"ไพบูลย์" ไม่กลัวเหตุวุ่นวายหลังถอดยศ "แม้ว" ระบุทำเรื่องถูกต้องไม่จำเป็นต้องกลัว วอนสื่อช่วยทำความเข้าใจ ยังไม่แน่ใจจะใช้ ม. 44 ถอดยศใครอีกหรือไม่ ขอดูเป็นกรณี ด้านนายกฯ แจงใช้ ม.44 เพื่อเป็นการลดพระราชภาระ ลั่นไม่สนใครจะฟ้องกลับ ยันมีอำนาจตามกฎหมาย ”นปช.-เพื่อไทย” เย้ยคนยิ่งจดจำทักษิณ
เมื่อเวลา 10.40 น. วานนี้ (6 ก.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ว่า เรื่องนี้หัวหน้า คสช.ได้ชี้แจงแล้ว ส่วนจะใช้อำนาจ มาตรา 44 กับกรณีลักษณะเช่นนี้อีกหรือไม่ คสช. จะดูเป็นแต่ละกรณีไป โดยทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนทั้งหมด ซึ่งนายกฯ บอกเสมอว่า มาตรา 44 ใช้เพื่อความสะดวกในการบริหารบ้านเมือง และนายกฯ ก็ทำมาตลอด
เมื่อถามว่าการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า "คุณถามผม หรือถามใคร ผมไม่เคยกลัวใคร นี่คือกฎหมาย แล้วคุณไม่ทำได้ไหม ถามว่า ที่ทำนั้นถูกหรือผิด ถ้าทำถูกแล้วจะกลัวอะไร ถ้า คสช.ทำผิด ก็อยู่ไม่ได้ และหากคนที่ออกมาต่อต้านจะใช้เหตุผลอะไรในการต่อต้าน และเรื่องที่มันเกิดขึ้นมาก่อน 22 พ.ค. 57 หรือไม่ มันเป็นเรื่องดั้งเดิม 5-6 ปี มาแล้ว และเกิดในยุคที่เราต้องปฏิบัติ ต่อจากคราวที่แล้ว และทำไมผมต้องไปกลัวม็อบบ้าบอ คอแตกอะไร เขาไม่เข้าใจ คุณต้องลงไปบอกเขา คุณเรียกร้องกันไม่ใช่หรือ ว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายต้องทำให้เท่าเทียมกัน บ้านเราไม่มีขื่อไม่มีแปมานานแล้ว ผมไม่กลัวหรอก เพราะผมทำถูก ถ้าทำผิดก็จะกลัวประชาชนมากกว่า"
ด้าน พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวกรณีแถลงข่าวว่า นำเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปก่อนหน้านี้ว่า นายกฯ ได้ทบทวนเรื่องการถอดยศ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อป้องกันกรณีคนไม่ดีดึงฟ้าลงต่ำ ซึ่งนายกฯ ได้คิดให้รอบคอบโดยต้องรับผิดชอบเรื่องการปกป้องสถาบันในการถูกนำไปพาดพิงในทางมิบังควร
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงเหตุผลการตัดสินใจใช้อำนาจ มาตรา 44 ถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่า เพื่อเป็นการลดพระราชภาระ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าหลังจากนี้มีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น จะรับผิดขอยแต่เพียงผู้เดียวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะเกิดเหตุอะไร ถ้าใครทำวุ่นวาย ก็ติกคุก เมื่อถามว่า ถ้านายทักษิณฟ้องกลับ จะต้องรับมืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่าจะฟ้องใคร ฟ้องที่ไหน รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า อะไรที่ตนสั่งการตาม มาตรา 44 ถือเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับคำชื่นชมจากคนไทยทั้งประเทศ ที่กล้าตัดสินตามหลักของกฎหมาย และเป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้คุมสถานการณ์ทางอำนาจไว้ได้ แต่เนื่องจากนายทักษิณเขาเป็นคนเจ้าแค้น จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาคงต้องหาทางเอาคืน แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลคงคุมสถานการณ์ได้ เนื่องจากประชาชนมีความเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว
***”นปช.-เพื่อไทย” เย้ยคนยิ่งจดจำ
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับการถอดยศ และเชื่อว่าไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทางการเมือง หรือการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน รัฐบาลอาจได้คะแนนจากกลุ่มผู้ไม่นิยมอดีตนายกรัฐมนตรีบ้าง แต่คำถามเรื่องกระบวนการที่เจาะจงจะเอาให้ได้ และการใช้มาตรา 44 ก็เกิดขึ้นพร้อมกัน โดยสถานะคนชื่อทักษิณเป็นที่รู้จักและยอมรับระดับโลก มีเพื่อนมิตรเป็นผู้นำประเทศและบุคคลสำคัญมากมาย จำนวนประเทศที่เดินทางไปอย่างมีเกียรติน่าจะมากกว่าผู้นำรัฐประหาร และเท่าที่ทราบไม่มีใครคบหาเพียงเพราะมีหรือไม่มียศ พ.ต.ท.
