ตามกลิ่นกล้อง CCTV เน่า หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาโวย “เจ๊งทั้งเมือง”จนทำงานลำบาก ตำรวจอังกฤษ กระแทกหน้าแหกซ้ำสอง ช่วยนำเครื่องมือปรับจูนภาพเบลอ - มืด ไม่รู้เรื่องกลายเป็นชัดแจ๋วจนตามล่ามือบึ้มได้ยกแก๊ง แฉวงจรปิดยุค “อภิรักษ์ -คุณชาย”จ่ายกันเพลินหลายพันล้าน “พิรุธ”ส่อทุจริต แถมปี 59 ยังกล้ายก “กรุงเทพฯ”มหานครแห่งความปลอดภัย
จากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมศาลเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์จนมีผู้เสียชีวิต 20 รายบาดเจ็บอีกกว่า 130 คนนั้นเบื้องหลัง ความสำเร็จที่ ทีมข่าวอาชญากรรม ASTVผู้จัดการ ได้นำเสนอถึงความละเอียดอ่อนของเจ้าหน้าที่ไทยโดยสืบจาก “ฝักแคสีชมพู”ความยาวไม่เกิน 10 ซม.ซึ่งพบตกอยู่ในที่เกิดเหตุจนสามารถโยงไปถึงกลุ่มก่อการร้าย 3 จังหวัดชายแดนใต้และขบวนการทั้งหมดแต่ความลับอีกประการหนึ่งที่ยังไม่มีสื่อใดเอ่ยถึง นั่นคือทางการตำรวจไทยได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนเครื่องมือพิเศษจากตำรวจประเทศอังกฤษ อย่างดีเยี่ยมนับจากวันเกิดเหตุจนสามารถสาวไปถึงรังโจร พร้อมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีกนับ 10 คน
ปฏิบัติการไล่ล่ามือระเบิด หรือนัยหนึ่งเมื่อกรุงเทพมหานคร ตกเป็นเป้าหมายก่อการร้ายอันตรายย่อมเกิดขึ้นกับประเทศใดก็ได้ด้วยปรัชญาดังกล่าวโลกเสรีประกอบด้วยชาติมหาอำนาจอาทิสหรัฐอเมริกา อังกฤษจึงเสนอตัวต่อรัฐบาลไทยเพื่อให้การช่วยเหลือเช่นถ้อยแถลงของเมลิสซา สวีนีย์ โฆษกสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงเทพฯ กล่าวกับสำนักข่าวเอพี ว่าอเมริกาพร้อมให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนสอบสวนหากได้รับการร้องขอ และหลังเกิดเหตุเจ้าผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ ได้ปรึกษาอย่างใก้ลชิดกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไทยเกี่ยวกับเหตุโจมตีดังกล่าวโดยสหรัฐ ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม
สำนักข่าวเอพี ยังอ้างถึงคำสัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ว่ารัฐบาลไทยตอบรับข้อเสนอของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯที่จะมอบเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อสืบค้นหามือระเบิด อย่างไรก็ตามทางการไทยยืนยันว่าความร่วมมือดังกล่าวจำกัดเฉพาะอุปกรณ์เท่านั้นไม่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน
มีรายงานว่า นอกจากความช่วยเหลือจากสหรัฐฯแล้วยังมีอังกฤษ อีกประเทศหนึ่งที่เสนอตัวเพื่อหาทางคลี่คลายคดีให้แก่รัฐบาลไทยโดยติดต่อมายังรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างเปิดเผยต่างจากสหรัฐฯซึ่งขอให้การช่วยเหลือเป็นไปในทางลับจึงกลายเป็นข้อจำกัด นอกจากนั้นยังมีเรื่องความสัมพันธ์ที่ยังไม่ราบรื่นจึงเป็นประเด็นอ่อนไหวรัฐบาลไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงตัดสินใจให้ผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ เข้ามาร่วมช่วยเหลือแนะนำขั้นตอนต่างๆโ ดยให้ความสำคัญกับภาพวงจรปิดที่สามารถรวบรวมได้ จากเดิมเป็นภาพเบลอไม่มีความคมชัด นอกจากนั้นยังมีสีผิดเพี้ยนเช่นสีผม สีดำกลายเป็นผมทองซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกล้อง CCTV ของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากคุณภาพต่ำและไม่มีการบำรุงรักษา
