได้บ้าง แต่ กรธ. มีถึง 20 คน จึงต้องดูกัน อย่าลืมว่าใน 20 คนเองก็อยากรู้ว่าใครบ้างที่เป็นกรธ. เพื่อเขาจะรู้ว่าสามารถทำงานด้วยกันได้หรือไม่ เพราะเวลาร่างรัฐธรรมนูญ มีไม่กี่เดือน แล้วทำงานเป็นหมู่คณะ จึงต้องสมัครสมานสโมสร พร้อมใจกัน
เมื่อถามอีกว่า หากนายมีชัย พูดคุยกับนายกฯแล้ว สามารถประกาศรายชื่อ กรธ.ได้เลยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ได้เลย แต่คงไม่ใช่ทันทีทันใด เพราะนายกฯ เองอาจต้องใช้เวลาในการดูเหมือนกัน ได้ทราบว่าระหว่างนี้ อาจจะมีผู้ติดต่อกับนายกฯ อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ตน อย่างไรก็ตามเอาเป็นว่า วันที่ 1 ต.ค. เมื่อนายกฯกลับ ก็เตรียมเอาไว้ให้ท่านได้พิจารณาทั้งหมด
** ทำกม.ลูกช่วงประชามติ โรดแมปจะสั้นลง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้ง สมาชิก สนช.ที่ขาดอยู่ 3 ตำแหน่ง ว่า การแต่งตั้งก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหัวหน้าคสช. ซึ่งต้องนำชื่อขึ้นเสนอโปรดเกล้าฯ โดยส่วนตัวแล้ว เห็นด้วยที่จะให้สมาชิก สนช. มีเต็มจำนวน และหากได้ผู้ที่เหมาะสมมาช่วยงาน ก็จะดี เพราะงานในปีหน้า จะเป็นงานที่หนักมาก
"ผมมองว่า ระยะเวลาในโรดแมปบางขั้นตอนอาจทำให้สั้นลงได้ ซึ่งเมื่อร่างรัฐธรรมนูญในระยะเวลา 6 เดือน เสร็จสิ้นแล้วในระหว่างเวลา 4 เดือน ที่ออกเสียงประชามตินั้น สนช.สามารถใช้ช่วงเวลานั้น เตรียมการเกี่ยวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้เลย ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลูก ที่จะเกิดหลังจากนั้นสั้นลงได้ จากที่กำหนดไว้ 6 เดือน อาจใช้เวลาเหลือประมาณ 4 เดือน และ ยังเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านประชามติ โดยรัฐบาลก็คงรณรงค์ให้เห็นประโยชน์ของเนื้อหา ขณะที่ สนช. ก็สามารถช่วยได้ผ่านการพบปะประชาชน อย่างรายการ สนช.พบประชาชน ที่นายพีระ ศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 ดูแลอยู่”
สำหรับกระแสข่าวที่ คสช.จะมอบหมายให้ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ เป็นประธานกรธ. และให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช. เป็นประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท.นั้น นายพรเพชร บอกว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ ทราบเพียงเรื่องทาบทาม นายมีชัย มาทำหน้าที่ประธาน กรธ. โดยท้ายที่สุดแล้ว ต้องรอหัวหน้า คสช. เป็นผู้ตัดสินใจ หลังกลับจากต่างประเทศ ส่วนรายชื่อสนช. ที่จะเป็น กรธ. นั้น ไม่ได้แนะนำชื่อใครไป เพราะอาจเกิดความน้อยใจในหมู่สมาชิก
