เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (6ก.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2558 พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม นางกอบกาญจน์ วัฒนวรากูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีนายประมณฑ์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ให้การต้อนรับ ตัวมีตัวแทนภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน เข้าร่วม ท่าม กลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ นายกฯ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง"ผลงานความก้าวหน้าของรัฐบาลในการปฏิรูปแก้ทุจริตคอร์รัปชัน" ตอนหนึ่งว่า การต่อต้านคอร์รัปชัน ถือเป็นความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนและประชาสังคม ที่มาร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะการคอร์รัปชันสร้างความสูญเสียประเทศมหาศาล ข้อสำคัญการทุจริตเกิดจากคน 3 กลุ่ม คือ รัฐบาล ข้าราชการ ภาคเอกชน หรือประชาชนที่มีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ ที่ผ่านมาสิ่งที่เป็นปัญหามาก คือ การเอาใจใส่ของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่กวดขันเหมือนที่เราทำวันนี้ ก็จะเป็นแบบเดิม ซึ่งกลไกในการแก้ไขปัญหามีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการยุติธรรม ป.ป.ช. ปปท. เพียงแต่ไม่หยิบออกมาอย่างจริงจัง
**ไม่เคยใช้อำนาจ ม.44 ไล่ล่าใคร
" รัฐบาลวันนี้ ไม่ได้ไล่ล่าใครทั้งสิ้น เป็นการนำคดีที่ค้าง ที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนยุติธรรม นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้ผมจะมี มาตรา 44 เหลือล้น ทำอะไรก็ได้ แต่ก็ไม่ได้เอาไปทาบทับกระบวนการตุลาการ หน้าที่ผมคือ การบริหารด้านนิติบัญญัติ เพื่อขับเคลื่อนงาน และบริหารราชการแผ่นดินให้เดินไปได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่าวันนี้สิ่งที่พวกเราต้องกลับมาทบทวน ความบกพร่องทั้งหมดที่เกิดในบ้านเมืองเรา ตนถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคน เหตุที่พูดแบบนี้ ต้องดูว่าประเทศไทยมีการเลือกตั้งผ่านมากี่ครั้งแล้ว และใครเป็นคนเลือก ทุกคนทั้งนั้น ซึ่งนั้นคือการเริ่มต้น จะดีหรือไม่ดี ประเทศจะไปข้างหน้า หรือถอยหลังอยู่ตรงนั้น วันนี้ต้องเตรียมกระบวนการให้มีความพร้อม ไม่ให้เกิดแบบเดิมๆโดยรัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน จะต้องเข้มแข็ง หากเข้มแข็งก็ไม่เกิดขึ้น ซึ่งต้องมีคุณธรรม จริยธรรมด้วย ทุกองค์กรถ้าคิดอย่างนี้ได้ ก็จะเป็นองค์กรที่มีจริยธรรม ประเทศไทยก็จะมีจริยธรรม และถ้ามี รัฐบาลมีธรรมาภิบาลในการปกครอง ก็จะมีทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ประเทศไทยมีประชากรหลายระดับ ที่มีความแตกต่าง ทั้งอาชีพ และรายได้ นี้คือสิ่งที่ยากในการบริหารราชการ ซึ่งต้องทำให้คนเหล่านั้น มีความเป็นอยู่ที่พอเพียง รู้จักการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่หากรัฐบาลช่วยแบบเดิมๆ ถ้าช่วยแบบนี้เมื่อไรจะจบ ประชาชนทุกคนกำหนดอนาคตประเทศ ต่อไปต้องสร้างความเข็มแข็ง ไม่ใช่ตนจะอยู่แบบนี้ตลอดไป ไม่โตเสียที ประชาชนต้องมีวิสัยทัศน์ ไม่ใช่ให้เขาปลุกปั่นไปมา จากการลงพื้นที่ได้ถามประชาชนว่า มีคนชวนขึ้นรถให้มาประท้วงจะมาอีกไหม เขาก็เงียบ ทั้งนี้ ถ้าหวังนักการเมืองเขาไม่ทำ ตนไม่ได้โทษคนดีๆ มีเยอะ การต่อต้านการทุจริตต้องปากต่อปาก สร้างเครือข่ายให้ได้มากขึ้น เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันประเทศ ถ้าทำได้ผลประโยชน์ก็จะกลับมาที่ท่าน ซึ่งการต่อต้านการคอร์รัปชัน รัฐบาลให้ความให้สำคัญกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ร่วมกับการปฏิรูปประเทศ
นายกฯกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนยังมีคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาลกระทรวงยุติธรรม ในส่วนของหน่วยงานและองค์กรอิสระทั้งหมดโดยใช้มาตรการ 3 ป. ปลุกจิตสำนึก ป้องกัน ปราบปราม ไม่ใช่ 3 ป. ประวิตร ประยุทธ์ ป.อนุพงษ์ ไม่ใช่ ก็ตามมายุ่งกับตนสามคน แต่ขอยืนยัน ตนทั้งสามคนทำความดีไม่ทำความชั่ว เราต้องไม่แก้ปัญหาเดิม โดยการแก้ไขปัญหาไม่ วันนี้ที่บอกว่าทำไม บางอย่างเร็ว บางอย่างช้าต้องให้เข้าใจว่า บางอย่างมันต้องเร็ว บางอย่างช้าไม่อย่างนั้นก็เร่งรัดไปทั้งหมดก็ทำลวกๆไป เดี๋ยวพอทำไม่ดีคนก็จะมาว่าอีก ก็ให้เขาทำไปตามระบบของเขา แล้วมาดูว่าผลจะออกมาอย่างไรกฎหมายว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น เราต้องสร้างความเชื่อมั่น และสร้างคู่ขนานกันไปแต่ก็ควรทำเพราะถ้าทำช้าตนก็เล่นงานมทุจริตไม่ทำงานตนก็เล่นงาน
ฉะนั้น เราต่องช่วยเขาถ้าเขาทำไม่ได้หรือทำไม่เป็นเราก็ต้องช่วยเขา อะไรที่มีการทุจริตแล้วเราต้องเอาออกมาสอบสวน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎหมาย ตัวอย่างมีให้เห็นเช่น คดีคลองด่านที่เสียไป วันนั้นไม่ทำให้จบ ไม่แก้ปัญหาหรือทำให้ถูกต้อง นี่คือสิ่งที่เราต้องแก้ไขในวันนี้ ที่ผ่านมาการสอบสวนต้องเดินตามกฎหมาย และใช้เวลา แต่ไม่ใช่ถ่วงเวลาไปเรื่อย ใครมีอำนาจในตอนนั้นเขาไม่ทำซักอย่าง วันนั้นเราต้องจัดลำดับการแก้ปัญหาไม่ใช่สักแต่ว่าทำลวกๆ ส่วนสิ่งไหนที่สร้างความสูญเสียให้กับประเทศมากกว่า เราจึงตัดสินใจจัดการไม่ใช่เลือกข้าง คนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมวันนี้ไม่ได้มาจากนอกโลกหรือต่างประเทศ เขาก็อยู่ในประเทศนี้ ไม่ว่าจะศาลที่อยู่ในรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นเขา ก็สรุปได้ว่าที่ผ่านมาใช่ไม่ได้ วันนี้ทำอย่างไรสังคมจะเป็นสุข อย่ายอมให้ใครทำผิดกฎหมายแค่นี้ประเทศก็เดินหน้าไปได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้สถิติดีขึ้น เราสามารถใช้จ่ายงบประมาณได้ ก็ยอมรับว่าวิจารณ์ตนได้แต่ขออย่าด่าตน เพราะเราต้องให้เกียรติ พวกสื่อแส่อะไรพวกนี้ มาหาว่าตนรังแก มีข่าวว่าตนจับสื่อไปบ้างไหม บอกว่าตนรังแกสื่อไป 2,000 คน แต่สื่อที่สัมภาษณ์ตนที่ทำเนียบ รวมกันยังไม่ถึง 100 คนเลย มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ชอบพูดให้ประเทศเสียหาย แม้กระทั่งนักการเมือง เวลาให้สัมภาษณ์ก็พาดพิงประเทศ วันนี้เราควรสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถ ถ้าเราพูดไปก็เป็นการประจานตัวเอง เขาก็ไม่กล้ามาลงทุน เราต้องบอกเขาว่าสิ่งที่เกิดในสังคมไทยเป็นสิ่งที่ ผ่านมาแล้ว เราต้องเดินหน้า เราต้องพูดในแง่ดีบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าลงทุนกับเรา วันนี้ทุกประเทศเขามาหมด ตนได้บอกให้เขามาลงทุน และบอกเขาว่า วันนี้ดีกว่าในช่วงที่ผ่านมา ใครไม่ชอบก็ลืมหน้าผมไปบ้าง ผมบอกไปอย่างนั้นเขาก็หัวเราะ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ความจริงนักธุรกิจเขารักประเทศไทยเห็นว่าโกงก็ยังรัก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะเป็นแบบนี้แต่ประเทศไทยก็เดินหน้า ผมถามว่าหากไม่เกิดการคอรัปชั่นจะไปขนาดไหน วันนี้สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลง ในเรื่องการใช้อาวุธ การสร้างความขัดแย้ง เราจะต้องไม่นำพาตัวเราและประเทศเข้าสู่ความขัดแย้ง แต่เราต้องไม่ฝืนข้อตกลงระหว่างประเทศ สนธิสัญญาต่าง ๆ เราต้องร่วมมือในสิ่งที่เราทำได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด
"เราต้องรู้ว่าประเทศเรามีปัญหาหรือเปล่า หากเหตุการณ์ต่างประเทศเข้ามา แล้วทำให้เราเดือดร้อนหรือไม่ เราต้องเตรียมความพร้อม เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทุกเวลาในโลกใบนี้ ทุกอย่างรัฐบาลไม่เคยปิดบัง วันนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าประเมินว่าประเทศไทยดีขึ้นในรอบ 6 ปีมานี้ ถามว่ารัฐบาลไหนไม่ใช่รัฐบาลนี้ แต่ผมอยู่ในทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งรมต.มหาดไทย รมต.