สิ่งที่ไม่เข้าใจคือแนวทางของรัฐบาลที่จะจัดการนายทักษิณคืออย่างไรแน่ เพราะทางหนึ่งก็เร่งถอดยศ แล้วบอกประชาชนก้าวข้าม ไม่ให้ความสำคัญ แต่อีกทางก็ยกเอานโยบายทักษิณทั้งดุ้นมากระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะทั้งหมดที่ประกาศมายังไม่เห็นว่าเรื่องไหนเป็นไอเดียของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ถอดยศเขาออก แต่ลอกนโยบายเขาไปทำ แทนที่คนจะลืม กลับจะคิดถึงและจดจำนายทักษิณได้มากกว่าเดิม เพราะสำหรับประชาชน การที่จะจดจำและผูกพันกับผู้นำคนไหนไม่ได้อยู่ที่มียศ หรือมีอำนาจ แต่อยู่ที่ผู้นำคนนั้นสร้างผลงานอะไรไว้ให้ประชาชน ซึ่งข้อนี้น่าสนใจว่าคนไทยจะจดจำผู้นำคนปัจจุบันอย่างไรนายณัฐวุฒิ กล่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดร.ทักษิณมีเกียรติภูมิ และมีความสามารถเป็นที่ยอมรับในทางสากลและโลกมากเกินกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาก สิ่งสำคัญที่ต้องคิดให้มากกว่านี้คือถ้าอยากเห็นการร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันแก้ไขปัญหาของชาติให้เกิดขึ้นควรเริ่มต้นทำให้คนทุกฝ่าย รู้สึกต้องการร่วมมือกัน และมุ่งอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ และเท่าเทียม.
เมื่อเวลา 10.40 น. วานนี้ (6 ก.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ว่า เรื่องนี้หัวหน้า คสช.ได้ชี้แจงแล้ว ส่วนจะใช้อำนาจ มาตรา 44 กับกรณีลักษณะเช่นนี้อีกหรือไม่ คสช. จะดูเป็นแต่ละกรณีไป โดยทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนทั้งหมด ซึ่งนายกฯ บอกเสมอว่า มาตรา 44 ใช้เพื่อความสะดวกในการบริหารบ้านเมือง และนายกฯ ก็ทำมาตลอด
เมื่อถามว่าการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า "คุณถามผม หรือถามใคร ผมไม่เคยกลัวใคร นี่คือกฎหมาย แล้วคุณไม่ทำได้ไหม ถามว่า ที่ทำนั้นถูกหรือผิด ถ้าทำถูกแล้วจะกลัวอะไร ถ้า คสช.ทำผิด ก็อยู่ไม่ได้ และหากคนที่ออกมาต่อต้านจะใช้เหตุผลอะไรในการต่อต้าน และเรื่องที่มันเกิดขึ้นมาก่อน 22 พ.ค. 57 หรือไม่ มันเป็นเรื่องดั้งเดิม 5-6 ปี มาแล้ว และเกิดในยุคที่เราต้องปฏิบัติ ต่อจากคราวที่แล้ว และทำไมผมต้องไปกลัวม็อบบ้าบอ คอแตกอะไร เขาไม่เข้าใจ คุณต้องลงไปบอกเขา คุณเรียกร้องกันไม่ใช่หรือ ว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายต้องทำให้เท่าเทียมกัน บ้านเราไม่มีขื่อไม่มีแปมานานแล้ว ผมไม่กลัวหรอก เพราะผมทำถูก ถ้าทำผิดก็จะกลัวประชาชนมากกว่า"
ด้าน พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวกรณีแถลงข่าวว่า นำเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปก่อนหน้านี้ว่า นายกฯ ได้ทบทวนเรื่องการถอดยศ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อป้องกันกรณีคนไม่ดีดึงฟ้าลงต่ำ ซึ่งนายกฯ ได้คิดให้รอบคอบโดยต้องรับผิดชอบเรื่องการปกป้องสถาบันในการถูกนำไปพาดพิงในทางมิบังควร
