ASTVผู้จัดการรายวัน - “ประสาร” ชี้ประเทศไทยต้องการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบัน แนะใช้แหล่งเงินออมภายในประเทศแทนการกู้เงินต่างประเทศ แต่ให้ระวังปัญหาหนี้ครัวเรือน เชื่อมือทีมเศรษฐกิจช่วยลดทุกข์คนในระยะสั้นและพยายามดูแลไม่เป็นภาระคลังเกินไป
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ต้องการที่จะเห็นการลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยขณะนี้สภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินมีเพียงพอ แม้สภาพคล่องน้อยกว่าเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทยมาก ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีเงินทุนไหลออกจากพันธบัตรและหุ้นประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถประเทศระยะต่อไปได้
ขณะเดียวกันมองว่าควรใช้แหล่งเงินออมภายในประเทศดีกว่ากู้ยืมต่างประเทศ ฉะนั้นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ คือ ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
“สิ่งที่น่าห่วง ถ้าประเทศไทยขาดการลงทุนให้สูงกว่าระดับปัจจุบันไม่ได้ก็จะกลายเป็นทำลายความเข้มแข็งและการออมในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กลายเป็นว่าภาคเอกชนนิ่งไม่ลงทุน ไม่ใช้จ่าย ต่างกับช่วง 16 ปีก่อน บางประเทศ รวมถึงไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน สาเหตุใหญ่มาจากการใช้ทรัพยากรเงินทุนสูญเปล่า ท้ายที่สุดคนสมัยนั้นมีหนี้เยอะ ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลนี้เข้ากระตุ้นและพยายามทำให้ไม่เป็นภาระคลังมากเกินไป เพื่อลดทุกข์ของคนในระยะสั้น ซึ่งจำเป็นใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ก่อให้เกิดผลผลิตต่อไปไม่ให้ทรัพยากรสูญเปล่า ถือเป็นการบริหารเศรษฐกิจและการเงินดีเยี่ยม” นายประสารกล่าว
การที่รัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยการอัดฉีดเงินลงสู่ระดับฐานราก เพื่อให้เกิดการผลิต ยังต้องระวังปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนกลับมาเร่งตัวขึ้น หากมาตรการอัดฉีดเงินไม่มีการคัดกรองคนที่กู้เงินที่ดีพอ รวมถึงไม่ทำให้เกิดผลผลิต หรือมีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า จะเกิดผลเสียหายและหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นตามมาได้
“ปัจจุบันภาครัฐและเอกชนไม่ได้มีหนี้มากเกินไป แต่ในส่วนของภาคครัวเรือนอาจจะต้องติดตาม แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีอัตราการเพิ่มชะลอลง ส่วนหนึ่งจากการจ่ายคืน และผลรายได้ลดลง” นายประสารกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าไทยยังมีหลายโจทย์ให้ต้องแก้ไขทั้งการชะลอเศรษฐกิจ รายได้ประชาชนบางกลุ่มลดลง จึงหวังว่าการอัดฉีดเงินจะต้องมีกลไกกลั่นกรองที่มีประสิทธิภาพใช้เงินดังกล่าวสร้างผลผลิตและรายได้กลับคืนมา.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ต้องการที่จะเห็นการลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยขณะนี้สภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินมีเพียงพอ แม้สภาพคล่องน้อยกว่าเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทยมาก ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีเงินทุนไหลออกจากพันธบัตรและหุ้นประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถประเทศระยะต่อไปได้
ขณะเดียวกันมองว่าควรใช้แหล่งเงินออมภายในประเทศดีกว่ากู้ยืมต่างประเทศ ฉะนั้นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ คือ ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
“สิ่งที่น่าห่วง ถ้าประเทศไทยขาดการลงทุนให้สูงกว่าระดับปัจจุบันไม่ได้ก็จะกลายเป็นทำลายความเข้มแข็งและการออมในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กลายเป็นว่าภาคเอกชนนิ่งไม่ลงทุน ไม่ใช้จ่าย ต่างกับช่วง 16 ปีก่อน บางประเทศ รวมถึงไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน สาเหตุใหญ่มาจากการใช้ทรัพยากรเงินทุนสูญเปล่า ท้ายที่สุดคนสมัยนั้นมีหนี้เยอะ ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลนี้เข้ากระตุ้นและพยายามทำให้ไม่เป็นภาระคลังมากเกินไป เพื่อลดทุกข์ของคนในระยะสั้น ซึ่งจำเป็นใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ก่อให้เกิดผลผลิตต่อไปไม่ให้ทรัพยากรสูญเปล่า ถือเป็นการบริหารเศรษฐกิจและการเงินดีเยี่ยม” นายประสารกล่าว
การที่รัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยการอัดฉีดเงินลงสู่ระดับฐานราก เพื่อให้เกิดการผลิต ยังต้องระวังปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนกลับมาเร่งตัวขึ้น หากมาตรการอัดฉีดเงินไม่มีการคัดกรองคนที่กู้เงินที่ดีพอ รวมถึงไม่ทำให้เกิดผลผลิต หรือมีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า จะเกิดผลเสียหายและหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นตามมาได้
“ปัจจุบันภาครัฐและเอกชนไม่ได้มีหนี้มากเกินไป แต่ในส่วนของภาคครัวเรือนอาจจะต้องติดตาม แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีอัตราการเพิ่มชะลอลง ส่วนหนึ่งจากการจ่ายคืน และผลรายได้ลดลง” นายประสารกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าไทยยังมีหลายโจทย์ให้ต้องแก้ไขทั้งการชะลอเศรษฐกิจ รายได้ประชาชนบางกลุ่มลดลง จึงหวังว่าการอัดฉีดเงินจะต้องมีกลไกกลั่นกรองที่มีประสิทธิภาพใช้เงินดังกล่าวสร้างผลผลิตและรายได้กลับคืนมา.