ยุติธรรม เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทุกคนอยู่ในทุกรัฐบาล แม้ในช่วงรัฐประหารก็อยู่ต้องรับผิดชอบ เพราะเลือกตั้งเขาเข้ามา ดีไม่ดีก็เลือกเขาเข้ามา จะเลือกพวกไหน พวกสีซอ ถ้าเลือกเข้ามา แล้วเราเป็นคนเลือกพวกที่ด้อยค่า ไม่มีที่ยืนในสังคมคือพวกที่เป็นคนโกง แต่เราต้องใช้มาตรการทางกฎหมายไม่ใช่ความรุนแรง ทำให้บาดเจ็บล้มตาย ทำไมทำให้ต่างชาติมองว่าเรายังไม่สงบ เพราะรัฐบาลนี้ทำให้ประเทศสงบ แล้วต่อไปข้างหน้าพวกท่านจะรักษาความสงบต่อไปได้หรือไม่ถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับต่อไปจะเป็นอย่างไร นักการเมืองที่เข้ามาในอนาคตจะทำแบบเราหรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วาระแห่งชาติตอนนี้ มีไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องต้านโกง การสร้างโรงขยะ พลังงาน ดังนั้น เราทุกคนต้องช่วยกัน เพราะเป็นวาระแห่งชาติ โดยเราต้องเน้นเรื่องการป้องกัน ป้องปราม ด้วยพลังการต่อสู้ของคนรุ่นหนุ่มสาว และต้องเพิ่มพลังการต่อสู้นี้ตั้งแต่เด็กเล็ก ด้วยการเสริมหลักสูตรการเรียน เหมือนที่มีโครงการ“โตไปไม่โกง” หรือแม้แต่การทำภาพยนต์สั้น วิดีทัศน์ หรือแม้แต่รูปภาพ พร้อมประโยคสั้นๆ เพื่อสื่อสารแบบโลกยุคใหม่ เพราะเดี๋ยวโลกโซเชียลไปเร็วไปไกล ถ้ามัวแต่ใช้ประโยคยาวๆ คงไม่ต้องทำ ไม่ต้องมีสสาระอะไรมากมาย อย่างนั้นไม่ต้องเอามา เหมือนที่มีคนบ่นว่าทุกวันศุกร์ ตนพูดยาวในรายการ และมักจะเปลี่ยนช่องหนี ตนพูดยาวก็เพราะต้องการทำความเข้าใจ อยากพูดหลายเรื่อง และถ้าเปลี่ยนช่องหนี ตนก็จะตามไปไม่ต้องห่วง อยากขอร้องให้ช่วยกัน ในเรื่องการอำนวยความสะดวกของทางราชการ ในเวลาที่พวกนักลงทุนขอไปติดต่อ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการค้าการลงทุน หรือแม้แต่ทำความเข้าใจ เรื่องของพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯและพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารราชการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รวมถึงเรื่องภาษีก็อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจ ว่ารัฐบาลมีการปฏิรูปเรื่องภาษีไปก็เพื่อทุกคน เรื่องข้าว รัฐบาลกำลังหารือกับประเทศเพื่อนบ้านว่า จะทำอย่างไรให้เราสามารถร่วมกันผลิตข้าวได้ราคาสูงขึ้น มีส่วนแบ่งตลาดการส่งออก เพราะถ้าโครงสร้างไม่แข็งแรง พวกเราจะแย่กันไปหมด ภายประเทศเราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวนา ซึ่งรัฐบาลกำลังทำ ไม่ใช่การประชานิยม เรื่องกองทุนหมู่บ้านก็ทำกันมา มากกว่า 7 หมื่นกว่าแห่งแล้ว จะเห็นว่าเรื่องอะไรที่ดีอยู่แล้วเราก็ทำต่อ เพราะต้องการให้ประชาชนในท้องที่เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในพื้นที่
หรือแม้แต่นโยบายตำบลละ 5 ล้านบาทก็สร้างความเข้มแข็งได้ ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ที่เขาคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ทุกวันนี้ที่ตนต้องพูดมาก ก็เพราะอยากพูดให้พวกท่านได้ฟังให้เข้าใจอีกทั้งบรรดาทูตของทุกประเทศ ก็ต้องรู้ในสิ่งที่ตนพูด เพื่อที่จะไปต่อได้ว่ารัฐบาลกำลังจะทำอะไร ไม่ใช่มัวพูดแต่เรื่องรัฐประหาร
ส่วนเรื่องความยุติธรรมที่จะต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดการคอร์รัปชันในการลงทุนของภาคเอกชน ดังนั้น ภาครัฐจะต้องดูเรื่องราคากลางให้ดี เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดการทุจริต รวมไปถึงเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการร่างทีโออาร์ อย่าปล่อยให้มีการทำตั้งแต่ต้นจนจบรวดเดียว ไม่อย่างนั้นจะเกิดการประท้วงเหมือนเรื่องก๊าซธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจะต้องรีบดู รีบแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยๆไป อย่างนั้น ชาติหน้าค่อยซื้อกัน เรื่องเหล่านี้อย่ามองเพียงด้านเดียว ต้องมองให้ครบทุกด้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการปรับปรุงกฎหมาย วันนี้เสนอไปกว่าสามร้อยเก้าสิบกว่ามาตรา จำนวนดังกล่าวถ้ามีรัฐบาลเลือกตั้งไม่มีออกได้ พวกนี้ไม่เคยออก เพราะมีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ตนไม่มี จึงออกหมด สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา 3 วาระปกติ แต่อย่าไปคิดว่าตนสั่งเขาได้ จะไปสั่งได้อย่างไร เขาจะมากลัวตนเรื่องอะไร ตนตั้งเขามาด้วยความเชื่อมั่นในเขา ทั้งสนช.สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตั้งเขามาให้ทำงาน ไม่ได้ตั้งมาเป็นพวกตน ถ้าเขาไม่เห็นชอบอะไรกฎหมายก็ออกไม่ได้ จะแก้ก็แก้มา ต้องสร้างการรับรู้แบบนั้น อย่าไปดิสเครดิตคนโน้นคนนี้เป็นอย่างไร
นายกฯกล่าวว่า ทำอะไรก็ต้องใช้กฎหมาย เพราะกฎหมายเป็นสิ่งที่ทำให้คนในโลกนี้เท่าเทียมกัน อย่างอื่นมีหรือไม่ คนก็เกิดไม่เท่ากัน ทรัพย์มรดกไม่เท่ากัน ผมสั้นดำขาว อย่างไรก็ไม่เท่ากัน มีสิ่งเดียวที่เท่ากันคือกฎหมาย ต้องทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในกฎหมาย ถ้ากฎหมายสร้างความขัดแย้งจะเดินไม่ได้ ต้องทำให้เห็นว่ากฎหมายมีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรก่อน จากนั้นดูว่ารัฐจะใช้กฎหมายอย่างไร
นายกฯกล่าวว่า ที่ผ่านมาพอตนออกกฎหมาย ก็หาวาไล่คนจน รังแกนักการเมือง ซึ่งมันมองแค่นี้ไม่ได้ ต้องเปิดใจให้กว้าง ต้องดูว่าเราคือคนไทย ต้องทำอย่างไรให้ทุกคนในประเทศอยู่อย่างร่มเย็น ไม่ขัดแย้งกันต่อไป กฎหมาย รัฐธรรมนูญ มันมีระยะเวลาหนึ่งที่เราจะต้องดำเนินการในประเทศหรือไม่เพื่อให้เดินหน้าไปข้างหน้าได้ ไปว่ากันมา
นายกฯกล่าวว่า เราต้องส่งเสริมธรรมาภิบาลเรื่องการต่อต้านการทุจริต ตื่นตัว กล้าคิดกล้าทำ วันนี้ต้องสร้างในสังคม หากช่วยกันทุกระดับ เจ้าหน้าที่จะเบาแรงขึ้น จับตาดูแต่ไม่ใช่ทะเลาะเบาะแว้ง มีอะไรก็นำส่งกระบวนการยุติธรรม เขาตัดสินออกมาก็ยอมรับ เท่านั้นก็จบแล้ว จะไปเป็นศาลเองไม่ได้ ศาลไคพงก็ไม่ได้ ให้กระบวนการยุติธรรมเขาตัดสิน ที่ 4 – 5 ปีที่ผ่านมาถ้าไม่เชื่อถือ คดีทั้งหมดก็หาว่าศาลไม่เป็นธรรม จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับเขา สตง. ป.ป.ช.เขาทำมาเหน็ดเหนื่อยกันหมด
"ขอบคุณเช้านี้ที่เชิญผมมา เมื่อคืนนอนไม่ค่อยจะหลับ เดี๋ยวนี้ไม่เคยฝันอะไรที่ดีเลย มีแต่ฝันว่า สั่งงานรัฐมนรีคนนู้น คนนี้ อย่างไร คือมันไม่ลืมไง แต่ไม่ได้บ่นอะไรให้ฟังนะ รู้ว่าประเทศไทยอยู่ในฐานะอะไร คิดแบบผมแล้วมันจะหาทางออกได้เอง พระพุทธเจ้าท่านสอนอริยสัจ 4 คล้ายๆ กับหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ทุกคนมีความสุข ขอให้การต่อต้านการทุจริตเป็นไปตามเจตจำนง” นายกฯ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เราอย่าแก้ปัญหาหนึ่งไปสู่ปัญหาหนึ่ง ไม่งั้นจะอยู่อย่างนี้ ไปไม่ได้ ค่อยๆ ลดบรรเทาไปเรื่อยๆ แล้วมันจะดีด้วยความร่วมมือร่วมใจของเราทุกคน แล้วกลับสู่ประชาธิปไตย ไม่ขัดแย้ง ไม่ขัดแข้ง ผมไม่บ้า ไม่เผด็จการ
**เด็กนร.มัธยมฯข้องใจลดเวลาเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯปาฐกถาเสร็จสิ้นและเปิดโอกาสให้ซักถาม ปรากฏว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งสวมชุดนักเรียนมัธยมศึกษา และเป็นเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทย ได้ลุกขึ้นเดินไปหน้าเวที ชูป้ายพร้อมกับตะโกนถามนายกฯ เพื่อขอคำอธิบาย และเรียกร้องให้ลดการเรียนการสอน เรื่องหน้าที่พลเมืองลง และขอให้เพิ่มการสอนวิชาปรัชญาแนวคิด รวมถึงเสนอให้สอนวิชาประวัติศาสตร์ด้วยเนื้อหาที่หลากหลาย ไม่เน้นชาตินิยม ทำให้ทีม รปภ. รีบเข้าไปล็อกตัวเอาไว้ทันที ขณะที่นายกฯ ได้พูดบนเวทีบอกกับทีมรปภ. ว่า “ให้ใจเย็น ๆ เขายังเด็กอยู่ ดูแลเขาด้วย” พร้อมกับถามว่า เขาร้องเรื่องอะไร ให้รับเรื่องไว้ แล้วยังกล่าวทีเล่นทีจริงด้วยว่า “ใช่พวกเราหรือเปล่า “เฮ้ย รปภ.