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงเหตุผลการตัดสินใจใช้อำนาจ มาตรา 44 ถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่า เพื่อเป็นการลดพระราชภาระ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าหลังจากนี้มีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น จะรับผิดขอยแต่เพียงผู้เดียวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะเกิดเหตุอะไร ถ้าใครทำวุ่นวาย ก็ติกคุก เมื่อถามว่า ถ้านายทักษิณฟ้องกลับ จะต้องรับมืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่าจะฟ้องใคร ฟ้องที่ไหน รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า อะไรที่ตนสั่งการตาม มาตรา 44 ถือเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับคำชื่นชมจากคนไทยทั้งประเทศ ที่กล้าตัดสินตามหลักของกฎหมาย และเป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้คุมสถานการณ์ทางอำนาจไว้ได้ แต่เนื่องจากนายทักษิณเขาเป็นคนเจ้าแค้น จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาคงต้องหาทางเอาคืน แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลคงคุมสถานการณ์ได้ เนื่องจากประชาชนมีความเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว
***”นปช.-เพื่อไทย” เย้ยคนยิ่งจดจำ
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับการถอดยศ และเชื่อว่าไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทางการเมือง หรือการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน รัฐบาลอาจได้คะแนนจากกลุ่มผู้ไม่นิยมอดีตนายกรัฐมนตรีบ้าง แต่คำถามเรื่องกระบวนการที่เจาะจงจะเอาให้ได้ และการใช้มาตรา 44 ก็เกิดขึ้นพร้อมกัน โดยสถานะคนชื่อทักษิณเป็นที่รู้จักและยอมรับระดับโลก มีเพื่อนมิตรเป็นผู้นำประเทศและบุคคลสำคัญมากมาย จำนวนประเทศที่เดินทางไปอย่างมีเกียรติน่าจะมากกว่าผู้นำรัฐประหาร และเท่าที่ทราบไม่มีใครคบหาเพียงเพราะมีหรือไม่มียศ พ.ต.ท.
สิ่งที่ไม่เข้าใจคือแนวทางของรัฐบาลที่จะจัดการนายทักษิณคืออย่างไรแน่ เพราะทางหนึ่งก็เร่งถอดยศ แล้วบอกประชาชนก้าวข้าม ไม่ให้ความสำคัญ แต่อีกทางก็ยกเอานโยบายทักษิณทั้งดุ้นมากระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะทั้งหมดที่ประกาศมายังไม่เห็นว่าเรื่องไหนเป็นไอเดียของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ถอดยศเขาออก แต่ลอกนโยบายเขาไปทำ แทนที่คนจะลืม กลับจะคิดถึงและจดจำนายทักษิณได้มากกว่าเดิม เพราะสำหรับประชาชน การที่จะจดจำและผูกพันกับผู้นำคนไหนไม่ได้อยู่ที่มียศ หรือมีอำนาจ แต่อยู่ที่ผู้นำคนนั้นสร้างผลงานอะไรไว้ให้ประชาชน ซึ่งข้อนี้น่าสนใจว่าคนไทยจะจดจำผู้นำคนปัจจุบันอย่างไรนายณัฐวุฒิ กล่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดร.ทักษิณมีเกียรติภูมิ และมีความสามารถเป็นที่ยอมรับในทางสากลและโลกมากเกินกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาก สิ่งสำคัญที่ต้องคิดให้มากกว่านี้คือถ้าอยากเห็นการร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันแก้ไขปัญหาของชาติให้เกิดขึ้นควรเริ่มต้นทำให้คนทุกฝ่าย รู้สึกต้องการร่วมมือกัน และมุ่งอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ และเท่าเทียม.