ASTVผู้จัดการรายวัน – “กลุ่มตะนาวศรี” เจ้าตลาดไก่บ้าน ทุ่ม 200 ล้านบาท ทะลวงอาเซียน ส่งร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีเปิดตลาดเออีซี เน้นขายแฟรนไชส์ หวัง 1,000 สาขา ใน10ปี พร้อมสร้างโรงงานผลิตอาหารปรุงสุกพร้อมทานในรูปแบบแช่แข็งลุยต่างประเทศ เชื่อสิ้นปีนี้รายได้รวมแตะ 8,000 ล้านบาท สู่เป้า 10,000ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า
นายจันทร์ธนู สัตยาวัฒนา กรรมการผู้จัดการกลุ่มตะนาวศรีไก่ไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของกลุ่มตระนาวศรีภายหลังเปิดเออีซีจะมีการลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ใน 2 ส่วนหลัก คือ 1. การเปิดตัวร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีให้ได้ 25 สาขา ใน2ปีนับจากนี้ เบื้องต้นการลงทุนแต่ละสาขา เฉลี่ยสาขาละ 3 ล้านบาท บนพื้นที่ 120 ตร.ม. หรือน่าจะใช้งบลงทุนราว 75 ล้านบาท
แผนต่อไปยังเตรียมขยายร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้เป้าหมาย 1,000 สาขา ภายใน10 ปี จากปัจจุบันร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีเปิดให้บริการแล้ว 2 แห่ง คืออาคารบีบีซี ย่านเอกมัย ซึ่งเป็นสาขาแรกที่ทดลองเปิดในรูปแบบของฟู้ดคอร์ท ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนสาขาที่ตั้งอยู่ที่หอการค้า ซึ่งเปิดมาได้ 2 สัปดาห์ พบว่าลูกค้าตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา
“แผนการเปิดร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรี เนื่องจากเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดในกลุ่มอาหารแปรรูปจากไก่บ้านที่ปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งที่ชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าคอนซูเมอร์ จึงน่าจะสามารถแข่งขันทั้งในระดับในประเทศและต่างประเทศได้หลังเปิดเออีซี ขณะที่ร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีถือเป็นการพัฒนาจากการเปิดร้านชิคเก้นทีที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และได้ปิดกิจการลงหลังจากผู้บริหารได้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ โดยการเลือกใช้แบรนด์ไก่บ้านตะนาวศรีนั้น เพื่อต้องการสื่อถึงความเป็นไก่บ้านที่มีความนุ่มและแน่นของเนื้อไก่ อีกทั้งยังมีโปรตีนสูงกว่ากว่าไก่เนื้อทั่วไป”
2 .สร้างโรงงานผลิตอาหารปรุงสุกพร้อมทานในรูปแบบแช่แข็งย่านบริเวณพุทธมลฑล สาย 7 บนเนื้อที่ 17 ไร่ ด้วยงบลงทุนกว่า 120 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่ปัจจุบัน มีการส่งออกไปในรูปแบบของเนื้อไก่ชำแหละแช่แข็ง โดยในกลุ่มกำลังผลิตภัณฑ์ไก่บ้าน กำลังเป็นที่นิยมสุงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่เริ่มส่งออกไปแล้วกว่า 2 ปี รวมถึงการเปิดตลาดเออีซี ที่มีแผนนำผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างในกัมพูชาและลาวที่เริ่มตอบรับ
จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ มองว่ายอดขายรวมทั้งกลุ่มปีนี้จะทำได้ 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 20% และในประเทศ 80% และใน 5 ปีจากนี้ จะมียอดขายรวมทั้งกลุ่มอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มเป็น 50% และรายได้หลักยังคงมาจากบริษัท ตะนาวศรี จำกัด ส่วนรายได้จากร้านข้าวมันไก่ในปีแรก ตั้งเป้า 100 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 500-700 ล้านบาทในช่วง 3 ปีจากนี้
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทตะนาวศรีประกอบด้วย 5 บริษัท คือ 1.บริษัท ตะนาวศรี จำกัด หรือฟาร์มเพาะพันธุ์ไก่บ้านาตะนาวศรี 2.บริษัท ฟู้ดวิลเลจ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการทำตลาดที่เกี่ยวกับอาหาร 3. บริษัท เอเซียนที จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านอาหารข้าวมันไก่ตะนาวศรี 4.บริษัท ลีดดิ้ง ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตไส้ไกรอกแปรรูปไก่ และ 5.บริษัท ทีแล็บ จำกัด ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ วิเคราะห์ และวิจัย
ส่วนกำลังผลิตไก่บ้านปัจจุบันทำได้ 1 แสนตัวต่อสัปดาห์ แบ่งเป็นการผลิตพันธ์ลูกไก่บ้าน 7-8 หมื่นตัว เพื่อส่งสายให้กับลูกค้าเพื่อนำไปเลี้ยงต่อ และอีก 2 หมื่นตัว กระจายผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ ตลาดสดในสัดส่วน 10% โมเดิร์นเทรด 45% และเชนร้านอาหารต่างๆ กว่า 300 ราย พร้อมกันนี้ ยังเตรียมแผนที่จะส่งขายในรูปแปรรูป หรือชำแหละเป็นส่วนๆ เพื่อขายให้กับลูกค้าคอนซูเมอร์ทั่วไปผ่านช่องทางต่างๆต่อไป