ถ้าเป็นพวกเรา ดูแลเขาดีๆ ” ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครึกครื้น และมีเสียงหัวเราะขึ้นมา
นอกจากนี้ นายกฯยังได้กล่าวปิดท้ายบนเวทีอีกว่า “เราอย่าแก้ปัญหาหนึ่งไปสู่ปัญหาหนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะอยู่อย่างนี้ ไปไม่ได้ ค่อยๆ ลดบรรเทาไปเรื่อยๆ แล้วมันจะดีด้วยความร่วมมือร่วมใจของเราทุกคน แล้วกลับสู่ประชาธิปไตย ไม่ขัดแย้ง ไม่ขัดแข้ง ผมไม่บ้า ไม่เผด็จการ”นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ นายกฯ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง"ผลงานความก้าวหน้าของรัฐบาลในการปฏิรูปแก้ทุจริตคอร์รัปชัน" ตอนหนึ่งว่า การต่อต้านคอร์รัปชัน ถือเป็นความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนและประชาสังคม ที่มาร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะการคอร์รัปชันสร้างความสูญเสียประเทศมหาศาล ข้อสำคัญการทุจริตเกิดจากคน 3 กลุ่ม คือ รัฐบาล ข้าราชการ ภาคเอกชน หรือประชาชนที่มีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ ที่ผ่านมาสิ่งที่เป็นปัญหามาก คือ การเอาใจใส่ของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่กวดขันเหมือนที่เราทำวันนี้ ก็จะเป็นแบบเดิม ซึ่งกลไกในการแก้ไขปัญหามีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการยุติธรรม ป.ป.ช. ปปท. เพียงแต่ไม่หยิบออกมาอย่างจริงจัง
**ไม่เคยใช้อำนาจ ม.44 ไล่ล่าใคร
" รัฐบาลวันนี้ ไม่ได้ไล่ล่าใครทั้งสิ้น เป็นการนำคดีที่ค้าง ที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนยุติธรรม นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้ผมจะมี มาตรา 44 เหลือล้น ทำอะไรก็ได้ แต่ก็ไม่ได้เอาไปทาบทับกระบวนการตุลาการ หน้าที่ผมคือ การบริหารด้านนิติบัญญัติ เพื่อขับเคลื่อนงาน และบริหารราชการแผ่นดินให้เดินไปได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่าวันนี้สิ่งที่พวกเราต้องกลับมาทบทวน ความบกพร่องทั้งหมดที่เกิดในบ้านเมืองเรา ตนถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคน เหตุที่พูดแบบนี้ ต้องดูว่าประเทศไทยมีการเลือกตั้งผ่านมากี่ครั้งแล้ว และใครเป็นคนเลือก ทุกคนทั้งนั้น ซึ่งนั้นคือการเริ่มต้น จะดีหรือไม่ดี ประเทศจะไปข้างหน้า หรือถอยหลังอยู่ตรงนั้น วันนี้ต้องเตรียมกระบวนการให้มีความพร้อม ไม่ให้เกิดแบบเดิมๆโดยรัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน จะต้องเข้มแข็ง หากเข้มแข็งก็ไม่เกิดขึ้น ซึ่งต้องมีคุณธรรม จริยธรรมด้วย ทุกองค์กรถ้าคิดอย่างนี้ได้ ก็จะเป็นองค์กรที่มีจริยธรรม ประเทศไทยก็จะมีจริยธรรม และถ้ามี รัฐบาลมีธรรมาภิบาลในการปกครอง ก็จะมีทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ประเทศไทยมีประชากรหลายระดับ ที่มีความแตกต่าง ทั้งอาชีพ และรายได้ นี้คือสิ่งที่ยากในการบริหารราชการ ซึ่งต้องทำให้คนเหล่านั้น มีความเป็นอยู่ที่พอเพียง รู้จักการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่หากรัฐบาลช่วยแบบเดิมๆ ถ้าช่วยแบบนี้เมื่อไรจะจบ ประชาชนทุกคนกำหนดอนาคตประเทศ ต่อไปต้องสร้างความเข็มแข็ง ไม่ใช่ตนจะอยู่แบบนี้ตลอดไป ไม่โตเสียที ประชาชนต้องมีวิสัยทัศน์ ไม่ใช่ให้เขาปลุกปั่นไปมา จากการลงพื้นที่ได้ถามประชาชนว่า มีคนชวนขึ้นรถให้มาประท้วงจะมาอีกไหม เขาก็เงียบ ทั้งนี้ ถ้าหวังนักการเมืองเขาไม่ทำ ตนไม่ได้โทษคนดีๆ มีเยอะ การต่อต้านการทุจริตต้องปากต่อปาก สร้างเครือข่ายให้ได้มากขึ้น เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันประเทศ ถ้าทำได้ผลประโยชน์ก็จะกลับมาที่ท่าน ซึ่งการต่อต้านการคอร์รัปชัน รัฐบาลให้ความให้สำคัญกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ร่วมกับการปฏิรูปประเทศ
นายกฯกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนยังมีคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาลกระทรวงยุติธรรม ในส่วนของหน่วยงานและองค์กรอิสระทั้งหมดโดยใช้มาตรการ 3 ป. ปลุกจิตสำนึก ป้องกัน ปราบปราม ไม่ใช่ 3 ป. ประวิตร ประยุทธ์ ป.อนุพงษ์ ไม่ใช่ ก็ตามมายุ่งกับตนสามคน แต่ขอยืนยัน ตนทั้งสามคนทำความดีไม่ทำความชั่ว เราต้องไม่แก้ปัญหาเดิม โดยการแก้ไขปัญหาไม่ วันนี้ที่บอกว่าทำไม บางอย่างเร็ว บางอย่างช้าต้องให้เข้าใจว่า บางอย่างมันต้องเร็ว บางอย่างช้าไม่อย่างนั้นก็เร่งรัดไปทั้งหมดก็ทำลวกๆไป เดี๋ยวพอทำไม่ดีคนก็จะมาว่าอีก ก็ให้เขาทำไปตามระบบของเขา แล้วมาดูว่าผลจะออกมาอย่างไรกฎหมายว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น เราต้องสร้างความเชื่อมั่น และสร้างคู่ขนานกันไปแต่ก็ควรทำเพราะถ้าทำช้าตนก็เล่นงานมทุจริตไม่ทำงานตนก็เล่นงาน
