รอยเตอร์ – ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด กล่าวให้สัมภาษณ์ในวันนี้(14 ต.ค)กับหนังสิอพิมพ์แทบลอยด์รัสเซีย คอมโซโมลสกายา ปราฟดา(Komsomolskaya Pravda) ว่า ชัยชนะของกองทัพซีเรียที่สามารถยึดเมืองอาเลปโปกลับมาจากกลุ่มกบฏได้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดัน “กลุ่มก่อการร้าย” ให้กลับเข้าตุรกี
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(13 ต.ค)ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดเผยว่า กองทัพซีเรียที่ได้รับการหนุนหลังจากกองกำลังทางอากาศของรัสเซียได้สังหารคนไปไม่ต่ำกว่า 150 คนในตะวันออกของเมืองอาเลปโปในสัปดาห์นี้ ในปฎิบัติการโจมตี
โดยในการให้สัมภาษณ์กับหนังสิอพิมพ์แทบลอยด์รัสเซีย คอมโซโมลสกายา ปราฟดา(Komsomolskaya Pravda) ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด เปิดเผยว่า “คุณจำเป็นต้องกวาดล้างบริเวณนี้ให้สะอาดในการที่จะผลักดันกลุ่มก่อการร้ายไปยังตุรกี กลับเข้าไปยังในที่พวกเขาจากมา หรือฆ่าคนเหล่านั้นเสีย เพราะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
และอัสซาดกล่าวต่อว่า “อาเลปโปจะกลายเป็นจุดต่อสำคัญที่จะกลายเป็นสปริงบอร์ดที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”
รอยเตอร์รายงานต่อว่า ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซีย ผู้นำซีเรียได้ชี้ว่า สงครามกลางเมืองซีเรียได้ถูกใช้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและโลกตะวันตก “สิ่งที่เราได้เห็นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ หรือไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้นั้นเป็นสิ่งที่มากไปกว่าสงครามเย็น”
และกล่าวต่อว่า “ซึ่งผมไม่ทราบว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรดี แต่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะตัวผมไม่คิดว่าโลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯจะหยุดสงครามเย็นของพวกเขา ถึงแม้หลังจากการล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียตก็ตาม”
อัสซาดยังกล่าวเลยไปถึงตุรกีว่า ปฎิบัติการทางทหารของตุรกีที่เกิดขึ้นภายในซีเรียนั้น ประธานาธิบดีซีเรียกล่าวว่า เขาเรียกว่า “การรุกราน” ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ขัดต่อศีลธรรมทั้งปวง และต่อความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของซีเรีย
รอยเตอร์รายงานต่อว่า ปฎิบัติการทางอากาศสังหารคนไป 13 คนในวันพฤหัสบดี(13 ต.ค)ในเขตการยึดครองของกบฏซีเรียในเมืองอาเลปโป เขตอัล-คาลาเซห์(al-Kalaseh ) เขตบิวสตาน อัล-คาสร์(Bustan al-Qasr) และเขตซาเคาร์(al-Sakhour) โดยอ้างอิงจากร่างแถลงการณ์ ที่ทางรอยเตอร์เห็น จากเจ้าหน้าที่กลาโหม บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปที่ได้ทำการกล่าวโทษไปยังซีเรียและพันธมิตรของซีเรียในความรุนแรง ที่อาจนำไปสู่อาชญากรรมสงคราม
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งรัฐบาลซีเรียและรัฐบาลรัสเซียต่างประกาศว่า ปฎิบัติการมุ่งแต่เฉพาะกับกลุ่มติดอาวุธเท่านั้น
รอยเตอร์รายงานต่อว่า ในส่วนทางใต้ กลุ่มติดอาวุธและครอบครัวได้ย้ายออกไปจาก 2 เมืองที่กลุ่มกบฏยึดครอง ทางนอกเมืองทางตอนเหนือของกรุงดามัสกัส โดยประชาชนในพื้นที่และสมาชิกกลุ่มติดอาวุธกล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงกับรัฐบาลซีเรีย ทำให้มีการผลักดันกลุ่มฝ่ายตรงกันข้ามถอนกำกลังห่างออกไปจากเมืองหลวงซีเรีย เข้าไปยังเขตอิทธิพลของกลุ่มกบฏ
ซึ่งมีการอพยพเกิดขึ้นหลังจากกองทัพซีเรียประกาศให้บรรดาผู้นำชุมชนใน คูดิซิยา(Qudsiya) และ อัล-ฮามา(Al-Hama) ที่ในอดีตพื้นที่ทั้งสองนี้อยู่ภายใต้ความสงบเนื่องมาจากข้อตกลงหยุดยิงท้องถิ่น เลือกที่จะทำการขับไล่บรรดาสมาชิกกลุ่มติดอาวุธจำนวนหลายร้อยคนออกไปจากพื้นที่ของตัวเอง หรือต้องเผชิญหน้ากับการถูกสังหารหมู่ โดยดามัสกัสยืนยันว่า การยื่นข้อเสนอเช่นนี้ถือเป็นโมเดลที่ได้ผลในการนำความมั่นคงและสันติภาพกลับคืน
และในวันศุกร์(14 ต.ค)ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา และที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดจะหารือถึงทางออกทางทหารและอื่นๆในซีเรีย แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเปิดเผยกับรอยเตอร์
โดยมีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบางคนโต้ว่า สหรัฐฯจำเป็นต้องแสดงความแข็งกร้าวออกมาในซีเรีย หรือ เสี่ยงที่จะต้องเสียอิทธิพลที่มีต่อกลุ่มกบฏซีเรียสายกลาง รวมไปถึงพันธมิตรอาหรับ เคิร์ช และตุรกีในการร่วมต่อสู้กลุ่มก่อการร้าย IS ไป
แต่ทว่าแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะไม่ออกคำสั่งใช้กองกำลังทางอากาศโจมตีเป้าหมายฐานที่มั่นรัฐบาลซีเรีย และย้ำว่า บางทีโอบามาจะยังไม่ตัดสินใจในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