**ชทพ.ส่ง "นิกร-สมศักดิ์"นั่งสปท.
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอรายชื่อตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่า พรรคได้สรุปส่ง 2 คนคือ นายนิกร จำนง กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และตน ให้กับคสช.ส่วนจะได้รับเลือกทั้งสองคนหรือคนเดียวขึ้นอยู่กับคสช.จะพิจารณา
** พรรคเล็กหนุนแนวทางจดทะเบียนใหม่
นายธนพร ศรียากูล หัวหน้าพรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณี นิด้าโพล เผยแพร่ผลสำรวจ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการมีนักการเมืองหน้าใหม่ และเห็นด้วยกับการให้ทุกพรรคการเมืองไปจดทะเบียนใหม่ ว่า การแข่งขันทางการเมืองที่เปิดกว้างยิ่งเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ขณะเดียวกัน พรรคการเมืองที่ไปจดทะเบียนก่อนหน้านี้ ก็มีสิทธิตามกฎหมาย ถ้ายุบพรรคทั้งหมด จะเป็นการขัดต่อหลักนิติธรรม การส่งเสริมให้มีนักการเมืองหน้าใหม่นั้น เห็นด้วยอยู่แล้ว หากจะมีการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ ก็ควรทำให้ง่ายขึ้น ไม่เป็นภาระ ด้านต้นทุนในการดำเนินงานที่สูง เพราะจะเป็นการตัดโอกาสกลุ่มประชาชนที่อยากตั้งพรรคการเมือง แต่ไม่มีต้นทุนเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มเพศทางเลือก ฯลฯ ดังนั้น ขอเสนอวิธีการที่ง่ายที่สุดคือ ยกเลิก พ.ร.บ.พรรคการเมืองไปเลย ปล่อยให้การตั้งพรรคการเมือง เป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น ก็กำหนดในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
"ถ้าเจตนาทำให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเมือง เรามีแต่จะต้องทำให้ขั้นตอนต่างๆ มันง่ายที่สุด และควรเริ่มจาก พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะหมายความว่าใครจะจัดตั้งพรรคการเมือง จะจัดตั้งได้อย่างเสรี พรรคไหนจะอยู่รอดหรือไม่รอด ขึ้นอยู่กับประชาชน ยิ่งตีกรอบละเอียดเท่าไหร่ พรรคใหม่ๆ ยิ่งเกิดยากขึ้นเท่านั้น" นายธนพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายมีชัยไม่รับตำแหน่งประธาน กรธ. มีการเตรียมคนอื่นไว้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มี 4 คน ในจำนวนนั้นมีนายมีชัยด้วย โดยทุกคนมีข้อสงสัยคล้ายๆ กันว่า ในกรธ.มีใครบ้าง เพราะเรื่องนี้ต้องทำงานเป็นทีม ทำงานสำคัญ เร่งรัด และเวลามีจำกัด อีกทั้งยังมีเรื่องคุณสมบัติในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2 ปี ทำให้หลายคนต้องคิด ไม่ใช่เพราะเขาจะไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองอะไร แต่กระแสสังคม บางทีแม้ไม่ใช่ไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง เวลาไปดำรงตำแหน่งอื่นที่เป็นเรื่องของส่วนรวม และประเทศชาติ ก็ดูจะมีคนห้ามไม่ให้เป็น เหมือนกรณี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างฯ ที่ไปสมัครเป็นคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ที่พูดกันจนท่านต้องลาออก ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้คนมีชื่อยังรอดูก่อน
ต่อข้อถามว่า ชื่อสำรองหากนายมีชัย ปฏิเสธมีใครบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เรียกว่าสำรอง มีอยู่ในใจ คิดเอาไว้ในใจ และมีการทาบทามเอาไว้แล้ว แต่บางทีไม่ได้ทำเอง คนอื่นทำ ส่วนบุคคลที่จะมาเป็น กรธ. ที่มีคนส่งชื่อมานั้นถ้าในส่วนที่ตนทาบทามแล้ว มีเกิน 20 คน แต่ไม่ถึง 30 คน ส่วนที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองส่งชื่อมา แต่ยังไม่ได้มีการไปทาบนั้น มีอีกสัก 10 คน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบางคนตอบรับแล้ว แต่ขอเวลาคิดอีกนิด เมื่อถามย้ำว่า มีข่าวว่าหากนายมีชัยปฏิเสธ จะให้ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ มาเป็นประธาน จริงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่
เมื่อถามว่า ควรจะให้ประธาน กรธ. เลือก กรธ.ด้วยตัวเองหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่มีใครเกี่ยงเรื่องนี้เลย แต่ความจริงคือมีโอกาสที่จะเลือกคนได้บ้าง แต่ กรธ. มีถึง 20 คน จึงต้องดูกัน อย่าลืมว่าใน 20 คนเองก็อยากรู้ว่าใครบ้างที่เป็นกรธ. เพื่อเขาจะรู้ว่าสามารถทำงานด้วยกันได้หรือไม่ เพราะเวลาร่างรัฐธรรมนูญ มีไม่กี่เดือน แล้วทำงานเป็นหมู่คณะ จึงต้องสมัครสมานสโมสร พร้อมใจกัน