ฉะนั้น เราต่องช่วยเขาถ้าเขาทำไม่ได้หรือทำไม่เป็นเราก็ต้องช่วยเขา อะไรที่มีการทุจริตแล้วเราต้องเอาออกมาสอบสวน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎหมาย ตัวอย่างมีให้เห็นเช่น คดีคลองด่านที่เสียไป วันนั้นไม่ทำให้จบ ไม่แก้ปัญหาหรือทำให้ถูกต้อง นี่คือสิ่งที่เราต้องแก้ไขในวันนี้ ที่ผ่านมาการสอบสวนต้องเดินตามกฎหมาย และใช้เวลา แต่ไม่ใช่ถ่วงเวลาไปเรื่อย ใครมีอำนาจในตอนนั้นเขาไม่ทำซักอย่าง วันนั้นเราต้องจัดลำดับการแก้ปัญหาไม่ใช่สักแต่ว่าทำลวกๆ ส่วนสิ่งไหนที่สร้างความสูญเสียให้กับประเทศมากกว่า เราจึงตัดสินใจจัดการไม่ใช่เลือกข้าง คนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมวันนี้ไม่ได้มาจากนอกโลกหรือต่างประเทศ เขาก็อยู่ในประเทศนี้ ไม่ว่าจะศาลที่อยู่ในรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นเขา ก็สรุปได้ว่าที่ผ่านมาใช่ไม่ได้ วันนี้ทำอย่างไรสังคมจะเป็นสุข อย่ายอมให้ใครทำผิดกฎหมายแค่นี้ประเทศก็เดินหน้าไปได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้สถิติดีขึ้น เราสามารถใช้จ่ายงบประมาณได้ ก็ยอมรับว่าวิจารณ์ตนได้แต่ขออย่าด่าตน เพราะเราต้องให้เกียรติ พวกสื่อแส่อะไรพวกนี้ มาหาว่าตนรังแก มีข่าวว่าตนจับสื่อไปบ้างไหม บอกว่าตนรังแกสื่อไป 2,000 คน แต่สื่อที่สัมภาษณ์ตนที่ทำเนียบ รวมกันยังไม่ถึง 100 คนเลย มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ชอบพูดให้ประเทศเสียหาย แม้กระทั่งนักการเมือง เวลาให้สัมภาษณ์ก็พาดพิงประเทศ วันนี้เราควรสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถ ถ้าเราพูดไปก็เป็นการประจานตัวเอง เขาก็ไม่กล้ามาลงทุน เราต้องบอกเขาว่าสิ่งที่เกิดในสังคมไทยเป็นสิ่งที่ ผ่านมาแล้ว เราต้องเดินหน้า เราต้องพูดในแง่ดีบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าลงทุนกับเรา วันนี้ทุกประเทศเขามาหมด ตนได้บอกให้เขามาลงทุน และบอกเขาว่า วันนี้ดีกว่าในช่วงที่ผ่านมา ใครไม่ชอบก็ลืมหน้าผมไปบ้าง ผมบอกไปอย่างนั้นเขาก็หัวเราะ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ความจริงนักธุรกิจเขารักประเทศไทยเห็นว่าโกงก็ยังรัก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะเป็นแบบนี้แต่ประเทศไทยก็เดินหน้า ผมถามว่าหากไม่เกิดการคอรัปชั่นจะไปขนาดไหน วันนี้สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลง ในเรื่องการใช้อาวุธ การสร้างความขัดแย้ง เราจะต้องไม่นำพาตัวเราและประเทศเข้าสู่ความขัดแย้ง แต่เราต้องไม่ฝืนข้อตกลงระหว่างประเทศ สนธิสัญญาต่าง ๆ เราต้องร่วมมือในสิ่งที่เราทำได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด
"เราต้องรู้ว่าประเทศเรามีปัญหาหรือเปล่า หากเหตุการณ์ต่างประเทศเข้ามา แล้วทำให้เราเดือดร้อนหรือไม่ เราต้องเตรียมความพร้อม เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทุกเวลาในโลกใบนี้ ทุกอย่างรัฐบาลไม่เคยปิดบัง วันนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าประเมินว่าประเทศไทยดีขึ้นในรอบ 6 ปีมานี้ ถามว่ารัฐบาลไหนไม่ใช่รัฐบาลนี้ แต่ผมอยู่ในทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งรมต.มหาดไทย รมต.