“สรรเสริญ-วีรชน” เผยมติ คสช.หวั่นผู้ไม่หวังดีดึงสถาบันโยงเรื่องถอดยศ “แม้ว” ตัดสินใจใช้มาตรา 44 เพื่อความเหมาะสมตามสถานการณ์ ยันไม่ใช่กลั่นแกล้ง นายกฯ พร้อมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
วันนี้ (5 ก.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่ง ที่ 26/2558 เรื่องการดำเนินการเพื่อถอด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากยศตำรวจว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายซึ่งมี 2 วิธีที่จะดำเนินการถอดยศได้ คือ การยื่นทูลเกล้าฯ ถวาย และการใช้มาตรา 44
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้นำเรื่องนี้ที่ถูกเสนอมา จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาหารือใน คสช.อีกครั้ง และมติของ คสช.เห็นควรว่าเพื่อไม่ให้ฝ่ายการเมืองหรือกลุ่มไม่หวังดีนำเรื่องสถาบันมาเกี่ยวโยงกับเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์จึงตัดสินใจใช้อำนาจตามมาตรา 44 ดำเนินการเพราะเห็นว่าเป็นกระบวนการที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ในขณะนี้ โดยยืนยันว่าการถอดยศอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่มาจากฐานความผิดหลายคดีทางอาญาที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นควรว่าต้องดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ หัวหน้า คสช.จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
ด้าน พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงเพิ่มเติมกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตร 44 ในการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามาตรา 44 เป็นกฎหมายที่มีไว้สำหรับดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงโดยเป็นอำนาจของนายกฯ และหัวหน้า คสช. การเลือกใช่วิธีนี้เพราะเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้