อุปสรรคดังกล่าวเล่นเอาตำรวจใหญ่ที่รับผิดชอบคดีต่างส่ายหน้าสุดเอือมระอาโดยเฉพาะพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร และพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนัหงานตำรวจแห่งชาติ ถึงกับให้สัมภาษณ์ออกสื่อกรณกล้องวงจรปิดของ กทม.ซึ่งไม่สามมารถพึ่งพาอาศัยได้เลยเพราะเสีย หรือมีปัญหาใช้การไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นโชคดีที่ตำรวจอังกฤษเสนอตัวเข้าช่วยเหลือได้นำเครื่องมือพิเศษตกแต่งภาพเครื่องไหวต่างๆจนมีคุณภาพคมชัดสามารถระบุลักษณะบุคคลได้
สำหรับเครื่องมือต่างๆที่นำมาช่วยคลี่คลายคดีนั้นนานาชาติมีใช้กันอย่างแพร่หลายมานานแล้วเช่นเครื่องไอโอเมทริค มีคุณสมบัติสแกนใบหน้า ม่านตา ลายนิ้วมือ เสียงพูด ลายเซ็นแม้กระทั่งปลอมตัวมาก็สามารถค้นหาหรือจับผิดได้ เป็นที่นิยมใช้ป้องกันภัยก่อการร้าย
จากข้อมูลดังกล่าวจึงขอย้อนกลับมาช่วงชุลมุนหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 127 ส.ค.2558 ซึ่งวันวันต่อมาปรากฏภาพแขกขาวใส่เสื้อยืดสีเหลือง สะพายกระเป๋าเป้ปฏิบัติการที่ศาลท่านท้าวมหาพรหม และภาพต่อเนื่องระหว่างหลบหนีมุ่งหน้าไปยังแยกศาลาแดง ก่อนกระโดดหายไปเฉยๆเนื่องจากกล้องวงจรปิดของ กทม.ที่ติดตั้งบริเวณนั้นเกิดขัดข้องใช้การไม่ได้แต่ยังโชคดีที่มีกล้องของโรงแรมดุสิตธานี สามารถเก็บรายละเอียดมุ่งหน้าไปตามถนนพระราม 4 กระทั่งตามภาพไปถึงย่านหัวลำโพงทำให้เจ้าหน้าที่สามารถวิเคราะห์และลำดับเหตุการณ์ได้อย่างต่อเนื่องนำมาสู่ความสำเร็จดังกล่าว
สำหรับปัญหากล้อง CCTV ที่กรุงเทพมหานคร ติดตั้งครอบคลุมทั่ว กทม.นั้นมีรายงานว่าในจำนวนเกือบ 5 หมื่นตัวนั้นใช้จริงได้ไม่ถึงครึ่ง จากปัญหาต่างๆเช่นรอการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า กล้องที่ชำรุดเสียหาย 100 เปอร์เซ็นต์ กล้องวงจรปิดมีปัญหาเฉพาะเลนซ์ทำให้ภาพออกมาเบลอไม่ชัด หรือเป็นคลื่นมีเงามืดมีคุณภาพเลวจนไม่สามารถกู้กลับมาใช้งานได้
รายงานแจ้งว่าในแต่ละปีกรุงเทพมหานคร จัดงบประมาณจำนวนมากเพื่อติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ทั่วเมือง ยุคนายอภิรักษ์ โกสะโยธิน บริหาร กทม.เคยมีเรื่องอื้อฉาวกล้องจริง กล้องเก๊หรือกล้องดัมมี่เป็นที่ฮือฮามาแล้วพอมาถึงยุค ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร มีการทุ่มงบประมาณติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างมหาศาลเช่นปี 2554 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,400 ล้านบาทเป็นที่น่าสังเกตว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยบริจาคเงินสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ สามารถประมูลงานไปได้ถึง 12 ครั้งในวงเงินหลายร้อนล้านบาท ปี 2555 -2557 ลงทุนไปอีกกว่าพันล้านบาท ปี2558 กรุงเทพมหานคร จัดงบประมาณประจำปี 6.5 หมื่นล้านเจียดเป็นค่ากล้องวงจรปิด 179 ล้านและในปีหน้าคือ 2559 กทม.ได้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 7 หมื่นล้านบาท เป็นปีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ตั้งใจว่าจะให้กรุงเทพมหานคร เป็น “มหานครแห่งความปลอดภัย”เฉพาะในหมวดนี้ใช้งบประมาณเพื่อโครงการอุโมงค์ระบายน้ำยักษ์ รถกู้ภัย และกล้อง CCTV รวม 2,469 ล้านบาท.
จากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมศาลเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์จนมีผู้เสียชีวิต 20 รายบาดเจ็บอีกกว่า 130 คนนั้นเบื้องหลัง ความสำเร็จที่ ทีมข่าวอาชญากรรม ASTVผู้จัดการ ได้นำเสนอถึงความละเอียดอ่อนของเจ้าหน้าที่ไทยโดยสืบจาก “ฝักแคสีชมพู”ความยาวไม่เกิน 10 ซม.ซึ่งพบตกอยู่ในที่เกิดเหตุจนสามารถโยงไปถึงกลุ่มก่อการร้าย 3 จังหวัดชายแดนใต้และขบวนการทั้งหมดแต่ความลับอีกประการหนึ่งที่ยังไม่มีสื่อใดเอ่ยถึง นั่นคือทางการตำรวจไทยได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนเครื่องมือพิเศษจากตำรวจประเทศอังกฤษ อย่างดีเยี่ยมนับจากวันเกิดเหตุจนสามารถสาวไปถึงรังโจร พร้อมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีกนับ 10 คน
ปฏิบัติการไล่ล่ามือระเบิด หรือนัยหนึ่งเมื่อกรุงเทพมหานคร ตกเป็นเป้าหมายก่อการร้ายอันตรายย่อมเกิดขึ้นกับประเทศใดก็ได้ด้วยปรัชญาดังกล่าวโลกเสรีประกอบด้วยชาติมหาอำนาจอาทิสหรัฐอเมริกา อังกฤษจึงเสนอตัวต่อรัฐบาลไทยเพื่อให้การช่วยเหลือเช่นถ้อยแถลงของเมลิสซา สวีนีย์ โฆษกสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงเทพฯ กล่าวกับสำนักข่าวเอพี ว่าอเมริกาพร้อมให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนสอบสวนหากได้รับการร้องขอ และหลังเกิดเหตุเจ้าผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ ได้ปรึกษาอย่างใก้ลชิดกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไทยเกี่ยวกับเหตุโจมตีดังกล่าวโดยสหรัฐ ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม
สำนักข่าวเอพี ยังอ้างถึงคำสัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ว่ารัฐบาลไทยตอบรับข้อเสนอของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯที่จะมอบเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อสืบค้นหามือระเบิด อย่างไรก็ตามทางการไทยยืนยันว่าความร่วมมือดังกล่าวจำกัดเฉพาะอุปกรณ์เท่านั้นไม่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน
มีรายงานว่า นอกจากความช่วยเหลือจากสหรัฐฯแล้วยังมีอังกฤษ อีกประเทศหนึ่งที่เสนอตัวเพื่อหาทางคลี่คลายคดีให้แก่รัฐบาลไทยโดยติดต่อมายังรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างเปิดเผยต่างจากสหรัฐฯซึ่งขอให้การช่วยเหลือเป็นไปในทางลับจึงกลายเป็นข้อจำกัด นอกจากนั้นยังมีเรื่องความสัมพันธ์ที่ยังไม่ราบรื่นจึงเป็นประเด็นอ่อนไหวรัฐบาลไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงตัดสินใจให้ผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ เข้ามาร่วมช่วยเหลือแนะนำขั้นตอนต่างๆโ ดยให้ความสำคัญกับภาพวงจรปิดที่สามารถรวบรวมได้ จากเดิมเป็นภาพเบลอไม่มีความคมชัด นอกจากนั้นยังมีสีผิดเพี้ยนเช่นสีผม สีดำกลายเป็นผมทองซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกล้อง CCTV ของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากคุณภาพต่ำและไม่มีการบำรุงรักษา