นายจันทร์ธนู สัตยาวัฒนา กรรมการผู้จัดการกลุ่มตะนาวศรีไก่ไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของกลุ่มตระนาวศรีภายหลังเปิดเออีซีจะมีการลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ใน 2 ส่วนหลัก คือ 1. การเปิดตัวร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีให้ได้ 25 สาขา ใน2ปีนับจากนี้ เบื้องต้นการลงทุนแต่ละสาขา เฉลี่ยสาขาละ 3 ล้านบาท บนพื้นที่ 120 ตร.ม. หรือน่าจะใช้งบลงทุนราว 75 ล้านบาท
แผนต่อไปยังเตรียมขยายร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้เป้าหมาย 1,000 สาขา ภายใน10 ปี จากปัจจุบันร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีเปิดให้บริการแล้ว 2 แห่ง คืออาคารบีบีซี ย่านเอกมัย ซึ่งเป็นสาขาแรกที่ทดลองเปิดในรูปแบบของฟู้ดคอร์ท ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนสาขาที่ตั้งอยู่ที่หอการค้า ซึ่งเปิดมาได้ 2 สัปดาห์ พบว่าลูกค้าตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา
“แผนการเปิดร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรี เนื่องจากเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดในกลุ่มอาหารแปรรูปจากไก่บ้านที่ปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งที่ชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าคอนซูเมอร์ จึงน่าจะสามารถแข่งขันทั้งในระดับในประเทศและต่างประเทศได้หลังเปิดเออีซี ขณะที่ร้านข้าวมันไก่ตะนาวศรีถือเป็นการพัฒนาจากการเปิดร้านชิคเก้นทีที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และได้ปิดกิจการลงหลังจากผู้บริหารได้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ โดยการเลือกใช้แบรนด์ไก่บ้านตะนาวศรีนั้น เพื่อต้องการสื่อถึงความเป็นไก่บ้านที่มีความนุ่มและแน่นของเนื้อไก่ อีกทั้งยังมีโปรตีนสูงกว่ากว่าไก่เนื้อทั่วไป”
2 .สร้างโรงงานผลิตอาหารปรุงสุกพร้อมทานในรูปแบบแช่แข็งย่านบริเวณพุทธมลฑล สาย 7 บนเนื้อที่ 17 ไร่ ด้วยงบลงทุนกว่า 120 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่ปัจจุบัน มีการส่งออกไปในรูปแบบของเนื้อไก่ชำแหละแช่แข็ง โดยในกลุ่มกำลังผลิตภัณฑ์ไก่บ้าน กำลังเป็นที่นิยมสุงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่เริ่มส่งออกไปแล้วกว่า 2 ปี รวมถึงการเปิดตลาดเออีซี ที่มีแผนนำผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างในกัมพูชาและลาวที่เริ่มตอบรับ
จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ มองว่ายอดขายรวมทั้งกลุ่มปีนี้จะทำได้ 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 20% และในประเทศ 80% และใน 5 ปีจากนี้ จะมียอดขายรวมทั้งกลุ่มอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มเป็น 50% และรายได้หลักยังคงมาจากบริษัท ตะนาวศรี จำกัด ส่วนรายได้จากร้านข้าวมันไก่ในปีแรก ตั้งเป้า 100 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 500-700 ล้านบาทในช่วง 3 ปีจากนี้
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทตะนาวศรีประกอบด้วย 5 บริษัท คือ 1.บริษัท ตะนาวศรี จำกัด หรือฟาร์มเพาะพันธุ์ไก่บ้านาตะนาวศรี 2.บริษัท ฟู้ดวิลเลจ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการทำตลาดที่เกี่ยวกับอาหาร 3. บริษัท เอเซียนที จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านอาหารข้าวมันไก่ตะนาวศรี 4.บริษัท ลีดดิ้ง ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตไส้ไกรอกแปรรูปไก่ และ 5.บริษัท ทีแล็บ จำกัด ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ วิเคราะห์ และวิจัย
ส่วนกำลังผลิตไก่บ้านปัจจุบันทำได้ 1 แสนตัวต่อสัปดาห์ แบ่งเป็นการผลิตพันธ์ลูกไก่บ้าน 7-8 หมื่นตัว เพื่อส่งสายให้กับลูกค้าเพื่อนำไปเลี้ยงต่อ และอีก 2 หมื่นตัว กระจายผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ ตลาดสดในสัดส่วน 10% โมเดิร์นเทรด 45% และเชนร้านอาหารต่างๆ กว่า 300 ราย พร้อมกันนี้ ยังเตรียมแผนที่จะส่งขายในรูปแปรรูป หรือชำแหละเป็นส่วนๆ เพื่อขายให้กับลูกค้าคอนซูเมอร์ทั่วไปผ่านช่องทางต่างๆต่อไป
