ที่ท่าอากาศยานอุบลราชธานี ถนนเทพโยธี อ.เมือง จ.อุบลราชธานี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่พักผู้โดยสารของท่าอากาศยานอุบลราชธานี โดยมี นางปาริชาต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน และนายประทีป กีรติเลขา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี รวมถึงผู้ประกอบการสายการบิน และประชาชน ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานฯร่วมพิธี
นางปาริชาต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เปิดเผยว่า อาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานอุบลราชธานีแห่งนี้ กรมการบินพลเรือนได้ทำการปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสาร ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.57 ด้วยงบประมาณกว่า 70 ล้านบาท โดยอาคารที่ทำการปรับปรุงเสร็จเป็นอาคารที่มีความทันสมัย กว้างขวาง สามารถรองรับผู้โดยสารขาเข้าได้ 300 คนต่อชั่วโมง รองรับผู้โดยสารขาออกได้ 624 คนต่อชั่วโมง มีสะพานเทียบเครื่องบิน 2 ตัว เครื่องเอกซเรย์ เครื่องวอร์คทูเครื่องแฮนด์สแกนเนอร์ สายพานลำเลียงกระเป๋าผู้โดยสาร เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน จำนวน 16 เคาน์เตอร์ ห้องรับรองพิเศษ 4 ห้อง พื้นที่ร้านค้า 16 ร้าน โดยมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยจากเหตุเพลิงไหม้ 4 ระบบ คือ ระบบสโมคดีเทคในตัวอาคาร และตัวร้านค้า ระบบสปริงเกอร์ดับเพลิง ระบบอะลามแจ้งเตือนภัยด้วยมือ และซอฟต์แวร์ควบคุมการใช้ไฟฟ้าภายในตัวอาคาร
“ปัจจุบัน ท่าอากาศยานอุบลราชธานี มีสายการบินให้บริการประจำ จำนวน 5 สายการบิน รวมเที่ยวบินไปกลับต่อวัน กว่า 30 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารจาก จ.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ ยโสธร และอำนาจเจริญ กรมการบินพลเรือนเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงได้ผลักดันให้ท่าอากาศยานอุบลราชธานี เป็นศูนย์กลางการบินพาณิชย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และมีแนวคิดในการพัฒนาการเชื่อมต่อประเทศใกล้เคียงในอนาคตอีกด้วย” นางปาริชาต กล่าว
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคม พร้อมที่จะผลักดันให้ท่าอากาศยานอุบลราชธานี เป็นศูนย์กลางการบินพาณิชย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ขณะที่ศักยภาพในภาพรวมของจังหวัดอุบลราชธานี สามารถพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงทางด้านการค้า การลงทุน ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางด้าน ด่านชายแดนถาวรช่องเม็ก กับ สปป.ลาว และจุดผ่อนปรนชายแดน ช่องอานม้า กับ กัมพูชา เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ต่อไป
นางปาริชาต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เปิดเผยว่า อาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานอุบลราชธานีแห่งนี้ กรมการบินพลเรือนได้ทำการปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสาร ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.57 ด้วยงบประมาณกว่า 70 ล้านบาท โดยอาคารที่ทำการปรับปรุงเสร็จเป็นอาคารที่มีความทันสมัย กว้างขวาง สามารถรองรับผู้โดยสารขาเข้าได้ 300 คนต่อชั่วโมง รองรับผู้โดยสารขาออกได้ 624 คนต่อชั่วโมง มีสะพานเทียบเครื่องบิน 2 ตัว เครื่องเอกซเรย์ เครื่องวอร์คทูเครื่องแฮนด์สแกนเนอร์ สายพานลำเลียงกระเป๋าผู้โดยสาร เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน จำนวน 16 เคาน์เตอร์ ห้องรับรองพิเศษ 4 ห้อง พื้นที่ร้านค้า 16 ร้าน โดยมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยจากเหตุเพลิงไหม้ 4 ระบบ คือ ระบบสโมคดีเทคในตัวอาคาร และตัวร้านค้า ระบบสปริงเกอร์ดับเพลิง ระบบอะลามแจ้งเตือนภัยด้วยมือ และซอฟต์แวร์ควบคุมการใช้ไฟฟ้าภายในตัวอาคาร
“ปัจจุบัน ท่าอากาศยานอุบลราชธานี มีสายการบินให้บริการประจำ จำนวน 5 สายการบิน รวมเที่ยวบินไปกลับต่อวัน กว่า 30 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารจาก จ.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ ยโสธร และอำนาจเจริญ กรมการบินพลเรือนเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงได้ผลักดันให้ท่าอากาศยานอุบลราชธานี เป็นศูนย์กลางการบินพาณิชย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และมีแนวคิดในการพัฒนาการเชื่อมต่อประเทศใกล้เคียงในอนาคตอีกด้วย” นางปาริชาต กล่าว
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคม พร้อมที่จะผลักดันให้ท่าอากาศยานอุบลราชธานี เป็นศูนย์กลางการบินพาณิชย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ขณะที่ศักยภาพในภาพรวมของจังหวัดอุบลราชธานี สามารถพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงทางด้านการค้า การลงทุน ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางด้าน ด่านชายแดนถาวรช่องเม็ก กับ สปป.ลาว และจุดผ่อนปรนชายแดน ช่องอานม้า กับ กัมพูชา เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ต่อไป