อุปสรรคดังกล่าวเล่นเอาตำรวจใหญ่ที่รับผิดชอบคดีต่างส่ายหน้าสุดเอือมระอาโดยเฉพาะพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร และพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนัหงานตำรวจแห่งชาติ ถึงกับให้สัมภาษณ์ออกสื่อกรณกล้องวงจรปิดของ กทม.ซึ่งไม่สามมารถพึ่งพาอาศัยได้เลยเพราะเสีย หรือมีปัญหาใช้การไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นโชคดีที่ตำรวจอังกฤษเสนอตัวเข้าช่วยเหลือได้นำเครื่องมือพิเศษตกแต่งภาพเครื่องไหวต่างๆจนมีคุณภาพคมชัดสามารถระบุลักษณะบุคคลได้
สำหรับเครื่องมือต่างๆที่นำมาช่วยคลี่คลายคดีนั้นนานาชาติมีใช้กันอย่างแพร่หลายมานานแล้วเช่นเครื่องไอโอเมทริค มีคุณสมบัติสแกนใบหน้า ม่านตา ลายนิ้วมือ เสียงพูด ลายเซ็นแม้กระทั่งปลอมตัวมาก็สามารถค้นหาหรือจับผิดได้ เป็นที่นิยมใช้ป้องกันภัยก่อการร้าย
จากข้อมูลดังกล่าวจึงขอย้อนกลับมาช่วงชุลมุนหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 127 ส.ค.2558 ซึ่งวันวันต่อมาปรากฏภาพแขกขาวใส่เสื้อยืดสีเหลือง สะพายกระเป๋าเป้ปฏิบัติการที่ศาลท่านท้าวมหาพรหม และภาพต่อเนื่องระหว่างหลบหนีมุ่งหน้าไปยังแยกศาลาแดง ก่อนกระโดดหายไปเฉยๆเนื่องจากกล้องวงจรปิดของ กทม.ที่ติดตั้งบริเวณนั้นเกิดขัดข้องใช้การไม่ได้แต่ยังโชคดีที่มีกล้องของโรงแรมดุสิตธานี สามารถเก็บรายละเอียดมุ่งหน้าไปตามถนนพระราม 4 กระทั่งตามภาพไปถึงย่านหัวลำโพงทำให้เจ้าหน้าที่สามารถวิเคราะห์และลำดับเหตุการณ์ได้อย่างต่อเนื่องนำมาสู่ความสำเร็จดังกล่าว
สำหรับปัญหากล้อง CCTV ที่กรุงเทพมหานคร ติดตั้งครอบคลุมทั่ว กทม.นั้นมีรายงานว่าในจำนวนเกือบ 5 หมื่นตัวนั้นใช้จริงได้ไม่ถึงครึ่ง จากปัญหาต่างๆเช่นรอการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า กล้องที่ชำรุดเสียหาย 100 เปอร์เซ็นต์ กล้องวงจรปิดมีปัญหาเฉพาะเลนซ์ทำให้ภาพออกมาเบลอไม่ชัด หรือเป็นคลื่นมีเงามืดมีคุณภาพเลวจนไม่สามารถกู้กลับมาใช้งานได้
รายงานแจ้งว่าในแต่ละปีกรุงเทพมหานคร จัดงบประมาณจำนวนมากเพื่อติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ทั่วเมือง ยุคนายอภิรักษ์ โกสะโยธิน บริหาร กทม.เคยมีเรื่องอื้อฉาวกล้องจริง กล้องเก๊หรือกล้องดัมมี่เป็นที่ฮือฮามาแล้วพอมาถึงยุค ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร มีการทุ่มงบประมาณติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างมหาศาลเช่นปี 2554 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,400 ล้านบาทเป็นที่น่าสังเกตว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยบริจาคเงินสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ สามารถประมูลงานไปได้ถึง 12 ครั้งในวงเงินหลายร้อนล้านบาท ปี 2555 -2557 ลงทุนไปอีกกว่าพันล้านบาท ปี2558 กรุงเทพมหานคร จัดงบประมาณประจำปี 6.5 หมื่นล้านเจียดเป็นค่ากล้องวงจรปิด 179 ล้านและในปีหน้าคือ 2559 กทม.ได้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 7 หมื่นล้านบาท เป็นปีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ตั้งใจว่าจะให้กรุงเทพมหานคร เป็น “มหานครแห่งความปลอดภัย”เฉพาะในหมวดนี้ใช้งบประมาณเพื่อโครงการอุโมงค์ระบายน้ำยักษ์ รถกู้ภัย และกล้อง CCTV รวม 2,469 ล้านบาท.