เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เปลวเพลิงโหมกระพือครั้งใหญ่ในอะเลปโปของซีเรีย ขณะที่เมืองแห่งนี้ถูกโจมตีทางอากาศในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏครั้งหนักหน่วงที่สุดในรอบหลายเดือนในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) ขณะที่รัสเซียและรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด เพิกเฉยต่อคำวิงวอนระงับสู้รบของสหรัฐฯ และฝังกลบความหวังใดๆ ในการฟื้นฟูข้อตกลงหยุดยิง
เจ้าหน้าที่ของฝ่ายกบฏและหน่วยกู้ภัยเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) ว่าลูกระเบิดเพลิงเป็นหนึ่งในอาวุธที่ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้าของเมือง ส่วนฮัมซา อัล-คาติบ ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางตะวันออกของเมืองอะเลปโป ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏ บอกกับรอยเตอร์ว่ายอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 45 ศพ
“มันดูเหมือนว่าฝูงบินเหล่านี้กำลังพยายามชดเชยช่วงเวลาหลายวันที่พวกเขาไม่ได้ทิ้งระเบิดระหว่างข้อตกลงหยุดยิง” อัมมาร์ อัล-เซลโม หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือปกป้องพลเรือนทางตะวันออกของอะเลปโปบอกกับรอยเตอร์ “มันเหมือนเป็นการระดมโจมตีพร้อมกันระหว่างเครื่องบินรบกับปืนใหญ่ เพราะว่ากระสุนปืนใหญ่ลงในตำแหน่งเดียวกับระเบิดที่เครื่องบินทิ้งบอมบ์ลงมา” เขากล่าว
ปฏิบัติการจู่โจมดังกล่าวที่เป็นไปได้ว่าอาจเป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรีย พันธมิตรอย่างรัสเซียหรือจากทั้งสอง เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามอสโกและดามัสกัสปฏิเสธคำวิงวอนจากนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ขอให้ระงับการสู้รบ เพื่อเปิดทางสำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและกอบกู้ข้อตกลงหยุดยิง
ระหว่างการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติที่มีการออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวันพุธ (21 ก.ย.) นายเคร์รีบอกว่าการหยุดทิ้งระเบิดเป็นโอกาสสุดท้ายในการหาทางออกจากการนองเลือด
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีว่าเขาไม่เห็นหนทางที่สงครามจะยุติอย่างรวดเร็ว โดยระบุว่ามันจะยืดเยื้อไปอีกนานในส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทั่วโลก ดังเช่นการก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ ตุรกี และสหรัฐฯ
มอสโกและวอชิงตันแถลงข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แต่ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งดูเหมือนเป็นความพยายามสุดท้ายในการผ่าทางตันซีเรียของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ก่อนอำลาตำแหน่งในปีนี้ จะประสบชะตากรรมแบบเดียวกันกับความพยายามสันติภาพครั้งก่อนๆ ในสงครามที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายแสนศพ และอีกหลายล้านคนต้องไร้ที่ถิ่นฐาน
ข้อตกลงพังครืนลงเมื่อวันจันทร์ (19 ก.ย.) มีขึ้นตามหลังการโจมตีขบวนรถบรรเทาทุกข์ ซึ่งวอชิงตันกล่าวโทษฝูงบินรบรัสเซีย แต่มอสโกปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ขณะที่ก่อนหน้านั้นความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับมอสโกก็พุ่งสูงอยู่แล้ว ต่อกรณีที่พันธมิตรนานาชาติต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศใส่กองกำลังรัฐบาลซีเรีย
วอชิงตันแก้ต่างว่าการโจมตีกองกำลังซีเรียเมื่อวันที่ 17 กันยายนเกิดจากความผิดพลาด แต่นายอัสซาดเชื่อว่าการโจมตีที่กินเวลาราว 1 ชั่วโมงเป็นการลงมือโดยตั้งใจ
ยังไม่มีความเห็นจากกองทัพซีเรียหรือการพาดพิงของสื่อมวลชนแห่งรัฐฯ เกี่ยวกับเหตุทิ้งระเบิดถล่มอะเลปโปในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) แต่นายรามี อับดุล ราห์มาน หัวหน้ากลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย ซึ่งสังเกตการณ์ความขัดแย้งนี้จากอังกฤษ ระบุว่า “มันเป็นการโจมตีทางอากาศภายในเมืองอะเลปโปครั้งหนักหน่วงที่สุดในรอบหลายเดือน”
เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของลิแวนต์ ฟรอนต์ กลุ่มกบฏซึ่งมีฐานในอยู่อะเลปโป บอกกับรอยเตอร์ว่า “รัสเซียต้องการอย่างเดียวคือการยอมจำนน พวกเขาไม่ให้ทางออกอื่นๆ”