เมื่อถามอีกว่า หากนายมีชัย พูดคุยกับนายกฯแล้ว สามารถประกาศรายชื่อ กรธ.ได้เลยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ได้เลย แต่คงไม่ใช่ทันทีทันใด เพราะนายกฯ เองอาจต้องใช้เวลาในการดูเหมือนกัน ได้ทราบว่าระหว่างนี้ อาจจะมีผู้ติดต่อกับนายกฯ อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ตน อย่างไรก็ตามเอาเป็นว่า วันที่ 1 ต.ค. เมื่อนายกฯกลับ ก็เตรียมเอาไว้ให้ท่านได้พิจารณาทั้งหมด
** ทำกม.ลูกช่วงประชามติ โรดแมปจะสั้นลง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้ง สมาชิก สนช.ที่ขาดอยู่ 3 ตำแหน่ง ว่า การแต่งตั้งก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหัวหน้าคสช. ซึ่งต้องนำชื่อขึ้นเสนอโปรดเกล้าฯ โดยส่วนตัวแล้ว เห็นด้วยที่จะให้สมาชิก สนช. มีเต็มจำนวน และหากได้ผู้ที่เหมาะสมมาช่วยงาน ก็จะดี เพราะงานในปีหน้า จะเป็นงานที่หนักมาก
"ผมมองว่า ระยะเวลาในโรดแมปบางขั้นตอนอาจทำให้สั้นลงได้ ซึ่งเมื่อร่างรัฐธรรมนูญในระยะเวลา 6 เดือน เสร็จสิ้นแล้วในระหว่างเวลา 4 เดือน ที่ออกเสียงประชามตินั้น สนช.สามารถใช้ช่วงเวลานั้น เตรียมการเกี่ยวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้เลย ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลูก ที่จะเกิดหลังจากนั้นสั้นลงได้ จากที่กำหนดไว้ 6 เดือน อาจใช้เวลาเหลือประมาณ 4 เดือน และ ยังเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านประชามติ โดยรัฐบาลก็คงรณรงค์ให้เห็นประโยชน์ของเนื้อหา ขณะที่ สนช. ก็สามารถช่วยได้ผ่านการพบปะประชาชน อย่างรายการ สนช.พบประชาชน ที่นายพีระ ศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 ดูแลอยู่”
สำหรับกระแสข่าวที่ คสช.จะมอบหมายให้ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ เป็นประธานกรธ. และให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช. เป็นประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท.นั้น นายพรเพชร บอกว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ ทราบเพียงเรื่องทาบทาม นายมีชัย มาทำหน้าที่ประธาน กรธ. โดยท้ายที่สุดแล้ว ต้องรอหัวหน้า คสช. เป็นผู้ตัดสินใจ หลังกลับจากต่างประเทศ ส่วนรายชื่อสนช. ที่จะเป็น กรธ. นั้น ไม่ได้แนะนำชื่อใครไป เพราะอาจเกิดความน้อยใจในหมู่สมาชิก
**ชทพ.ส่ง "นิกร-สมศักดิ์"นั่งสปท.
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอรายชื่อตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่า พรรคได้สรุปส่ง 2 คนคือ นายนิกร จำนง กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และตน ให้กับคสช.ส่วนจะได้รับเลือกทั้งสองคนหรือคนเดียวขึ้นอยู่กับคสช.จะพิจารณา
** พรรคเล็กหนุนแนวทางจดทะเบียนใหม่
นายธนพร ศรียากูล หัวหน้าพรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณี นิด้าโพล เผยแพร่ผลสำรวจ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการมีนักการเมืองหน้าใหม่ และเห็นด้วยกับการให้ทุกพรรคการเมืองไปจดทะเบียนใหม่ ว่า การแข่งขันทางการเมืองที่เปิดกว้างยิ่งเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ขณะเดียวกัน พรรคการเมืองที่ไปจดทะเบียนก่อนหน้านี้ ก็มีสิทธิตามกฎหมาย ถ้ายุบพรรคทั้งหมด จะเป็นการขัดต่อหลักนิติธรรม การส่งเสริมให้มีนักการเมืองหน้าใหม่นั้น เห็นด้วยอยู่แล้ว หากจะมีการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ ก็ควรทำให้ง่ายขึ้น ไม่เป็นภาระ ด้านต้นทุนในการดำเนินงานที่สูง เพราะจะเป็นการตัดโอกาสกลุ่มประชาชนที่อยากตั้งพรรคการเมือง แต่ไม่มีต้นทุนเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มเพศทางเลือก ฯลฯ ดังนั้น ขอเสนอวิธีการที่ง่ายที่สุดคือ ยกเลิก พ.ร.บ.พรรคการเมืองไปเลย ปล่อยให้การตั้งพรรคการเมือง เป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น ก็กำหนดในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
"ถ้าเจตนาทำให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเมือง เรามีแต่จะต้องทำให้ขั้นตอนต่างๆ มันง่ายที่สุด และควรเริ่มจาก พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะหมายความว่าใครจะจัดตั้งพรรคการเมือง จะจัดตั้งได้อย่างเสรี พรรคไหนจะอยู่รอดหรือไม่รอด ขึ้นอยู่กับประชาชน ยิ่งตีกรอบละเอียดเท่าไหร่ พรรคใหม่ๆ ยิ่งเกิดยากขึ้นเท่านั้น" นายธนพร กล่าว