ยุติธรรม เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทุกคนอยู่ในทุกรัฐบาล แม้ในช่วงรัฐประหารก็อยู่ต้องรับผิดชอบ เพราะเลือกตั้งเขาเข้ามา ดีไม่ดีก็เลือกเขาเข้ามา จะเลือกพวกไหน พวกสีซอ ถ้าเลือกเข้ามา แล้วเราเป็นคนเลือกพวกที่ด้อยค่า ไม่มีที่ยืนในสังคมคือพวกที่เป็นคนโกง แต่เราต้องใช้มาตรการทางกฎหมายไม่ใช่ความรุนแรง ทำให้บาดเจ็บล้มตาย ทำไมทำให้ต่างชาติมองว่าเรายังไม่สงบ เพราะรัฐบาลนี้ทำให้ประเทศสงบ แล้วต่อไปข้างหน้าพวกท่านจะรักษาความสงบต่อไปได้หรือไม่ถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับต่อไปจะเป็นอย่างไร นักการเมืองที่เข้ามาในอนาคตจะทำแบบเราหรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วาระแห่งชาติตอนนี้ มีไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องต้านโกง การสร้างโรงขยะ พลังงาน ดังนั้น เราทุกคนต้องช่วยกัน เพราะเป็นวาระแห่งชาติ โดยเราต้องเน้นเรื่องการป้องกัน ป้องปราม ด้วยพลังการต่อสู้ของคนรุ่นหนุ่มสาว และต้องเพิ่มพลังการต่อสู้นี้ตั้งแต่เด็กเล็ก ด้วยการเสริมหลักสูตรการเรียน เหมือนที่มีโครงการ“โตไปไม่โกง” หรือแม้แต่การทำภาพยนต์สั้น วิดีทัศน์ หรือแม้แต่รูปภาพ พร้อมประโยคสั้นๆ เพื่อสื่อสารแบบโลกยุคใหม่ เพราะเดี๋ยวโลกโซเชียลไปเร็วไปไกล ถ้ามัวแต่ใช้ประโยคยาวๆ คงไม่ต้องทำ ไม่ต้องมีสสาระอะไรมากมาย อย่างนั้นไม่ต้องเอามา เหมือนที่มีคนบ่นว่าทุกวันศุกร์ ตนพูดยาวในรายการ และมักจะเปลี่ยนช่องหนี ตนพูดยาวก็เพราะต้องการทำความเข้าใจ อยากพูดหลายเรื่อง และถ้าเปลี่ยนช่องหนี ตนก็จะตามไปไม่ต้องห่วง อยากขอร้องให้ช่วยกัน ในเรื่องการอำนวยความสะดวกของทางราชการ ในเวลาที่พวกนักลงทุนขอไปติดต่อ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการค้าการลงทุน หรือแม้แต่ทำความเข้าใจ เรื่องของพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯและพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารราชการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รวมถึงเรื่องภาษีก็อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจ ว่ารัฐบาลมีการปฏิรูปเรื่องภาษีไปก็เพื่อทุกคน เรื่องข้าว รัฐบาลกำลังหารือกับประเทศเพื่อนบ้านว่า จะทำอย่างไรให้เราสามารถร่วมกันผลิตข้าวได้ราคาสูงขึ้น มีส่วนแบ่งตลาดการส่งออก เพราะถ้าโครงสร้างไม่แข็งแรง พวกเราจะแย่กันไปหมด ภายประเทศเราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวนา ซึ่งรัฐบาลกำลังทำ ไม่ใช่การประชานิยม เรื่องกองทุนหมู่บ้านก็ทำกันมา มากกว่า 7 หมื่นกว่าแห่งแล้ว จะเห็นว่าเรื่องอะไรที่ดีอยู่แล้วเราก็ทำต่อ เพราะต้องการให้ประชาชนในท้องที่เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในพื้นที่
หรือแม้แต่นโยบายตำบลละ 5 ล้านบาทก็สร้างความเข้มแข็งได้ ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ที่เขาคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ทุกวันนี้ที่ตนต้องพูดมาก ก็เพราะอยากพูดให้พวกท่านได้ฟังให้เข้าใจอีกทั้งบรรดาทูตของทุกประเทศ ก็ต้องรู้ในสิ่งที่ตนพูด เพื่อที่จะไปต่อได้ว่ารัฐบาลกำลังจะทำอะไร ไม่ใช่มัวพูดแต่เรื่องรัฐประหาร
ส่วนเรื่องความยุติธรรมที่จะต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดการคอร์รัปชันในการลงทุนของภาคเอกชน ดังนั้น ภาครัฐจะต้องดูเรื่องราคากลางให้ดี เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดการทุจริต รวมไปถึงเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการร่างทีโออาร์ อย่าปล่อยให้มีการทำตั้งแต่ต้นจนจบรวดเดียว ไม่อย่างนั้นจะเกิดการประท้วงเหมือนเรื่องก๊าซธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจะต้องรีบดู รีบแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยๆไป อย่างนั้น ชาติหน้าค่อยซื้อกัน เรื่องเหล่านี้อย่ามองเพียงด้านเดียว ต้องมองให้ครบทุกด้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการปรับปรุงกฎหมาย วันนี้เสนอไปกว่าสามร้อยเก้าสิบกว่ามาตรา จำนวนดังกล่าวถ้ามีรัฐบาลเลือกตั้งไม่มีออกได้ พวกนี้ไม่เคยออก เพราะมีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ตนไม่มี จึงออกหมด สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา 3 วาระปกติ แต่อย่าไปคิดว่าตนสั่งเขาได้ จะไปสั่งได้อย่างไร เขาจะมากลัวตนเรื่องอะไร ตนตั้งเขามาด้วยความเชื่อมั่นในเขา ทั้งสนช.สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตั้งเขามาให้ทำงาน ไม่ได้ตั้งมาเป็นพวกตน ถ้าเขาไม่เห็นชอบอะไรกฎหมายก็ออกไม่ได้ จะแก้ก็แก้มา ต้องสร้างการรับรู้แบบนั้น อย่าไปดิสเครดิตคนโน้นคนนี้เป็นอย่างไร
