ASTVผู้จัดการรายวัน - “ออฟฟิศเมท” เปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่เพิ่มช่องทางขายผ่านโทรศัพท์มือถือ ปรับรูปแบบบริการเสริมหน้าร้านทั้งจัดส่งพัสดุ รับงานพิมพ์ ผลิตของพรีเมี่ยม ชำระค่าสาธารณูปโภค เตรียมให้บริการจัดหางานตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าธุรกิจ เอสเอ็มอี และ Start Up คาดสิ้นปี 58 ทำรายได้ 6.8
พันล้านบาท
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของกลุ่มธุรกิจออฟฟิศเมทซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 บริษัทในเครือยังคงถือเป็นผู้นำตลาดด้านเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน โดยมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ช่องทางคือ ผ่านทางหน้าร้านทั้ง 58 สาขา ด้วยสัดส่วน 50% ผ่านระบบคอลล์เซ็นเตอร์และแคตตาล็อก 40% และผ่านช่องทางออนไลน์ 10% ซึ่งมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 15% ในปี 2558
ในช่วงครึ่งปีแรก 2558 ออฟฟิศเมทมียอดขายเติบโต 10% คาดว่าทั้งปี 2558 จะเติบโต 10-15% หรือประมาณ 6.8 พันล้านบาท สัดส่วนรายได้หลักประมาณ 60% บริษัทฯตั้งเป้าที่จะดำเนินกลยุทธ์เพื่อสร้างความเติบโตอย่างเต็มที่ภายใต้แนวคิด “Business Services Solution”ซึ่งจะรวบรวมทุกบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ Start Up และธุรกิจเอสเอ็มอี รวมถึงผู้กำลังจะเปิดธุรกิจใหม่
นายวรวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดเสริมบริการต่างๆ เป็นการปรับรูปแบบของหน้าร้านให้มีสีสันและความแปลกใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย Pack n Post บริการจัดส่งพัสดุทั่วประเทศ Printing Solution รับผลิตงานพิมพ์ครบวงจร Premium for you รับผลิตของพรีเมี่ยม และ Bill Payment รับชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ จากนั้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558
จะขยายบริการจัดหาผู้สมัครงานในตำแหน่งต่างๆ ที่กลุ่มลูกค้าต้องการ
“ปัจจุบันอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี และแก๊ดเจ็ตต่างๆ เกี่ยวกับไอที รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ในสำนักงานถูกนับรวมเป็นตลาดเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน จึงทำให้มีมูลค่ารวมสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท แต่หากนับเฉพาะเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท คาดว่าปี 2558 จะเติบโตประมาณ 3% ขณะที่ออฟฟิศเมทมีส่วนแบ่งประมาณ 20% คาดว่าจะเพิ่มเป็น 40-50% ในปี 2563”
อย่างไรก็ตาม จากยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ประมาณ 600 ล้านบาทในปัจจุบันคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจนเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทและมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มเป็น 29% ในปี 2563 ล่าสุด บริษัทฯ จึงพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าวภายใต้ชื่อ “Office Mate Mobile App” ซึ่งรวบรวมอุปกรณ์สำนักงานมากกว่า 1.5 หมื่นรายการเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าให้ลูกค้า
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลักคือเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ผู้บริโภคไม่อยากซื้อสินค้าหน้าร้านมากนักและปัญหาการจราจรติดขัดทำให้ไม่อยากเสียเวลาในการเดินทาง การพัฒนาแอปพลิเคชั่นนี้จึงเป็นการตอบสนองไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมซื้อสินค้าของผู้บริโภคยุคใหม่เป็นอย่างดี ทั้งยังมีความโปร่งใสด้านการจัดซื้อเพราะสามารถเทียบราคาได้ ทั้งยังบริการจัดส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้าครบ 499 บาท” นายวรวุฒิ กล่าวในตอนท้าย
ด้านนางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจออฟฟิศเมท กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาทในการวางแผนการใช้สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อีเวนต์ เว็บไซต์ รวมทั้งกิจกรรมทางการตลาดในเชิงรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในระบบ iOS และแอนดรอยด์ โดยคาดว่าภายในเดือนแรกจะมียอดดาวน์โหลดกว่า 2 หมื่นรายจากเป้าหมายที่ตั้งเป้า 1 แสนดาวน์โหลดภายในปี 2558
ในปี 2558 บริษัทฯ ใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาเพิ่ม 9 สาขาทำให้ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 58 สาขา โดยยังคงมีแผนขยายสาขาเพิ่มใน 2558 อีก 3 แห่งคือ ฟอร์จูน ทาวน์, เซ็นทรัล อีสต์ วิลล์ และโรบินสัน สาขาศรีสมาน ส่วนในปี 2559 มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 6 แห่ง ขณะที่มีฐานลูกค้าหลักคือกลุ่มธุรกิจต่างๆ ประมาณ 1 ล้านราย มีความถี่ในการซื้อสินค้า 2.5 ครั้งต่อเดือน ครั้งละประมาณ 3-3.5 พันบาท
สำหรับสินค้าขายดี 5 อันดับแรกของออฟฟิศเมท ได้แก่ 1.กระดาษและแฟ้ม 2.เครื่องปรินท์เตอร์และอุปกรณ์ไอที 3.ตลับหมึกและอุปกรณ์สิ้นเปลืองต่างๆ 4.เครื่องเขียน ปากกา ดินสอ 5.อุปกรณ์และสินค้าต่างๆ เช่น กาแฟ ถุงขยะ เป็นต้น โดยปัจจุบัน “ออฟฟิศเมท” มีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ทั้งสิ้น 2 พันเอสเคยู สามารถทำสัดส่วนยอดขายประมาณ 13%
และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30% ภายใน 5 ปี ส่วนแคตตาล็อกของ “ออฟฟิศเมท” มีการนำเสนอสินค้า 1.5 หมื่นรายการ เป็นจำนวน 5 แสนเล่ม จัดพิมพ์ปีละหนึ่งครั้ง
พันล้านบาท
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของกลุ่มธุรกิจออฟฟิศเมทซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 บริษัทในเครือยังคงถือเป็นผู้นำตลาดด้านเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน โดยมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ช่องทางคือ ผ่านทางหน้าร้านทั้ง 58 สาขา ด้วยสัดส่วน 50% ผ่านระบบคอลล์เซ็นเตอร์และแคตตาล็อก 40% และผ่านช่องทางออนไลน์ 10% ซึ่งมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 15% ในปี 2558
ในช่วงครึ่งปีแรก 2558 ออฟฟิศเมทมียอดขายเติบโต 10% คาดว่าทั้งปี 2558 จะเติบโต 10-15% หรือประมาณ 6.8 พันล้านบาท สัดส่วนรายได้หลักประมาณ 60% บริษัทฯตั้งเป้าที่จะดำเนินกลยุทธ์เพื่อสร้างความเติบโตอย่างเต็มที่ภายใต้แนวคิด “Business Services Solution”ซึ่งจะรวบรวมทุกบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ Start Up และธุรกิจเอสเอ็มอี รวมถึงผู้กำลังจะเปิดธุรกิจใหม่
นายวรวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดเสริมบริการต่างๆ เป็นการปรับรูปแบบของหน้าร้านให้มีสีสันและความแปลกใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย Pack n Post บริการจัดส่งพัสดุทั่วประเทศ Printing Solution รับผลิตงานพิมพ์ครบวงจร Premium for you รับผลิตของพรีเมี่ยม และ Bill Payment รับชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ จากนั้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558
จะขยายบริการจัดหาผู้สมัครงานในตำแหน่งต่างๆ ที่กลุ่มลูกค้าต้องการ
“ปัจจุบันอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี และแก๊ดเจ็ตต่างๆ เกี่ยวกับไอที รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ในสำนักงานถูกนับรวมเป็นตลาดเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน จึงทำให้มีมูลค่ารวมสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท แต่หากนับเฉพาะเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท คาดว่าปี 2558 จะเติบโตประมาณ 3% ขณะที่ออฟฟิศเมทมีส่วนแบ่งประมาณ 20% คาดว่าจะเพิ่มเป็น 40-50% ในปี 2563”
อย่างไรก็ตาม จากยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ประมาณ 600 ล้านบาทในปัจจุบันคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจนเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทและมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มเป็น 29% ในปี 2563 ล่าสุด บริษัทฯ จึงพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าวภายใต้ชื่อ “Office Mate Mobile App” ซึ่งรวบรวมอุปกรณ์สำนักงานมากกว่า 1.5 หมื่นรายการเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าให้ลูกค้า
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลักคือเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ผู้บริโภคไม่อยากซื้อสินค้าหน้าร้านมากนักและปัญหาการจราจรติดขัดทำให้ไม่อยากเสียเวลาในการเดินทาง การพัฒนาแอปพลิเคชั่นนี้จึงเป็นการตอบสนองไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมซื้อสินค้าของผู้บริโภคยุคใหม่เป็นอย่างดี ทั้งยังมีความโปร่งใสด้านการจัดซื้อเพราะสามารถเทียบราคาได้ ทั้งยังบริการจัดส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้าครบ 499 บาท” นายวรวุฒิ กล่าวในตอนท้าย
ด้านนางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจออฟฟิศเมท กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาทในการวางแผนการใช้สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อีเวนต์ เว็บไซต์ รวมทั้งกิจกรรมทางการตลาดในเชิงรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในระบบ iOS และแอนดรอยด์ โดยคาดว่าภายในเดือนแรกจะมียอดดาวน์โหลดกว่า 2 หมื่นรายจากเป้าหมายที่ตั้งเป้า 1 แสนดาวน์โหลดภายในปี 2558
ในปี 2558 บริษัทฯ ใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาเพิ่ม 9 สาขาทำให้ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 58 สาขา โดยยังคงมีแผนขยายสาขาเพิ่มใน 2558 อีก 3 แห่งคือ ฟอร์จูน ทาวน์, เซ็นทรัล อีสต์ วิลล์ และโรบินสัน สาขาศรีสมาน ส่วนในปี 2559 มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 6 แห่ง ขณะที่มีฐานลูกค้าหลักคือกลุ่มธุรกิจต่างๆ ประมาณ 1 ล้านราย มีความถี่ในการซื้อสินค้า 2.5 ครั้งต่อเดือน ครั้งละประมาณ 3-3.5 พันบาท
สำหรับสินค้าขายดี 5 อันดับแรกของออฟฟิศเมท ได้แก่ 1.กระดาษและแฟ้ม 2.เครื่องปรินท์เตอร์และอุปกรณ์ไอที 3.ตลับหมึกและอุปกรณ์สิ้นเปลืองต่างๆ 4.เครื่องเขียน ปากกา ดินสอ 5.อุปกรณ์และสินค้าต่างๆ เช่น กาแฟ ถุงขยะ เป็นต้น โดยปัจจุบัน “ออฟฟิศเมท” มีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ทั้งสิ้น 2 พันเอสเคยู สามารถทำสัดส่วนยอดขายประมาณ 13%
และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30% ภายใน 5 ปี ส่วนแคตตาล็อกของ “ออฟฟิศเมท” มีการนำเสนอสินค้า 1.5 หมื่นรายการ เป็นจำนวน 5 แสนเล่ม จัดพิมพ์ปีละหนึ่งครั้ง