ASTVผู้จัดการรายวัน- ปรับใหญ่รอบ 63 ปี "ช่อง9" หวังภาพลักษณ์ใหม่ ลดช่องว่างเพิ่มฐานวัยทำงานแทนผู้สูงอายุ ปรับงบคอนเทนต์สู่ 1,300-1,400 ล้านบาท จากเดิม 1,000 ล้านบาท เพิ่มรายการใหม่อีก 5-10 รายการลงผังไตรมาสสี่ ควงทรูวิชั่นส์ส่งช่อง ลงหมายเลขช่องที่ 9 หวังช่วยเพิ่มเรตติ่งช่องติดอันดับ 5-8 สู่ฝัน 4,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ตามแผน
นายศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่อง9โมเดิร์นไนน์ ต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งภายในองค์กร และผังรายการให้สามารถแข่งขัน.oอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยที่มีอยู่กว่า 20 กว่าช่องให้ได้
ทั้งนี้ช่อง9โมเดิร์นไนน์ ถือเป็นช่องฟรีทีวีช่องแรกของไทย ตั้งแต่เริ่มเป็นช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งล่าสุดมีการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้ชมหลักของช่อง9 คือ อายุ 40 ปีขึ้นไป คิดเป็น 62% ของจำนวนผู้ชมทั้งหมด ขณะที่ประชากรกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วน 40% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และปัจจุบันเมื่อเทียบกับทั้งอุตสาหกรรม ช่อง9มีเรตติ้งช่องอยู่ในอันดับ 5-8 คู่แข่งที่สำคัญ คือ ช่องวัน และช่อง8
ไตรมาสสี่นี้ ทางช่อง9โมเดิร์นไนน์/ช่อง9 MCOT HD จะปรับภาพลักษณ์ใหญ่และรีเฟรชแบรนด์ในรอบ 63 ปี ปรับมู้ดแอนด์โทนใหม่ในการนำเข้าเสนอรายการต่างๆ ภายใต้โลโก้เดิมและ และสโลแกนใหม่ คือ “เปิดโลกกว้าง สร้างความสุข” เพิ่มคอนเทนต์ใหม่ เพื่อจับฐานผู้ชมอายุ 25 - 35 ปี รวมถึงนำเสนอรายการที่กลุ่มผู้สูงอายุและคนทำงานสามารถรับชมร่วมกันได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป
สำหรับไตรมาสสี่จะใช้งบกว่า 300-400 ล้านบาท พัฒนาคอนเทนต์รายการใหม่ จากงบรวมที่เดิมวางไว้ 1,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,300-1,400 ล้านบาท สำหรับคอนเทนต์ในปีนี้ โดยเฉพาะผังรายการในไตรมาสสี่จะมีรายการใหม่ทยอยเข้ามา 5-10 รายการ ซึ่งมีทั้งผลิตเอง และจ้างผลิต เช่น รายการเกมส้มหล่น, รายการเลขท้ารวย ID Lucky number, รายการ The Talk, ซีรีส์ Part of Love รัก+เกรียน นักเรียน 4ภาค, รายการเปิดเมืองแปลก เป็นต้น ซึ่งเข้ามาแทนรายการเดิมที่พันธมิตรร่วมผลิตถอนตัวออกไป เช่น นัดกับนัด และบ้านนี้มีรัก ของทางเอ็กซ์แซกท์ เป็นต้น รวมถึงรายการซีซันนอลโปรแกรมที่จบลง ส่งผลให้สัดส่วนรายการที่ผลิตเองเพิ่มเป็น 70% จากเดิม 55%
"งบลงทุนคอนเทนต์ปีนี้ปรับเพิ่มเป็น 1,400-1,500 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันของตลาด ส่วนในปีหน้าเชื่อว่าจะใช้งบด้านคอนเทนต์ในอัตราเดียวกันคือ 1,500 ล้านบาท รวมถึงค่าสัมปทาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก 1,000 ล้านบาท รวมแล้วปีหน้าจะใช้งบในส่วนของธุรกิจทีวีราว 2,500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีนี้"
ปัจจุบันรายการข่าวค่ำ ยังทำรายได้หลักให้ธุรกิจทีวี 30% โดยมีเรตโฆษณาสูงสุดอยู่ที่ 3 แสนบาท/นาที และรายการวาไรตี้ใหม่กำลังมีเรตติ้งที่ดีขึ้น เช่น ข่าวดังข้ามเวลา , ยิ่งถก กนกซัก เป็นต้น ขณะที่การปรับปังรายการใหม่ครั้งนี้ยังส่งผลต่อสัดส่วนรายใหม่ เป็น ข่าว 31% สาระบันเทิง 20% จากเดิม 23% และบันเทิงเพิ่มขึ้นเป็น 45-50% จากเดิม 36% และรายการอื่นอีก 3-5%
