เมื่อเวลา10.00 น. วานนี้ (9ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมีพล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ
พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ โดยการประชุมครั้งนี้ มีก่อนที่ผู้บังคับบัญชาในระดับสูงจะเกษียณอายุราชการในหลายตำแหน่ง
พล.อ.วรพงษ์ กล่าวเปิดเผยว่าภาพรวมการทำงานของเหล่าทัพ ถือว่าเรียบร้อย สามารถปฎิบัติภารกิจต่างๆ ตามขอบเขตความรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี ตลอดจนงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ผ่านมา และเป็นรูปธรรม คือ เราได้สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับกองทัพ อย่งต่อเนื่อง และในปีนี้จะมีการพัฒนากองทัพไปสู่ระบบเครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network centric operation)ซึ่งหลังจากมีการทดสอบระบบแล้ว มีผลเป็นที่น่าพอใจ โดยจะมีการรวบรวม ค้นหา พิสูจย์ฝ่าย แหล่งข่าวต่างๆเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว การตัดสินใจที่ดีขึ้น ตลอดจนถึงการส่งไปไปดำเนินการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว แบบบูรณาการ และใช้เครื่องมีอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วย โดยได้ทอสอบไปแล้วใน 3 ระบบ คือระบบการป้องกันชายแดน ระบบการป้องกันการปฎิบัติการทางอากาศ และ ระบบแก้ไขปัญหาบรรเทาสาธารภัยช่วยเหลือประชาชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพในภาพรวม
ส่วนเรื่องการฝึกศึกษาของกำลังพล การบริหารจัดการ ได้จัดทำแผนรองรับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่ได้ให้ไว้ ในส่วนของกองทัพไทย ได้วางแผนรองรับยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหม 5 ปี 10 ปี และ 20 ปี ซึ่งขณะนี้เราได้ทำโรดแมปในการพัฒนากองทัพในช่ว ง20 ปีให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นกรอบให้กับเหล่าทัพได้พัฒนากองทัพตัวเองให้สอดคล้องกัน อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปยังผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ตลอดจนถึงเหล่าทัพ ได้นำแผนพัฒนากองทัพที่ได้จัดทำไว้ มาเป็นแนวทางการทำงาน พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์
" ผมมีความสุขมากในการทำงานร่วมกับเหล่าทัพ และ สตช. เพราะเราทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สามัคคีกลมเกลียว ไม่มีข้อขัดแย้ง การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม รัฐบาล และถือเป็นปีที่ได้รวมงานกับส่วนราชการ พลเรือน มากที่สุด เพราะสวมหมวกอยู่หลายใบ ทั้งในนาม คสช. รัฐบาล สนช. ซึ่งทุกอย่างได้รับความร่วมมือและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไร" พล.อ.วรพงษ์ กล่าว พร้อมปฎิเสธว่ายังไม่ได้รับการนัดหมายจาก คสช. เพื่อประชุมคัดเลือก 21 บุคคล ที่จะเข้ามานั่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ตลอดจนในที่ประชุมวันนี้ ไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ ภายหลังมีการถอดยศ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของ อดีตสมาชิกสภาปฎิติรูป (สปช.) ซึ่งมองว่าขณะนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ทุกอย่างเป็นไปตามนโยบาย และมีความเรียบร้อยดี
อย่างไรก็ตาม กองทัพถือเป็นส่วนราชการของรัฐบาล ก็ต้องให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ทั้งในบทบาทของกองทัพ และบทบาทของข้าราชการ ที่ไปทำงานอยู่ในส่วนต่างๆ อย่างเช่น ผู้บัญชาการทหารเรือ มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู ส่วนผู้บัญชาการทหารอากาศ รับผิดชอบการแกไขปัญหาการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ผู้บัญชาการทหารบก ดูแลคสช. ถือว่ากองทัพสนับสนุนงานของรัฐบาลได้ทั้งทางตรงทางอ้อม ไม่มีปัญหา
พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ โดยการประชุมครั้งนี้ มีก่อนที่ผู้บังคับบัญชาในระดับสูงจะเกษียณอายุราชการในหลายตำแหน่ง
พล.อ.วรพงษ์ กล่าวเปิดเผยว่าภาพรวมการทำงานของเหล่าทัพ ถือว่าเรียบร้อย สามารถปฎิบัติภารกิจต่างๆ ตามขอบเขตความรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี ตลอดจนงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ผ่านมา และเป็นรูปธรรม คือ เราได้สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับกองทัพ อย่งต่อเนื่อง และในปีนี้จะมีการพัฒนากองทัพไปสู่ระบบเครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network centric operation)ซึ่งหลังจากมีการทดสอบระบบแล้ว มีผลเป็นที่น่าพอใจ โดยจะมีการรวบรวม ค้นหา พิสูจย์ฝ่าย แหล่งข่าวต่างๆเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว การตัดสินใจที่ดีขึ้น ตลอดจนถึงการส่งไปไปดำเนินการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว แบบบูรณาการ และใช้เครื่องมีอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วย โดยได้ทอสอบไปแล้วใน 3 ระบบ คือระบบการป้องกันชายแดน ระบบการป้องกันการปฎิบัติการทางอากาศ และ ระบบแก้ไขปัญหาบรรเทาสาธารภัยช่วยเหลือประชาชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพในภาพรวม
ส่วนเรื่องการฝึกศึกษาของกำลังพล การบริหารจัดการ ได้จัดทำแผนรองรับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่ได้ให้ไว้ ในส่วนของกองทัพไทย ได้วางแผนรองรับยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหม 5 ปี 10 ปี และ 20 ปี ซึ่งขณะนี้เราได้ทำโรดแมปในการพัฒนากองทัพในช่ว ง20 ปีให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นกรอบให้กับเหล่าทัพได้พัฒนากองทัพตัวเองให้สอดคล้องกัน อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปยังผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ตลอดจนถึงเหล่าทัพ ได้นำแผนพัฒนากองทัพที่ได้จัดทำไว้ มาเป็นแนวทางการทำงาน พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์
" ผมมีความสุขมากในการทำงานร่วมกับเหล่าทัพ และ สตช. เพราะเราทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สามัคคีกลมเกลียว ไม่มีข้อขัดแย้ง การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม รัฐบาล และถือเป็นปีที่ได้รวมงานกับส่วนราชการ พลเรือน มากที่สุด เพราะสวมหมวกอยู่หลายใบ ทั้งในนาม คสช. รัฐบาล สนช. ซึ่งทุกอย่างได้รับความร่วมมือและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไร" พล.อ.วรพงษ์ กล่าว พร้อมปฎิเสธว่ายังไม่ได้รับการนัดหมายจาก คสช. เพื่อประชุมคัดเลือก 21 บุคคล ที่จะเข้ามานั่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ตลอดจนในที่ประชุมวันนี้ ไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ ภายหลังมีการถอดยศ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของ อดีตสมาชิกสภาปฎิติรูป (สปช.) ซึ่งมองว่าขณะนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ทุกอย่างเป็นไปตามนโยบาย และมีความเรียบร้อยดี
อย่างไรก็ตาม กองทัพถือเป็นส่วนราชการของรัฐบาล ก็ต้องให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ทั้งในบทบาทของกองทัพ และบทบาทของข้าราชการ ที่ไปทำงานอยู่ในส่วนต่างๆ อย่างเช่น ผู้บัญชาการทหารเรือ มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู ส่วนผู้บัญชาการทหารอากาศ รับผิดชอบการแกไขปัญหาการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ผู้บัญชาการทหารบก ดูแลคสช. ถือว่ากองทัพสนับสนุนงานของรัฐบาลได้ทั้งทางตรงทางอ้อม ไม่มีปัญหา