นายกฯกล่าวว่า ทำอะไรก็ต้องใช้กฎหมาย เพราะกฎหมายเป็นสิ่งที่ทำให้คนในโลกนี้เท่าเทียมกัน อย่างอื่นมีหรือไม่ คนก็เกิดไม่เท่ากัน ทรัพย์มรดกไม่เท่ากัน ผมสั้นดำขาว อย่างไรก็ไม่เท่ากัน มีสิ่งเดียวที่เท่ากันคือกฎหมาย ต้องทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในกฎหมาย ถ้ากฎหมายสร้างความขัดแย้งจะเดินไม่ได้ ต้องทำให้เห็นว่ากฎหมายมีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรก่อน จากนั้นดูว่ารัฐจะใช้กฎหมายอย่างไร
นายกฯกล่าวว่า ที่ผ่านมาพอตนออกกฎหมาย ก็หาวาไล่คนจน รังแกนักการเมือง ซึ่งมันมองแค่นี้ไม่ได้ ต้องเปิดใจให้กว้าง ต้องดูว่าเราคือคนไทย ต้องทำอย่างไรให้ทุกคนในประเทศอยู่อย่างร่มเย็น ไม่ขัดแย้งกันต่อไป กฎหมาย รัฐธรรมนูญ มันมีระยะเวลาหนึ่งที่เราจะต้องดำเนินการในประเทศหรือไม่เพื่อให้เดินหน้าไปข้างหน้าได้ ไปว่ากันมา
นายกฯกล่าวว่า เราต้องส่งเสริมธรรมาภิบาลเรื่องการต่อต้านการทุจริต ตื่นตัว กล้าคิดกล้าทำ วันนี้ต้องสร้างในสังคม หากช่วยกันทุกระดับ เจ้าหน้าที่จะเบาแรงขึ้น จับตาดูแต่ไม่ใช่ทะเลาะเบาะแว้ง มีอะไรก็นำส่งกระบวนการยุติธรรม เขาตัดสินออกมาก็ยอมรับ เท่านั้นก็จบแล้ว จะไปเป็นศาลเองไม่ได้ ศาลไคพงก็ไม่ได้ ให้กระบวนการยุติธรรมเขาตัดสิน ที่ 4 – 5 ปีที่ผ่านมาถ้าไม่เชื่อถือ คดีทั้งหมดก็หาว่าศาลไม่เป็นธรรม จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับเขา สตง. ป.ป.ช.เขาทำมาเหน็ดเหนื่อยกันหมด
"ขอบคุณเช้านี้ที่เชิญผมมา เมื่อคืนนอนไม่ค่อยจะหลับ เดี๋ยวนี้ไม่เคยฝันอะไรที่ดีเลย มีแต่ฝันว่า สั่งงานรัฐมนรีคนนู้น คนนี้ อย่างไร คือมันไม่ลืมไง แต่ไม่ได้บ่นอะไรให้ฟังนะ รู้ว่าประเทศไทยอยู่ในฐานะอะไร คิดแบบผมแล้วมันจะหาทางออกได้เอง พระพุทธเจ้าท่านสอนอริยสัจ 4 คล้ายๆ กับหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ทุกคนมีความสุข ขอให้การต่อต้านการทุจริตเป็นไปตามเจตจำนง” นายกฯ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เราอย่าแก้ปัญหาหนึ่งไปสู่ปัญหาหนึ่ง ไม่งั้นจะอยู่อย่างนี้ ไปไม่ได้ ค่อยๆ ลดบรรเทาไปเรื่อยๆ แล้วมันจะดีด้วยความร่วมมือร่วมใจของเราทุกคน แล้วกลับสู่ประชาธิปไตย ไม่ขัดแย้ง ไม่ขัดแข้ง ผมไม่บ้า ไม่เผด็จการ
**เด็กนร.มัธยมฯข้องใจลดเวลาเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯปาฐกถาเสร็จสิ้นและเปิดโอกาสให้ซักถาม ปรากฏว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งสวมชุดนักเรียนมัธยมศึกษา และเป็นเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทย ได้ลุกขึ้นเดินไปหน้าเวที ชูป้ายพร้อมกับตะโกนถามนายกฯ เพื่อขอคำอธิบาย และเรียกร้องให้ลดการเรียนการสอน เรื่องหน้าที่พลเมืองลง และขอให้เพิ่มการสอนวิชาปรัชญาแนวคิด รวมถึงเสนอให้สอนวิชาประวัติศาสตร์ด้วยเนื้อหาที่หลากหลาย ไม่เน้นชาตินิยม ทำให้ทีม รปภ. รีบเข้าไปล็อกตัวเอาไว้ทันที ขณะที่นายกฯ ได้พูดบนเวทีบอกกับทีมรปภ. ว่า “ให้ใจเย็น ๆ เขายังเด็กอยู่ ดูแลเขาด้วย” พร้อมกับถามว่า เขาร้องเรื่องอะไร ให้รับเรื่องไว้ แล้วยังกล่าวทีเล่นทีจริงด้วยว่า “ใช่พวกเราหรือเปล่า “เฮ้ย รปภ.ถ้าเป็นพวกเรา ดูแลเขาดีๆ ” ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครึกครื้น และมีเสียงหัวเราะขึ้นมา
นอกจากนี้ นายกฯยังได้กล่าวปิดท้ายบนเวทีอีกว่า “เราอย่าแก้ปัญหาหนึ่งไปสู่ปัญหาหนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะอยู่อย่างนี้ ไปไม่ได้ ค่อยๆ ลดบรรเทาไปเรื่อยๆ แล้วมันจะดีด้วยความร่วมมือร่วมใจของเราทุกคน แล้วกลับสู่ประชาธิปไตย ไม่ขัดแย้ง ไม่ขัดแข้ง ผมไม่บ้า ไม่เผด็จการ”นายกรัฐมนตรี กล่าว