นอกจากการปรับภาพลักษณ์แบรนด์และคอนเทนต์ใหม่แล้ว ทางบริษัทยังปรับแผนธุรกิจใหม่อีก 2 ด้าน คือ 1.จับมือกับ 2 พันธมิตรที่สำคัญ คือ 1.ทรูวิชั่น มีการนำคอนเทนต์ไทยพรีเมียร์ลีกมาออกอากาศ และยังจะมีการพัฒนาคอนเทนต์ร่วมกันอีก ที่สำคัญภายในเดือนก.ย.นี้ทางทรูวิชั่นส์ ยังได้ปรับช่อง9HD ให้มาอยู่ที่หมายเลขช่อง 9 ของทางกล่องทรูวิชั่นส์ด้วย จากเดิมอยู่ที่หมายเลขช่อง16 และ40 เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มเรตติ้งการรับชมช่อง9ได้ดีขึ้น และ 2.กลุ่มบริษัทเนชั่น จากปัจจุบันมี 1รายการ คือ ยิ่งถก กนกซัก จะมีความร่วมมือในการผลิตรายการ The Champ เรียลลีตี้โชว์ เฟ้นหาสุดยอดนักมวยไทยสมัครเล่น
2.Content Creator การก้าวสู่บทบาทผู้พัฒนาคอนเทนต์สู่ตลาดโลก ภายใต้ความร่วมมือกับ Entertainment LAB ภายใต้โปรเจกต์ The Creator Project "Empower Thai Creativity" เปิดเวทีให้ทุกคนที่มีความคิดสร้างสรรค์พัฒนาเป็นรายการโทรทัศน์ โดยจะถูกนำมาผลิตและออกอากาศทางเครือข่าย MCOT และก้าวสู่ตลาดโลกต่อไป
นายศิวะพร กล่าวต่อว่า ภาพรวมรายได้ปีนี้ตั้งไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ แต่หากมองเฉพาะรายได้จากโทรทัศน์เทียบไตรมาสต่อไตรมาสตลอด 3ไตรมาสที่ผ่านมา อสมท เติบโต 7-10% ต่อเนื่องทุกไตรมาส หรือจบปีนี้สัดส่วนรายได้ของ อสมท คาดว่าจะมาจากทีวี 51% หรือกว่า 2,100 ล้านบาท มาจากวิทยุ 25% สัมปทานและอื่นอีก 24% โดยวิทยุถือเป็นธุรกิจที่เติบโตจากปีก่อน 12% ขณะที่ตลาดรวมสื่อวิทยุโตเพียง 3%
ส่วนในแง่ของอุตสาหกรรมโฆษณาในช่วงไตรมาสสี่ เชื่อว่าจะยังทรงตัว แต่ในปี2559เชื่อว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากปัจจัยบวกอย่าง การที่ภาครัฐให้การสนับสนุนอัดงบลงทุนเข้าสู่ระบบ ภาคการส่งออกดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น เป็นต้น
นายศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่อง9โมเดิร์นไนน์ ต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งภายในองค์กร และผังรายการให้สามารถแข่งขัน.oอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยที่มีอยู่กว่า 20 กว่าช่องให้ได้
ทั้งนี้ช่อง9โมเดิร์นไนน์ ถือเป็นช่องฟรีทีวีช่องแรกของไทย ตั้งแต่เริ่มเป็นช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งล่าสุดมีการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้ชมหลักของช่อง9 คือ อายุ 40 ปีขึ้นไป คิดเป็น 62% ของจำนวนผู้ชมทั้งหมด ขณะที่ประชากรกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วน 40% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และปัจจุบันเมื่อเทียบกับทั้งอุตสาหกรรม ช่อง9มีเรตติ้งช่องอยู่ในอันดับ 5-8 คู่แข่งที่สำคัญ คือ ช่องวัน และช่อง8
ไตรมาสสี่นี้ ทางช่อง9โมเดิร์นไนน์/ช่อง9 MCOT HD จะปรับภาพลักษณ์ใหญ่และรีเฟรชแบรนด์ในรอบ 63 ปี ปรับมู้ดแอนด์โทนใหม่ในการนำเข้าเสนอรายการต่างๆ ภายใต้โลโก้เดิมและ และสโลแกนใหม่ คือ “เปิดโลกกว้าง สร้างความสุข” เพิ่มคอนเทนต์ใหม่ เพื่อจับฐานผู้ชมอายุ 25 - 35 ปี รวมถึงนำเสนอรายการที่กลุ่มผู้สูงอายุและคนทำงานสามารถรับชมร่วมกันได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป
สำหรับไตรมาสสี่จะใช้งบกว่า 300-400 ล้านบาท พัฒนาคอนเทนต์รายการใหม่ จากงบรวมที่เดิมวางไว้ 1,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,300-1,400 ล้านบาท สำหรับคอนเทนต์ในปีนี้ โดยเฉพาะผังรายการในไตรมาสสี่จะมีรายการใหม่ทยอยเข้ามา 5-10 รายการ ซึ่งมีทั้งผลิตเอง และจ้างผลิต เช่น รายการเกมส้มหล่น, รายการเลขท้ารวย ID Lucky number, รายการ The Talk, ซีรีส์ Part of Love รัก+เกรียน นักเรียน 4ภาค, รายการเปิดเมืองแปลก เป็นต้น ซึ่งเข้ามาแทนรายการเดิมที่พันธมิตรร่วมผลิตถอนตัวออกไป เช่น นัดกับนัด และบ้านนี้มีรัก ของทางเอ็กซ์แซกท์ เป็นต้น รวมถึงรายการซีซันนอลโปรแกรมที่จบลง ส่งผลให้สัดส่วนรายการที่ผลิตเองเพิ่มเป็น 70% จากเดิม 55%
"งบลงทุนคอนเทนต์ปีนี้ปรับเพิ่มเป็น 1,400-1,500 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันของตลาด ส่วนในปีหน้าเชื่อว่าจะใช้งบด้านคอนเทนต์ในอัตราเดียวกันคือ 1,500 ล้านบาท รวมถึงค่าสัมปทาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก 1,000 ล้านบาท รวมแล้วปีหน้าจะใช้งบในส่วนของธุรกิจทีวีราว 2,500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีนี้"
ปัจจุบันรายการข่าวค่ำ ยังทำรายได้หลักให้ธุรกิจทีวี 30% โดยมีเรตโฆษณาสูงสุดอยู่ที่ 3 แสนบาท/นาที และรายการวาไรตี้ใหม่กำลังมีเรตติ้งที่ดีขึ้น เช่น ข่าวดังข้ามเวลา , ยิ่งถก กนกซัก เป็นต้น ขณะที่การปรับปังรายการใหม่ครั้งนี้ยังส่งผลต่อสัดส่วนรายใหม่ เป็น ข่าว 31% สาระบันเทิง 20% จากเดิม 23% และบันเทิงเพิ่มขึ้นเป็น 45-50% จากเดิม 36% และรายการอื่นอีก 3-5%
นอกจากการปรับภาพลักษณ์แบรนด์และคอนเทนต์ใหม่แล้ว ทางบริษัทยังปรับแผนธุรกิจใหม่อีก 2 ด้าน คือ 1.จับมือกับ 2 พันธมิตรที่สำคัญ คือ 1.ทรูวิชั่น มีการนำคอนเทนต์ไทยพรีเมียร์ลีกมาออกอากาศ และยังจะมีการพัฒนาคอนเทนต์ร่วมกันอีก ที่สำคัญภายในเดือนก.ย.นี้ทางทรูวิชั่นส์ ยังได้ปรับช่อง9HD ให้มาอยู่ที่หมายเลขช่อง 9 ของทางกล่องทรูวิชั่นส์ด้วย จากเดิมอยู่ที่หมายเลขช่อง16 และ40 เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มเรตติ้งการรับชมช่อง9ได้ดีขึ้น และ 2.กลุ่มบริษัทเนชั่น จากปัจจุบันมี 1รายการ คือ ยิ่งถก กนกซัก จะมีความร่วมมือในการผลิตรายการ The Champ เรียลลีตี้โชว์ เฟ้นหาสุดยอดนักมวยไทยสมัครเล่น
2.Content Creator การก้าวสู่บทบาทผู้พัฒนาคอนเทนต์สู่ตลาดโลก ภายใต้ความร่วมมือกับ Entertainment LAB ภายใต้โปรเจกต์ The Creator Project "Empower Thai Creativity" เปิดเวทีให้ทุกคนที่มีความคิดสร้างสรรค์พัฒนาเป็นรายการโทรทัศน์ โดยจะถูกนำมาผลิตและออกอากาศทางเครือข่าย MCOT และก้าวสู่ตลาดโลกต่อไป
นายศิวะพร กล่าวต่อว่า ภาพรวมรายได้ปีนี้ตั้งไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ แต่หากมองเฉพาะรายได้จากโทรทัศน์เทียบไตรมาสต่อไตรมาสตลอด 3ไตรมาสที่ผ่านมา อสมท เติบโต 7-10% ต่อเนื่องทุกไตรมาส หรือจบปีนี้สัดส่วนรายได้ของ อสมท คาดว่าจะมาจากทีวี 51% หรือกว่า 2,100 ล้านบาท มาจากวิทยุ 25% สัมปทานและอื่นอีก 24% โดยวิทยุถือเป็นธุรกิจที่เติบโตจากปีก่อน 12% ขณะที่ตลาดรวมสื่อวิทยุโตเพียง 3%
ส่วนในแง่ของอุตสาหกรรมโฆษณาในช่วงไตรมาสสี่ เชื่อว่าจะยังทรงตัว แต่ในปี2559เชื่อว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากปัจจัยบวกอย่าง การที่ภาครัฐให้การสนับสนุนอัดงบลงทุนเข้าสู่ระบบ ภาคการส่งออกดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น เป็นต้น