ASTVผู้จัดการรายวัน – อสังหาฯครึ่งปีหลังยังเหนื่อยต่อตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ตลาดต่างจังหวัดคอนโดฯกระทบหนัก ด้านศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ คาด กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลดีต่ออสังหาฯ ขณะที่ยอดสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ครึ่งปีแรก 2.75 แสนล้านบาท โต 6% สวนกระแสยอดขายอสังหาฯร่วง
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก และมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ทำให้คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย อาจมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากปัจจุบันจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.50 ต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว จะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวตามไปด้วย แต่ในแง่ของการปล่อยสินเชื่อใหม่ยังคงมีอัตราการเติบโต โดยช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั้งระบบมีจำนวน 275,000 ล้านบาท แบ่งเป็นไตรมาส 1 จำนวน 132,000 ล้านบาท และไตรมาส 2 จำนวน 143,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก 2557 กว่า 6% ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ 260,000 แบ่งเป็นไตรมาส 1 ปล่อยไปจำนวน 120,000 ล้านบาท ไตรมาส 2 ปล่อยไปจำนวน 140,000 ล้านบาท ทั้งปี 2557 มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ 575,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาหรือเติบโตขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 580,000-590,000 ล้านบาท
“การเติบโตของสินเชื่อปล่อยใหม่ดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า ที่เริ่มมาสร้างเสร็จและโอนในปีนี้ ซึ่งลูกค้าเริ่มทยอยขอสินเชื่อ และแม้ว่าสถาบันการเงินจะมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ประกอบกับหนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น แต่เนื่องจากมีการขอสินเชื่อใหม่จำนวนมาก ทำให้ตัวเลขสินเชื่อปล่อยใหม่ยังคงมีอัตราการเติบโตได้” นายสัมมา กล่าว
สำหรับโครงการเปิดขายใหม่ของผู้ประกอบการในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล พบว่า มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 82 โครงการ จำนวน 27,000 ยูนิต ทรงตัวใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 80 โครงการ 35,000 ยูนิต โดยคาดว่าทั้งปี 2558 จะมีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ราว 65,000-68,000 ยูนิต ขณะที่ปี 2557 มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 75,000 ยูนิต ส่วนโครงการบ้านจัดสรรเปิดใหม่ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2558 ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลปรับตัวลดลงมาก โดยพบว่ามีจำนวน 8,000 ยูนิต ลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 27,000 ยูนิต
“ปีนี้จะเห็นผู้ประกอบการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ออกไป เพื่อรอดูภาวะเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ตลาดดีขึ้นจึงจะเปิดโครงการใหม่ โดยในส่วนของคอนโดมิเนียมจะเห็นการเปิดโครงการขนาดใหญ่น้อยลง”
ด้านอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แม้ว่าในปีนี้จะมีปัจจัยลบหลายประการกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน ปัญหาความไม่สงบ ซึ่งปัญหาเหล่านี้นี้ล้วนเป็นปัจจัยระยะสั้น แต่เนื่องจากบ้านคือสิ่งจำเป็นในการอยู่อาศัยทำให้คนที่ตัดสินใจซื้อไปแล้วจะมองระยะยาวมากกว่า แต่สำหรับคนที่อยู่ระหว่างตัดสินใจ อาจทำให้ชะลอการซื้อออกไปได้บ้างเพื่อรอดูสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่ายอดโอนจะลดลงประมาณ 5-10% ขณะที่ยอดขายในส่วนภูมิภาคถือว่าชะลอตัวมากพอสมควร ส่วนในส่วนกลาง หรือกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ผู้ประกอบการบางรายขายดี บางรายขายไม่ดี ส่วนยอดเปิดตัวโครงการใหม่ปรับลดลงประมาณ 5-10% โดยมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2557 แต่ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี เพื่อให้ซับพลายในตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาส 3 ยังไม่ดีขึ้นมากตามที่คาดการณ์เอาไว้ โดยการขายโครงการยังไปได้สำหรับบ้านจัดสรร แต่สำหรับคอนโดมิเนียม พบว่าการขายค่อนข้างช้า อาจเป็นเพราะในช่วงครึ่งปีแรกได้มีการดูดซับดีมานด์ไปแล้วค่อนข้างมาก จากการเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ ขณะที่ตลาดต่างจังหวัด ยังไม่ดีขึ้น อัตราการขายน้อยลงมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมแทบไม่มียอดการซื้อขายเลย
ส่วนโครงการบ้านจัดสรร มียอดขายก็จริงแต่ก็ขายได้น้อยลงมาก จากผลกระทบราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลง ทำให้เงินหมุนเวียนในภูมิภาคลดลงไป
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก และมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ทำให้คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย อาจมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากปัจจุบันจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.50 ต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว จะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวตามไปด้วย แต่ในแง่ของการปล่อยสินเชื่อใหม่ยังคงมีอัตราการเติบโต โดยช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั้งระบบมีจำนวน 275,000 ล้านบาท แบ่งเป็นไตรมาส 1 จำนวน 132,000 ล้านบาท และไตรมาส 2 จำนวน 143,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก 2557 กว่า 6% ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ 260,000 แบ่งเป็นไตรมาส 1 ปล่อยไปจำนวน 120,000 ล้านบาท ไตรมาส 2 ปล่อยไปจำนวน 140,000 ล้านบาท ทั้งปี 2557 มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ 575,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาหรือเติบโตขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 580,000-590,000 ล้านบาท
“การเติบโตของสินเชื่อปล่อยใหม่ดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า ที่เริ่มมาสร้างเสร็จและโอนในปีนี้ ซึ่งลูกค้าเริ่มทยอยขอสินเชื่อ และแม้ว่าสถาบันการเงินจะมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ประกอบกับหนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น แต่เนื่องจากมีการขอสินเชื่อใหม่จำนวนมาก ทำให้ตัวเลขสินเชื่อปล่อยใหม่ยังคงมีอัตราการเติบโตได้” นายสัมมา กล่าว
สำหรับโครงการเปิดขายใหม่ของผู้ประกอบการในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล พบว่า มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 82 โครงการ จำนวน 27,000 ยูนิต ทรงตัวใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 80 โครงการ 35,000 ยูนิต โดยคาดว่าทั้งปี 2558 จะมีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ราว 65,000-68,000 ยูนิต ขณะที่ปี 2557 มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 75,000 ยูนิต ส่วนโครงการบ้านจัดสรรเปิดใหม่ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2558 ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลปรับตัวลดลงมาก โดยพบว่ามีจำนวน 8,000 ยูนิต ลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 27,000 ยูนิต
“ปีนี้จะเห็นผู้ประกอบการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ออกไป เพื่อรอดูภาวะเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ตลาดดีขึ้นจึงจะเปิดโครงการใหม่ โดยในส่วนของคอนโดมิเนียมจะเห็นการเปิดโครงการขนาดใหญ่น้อยลง”
ด้านอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แม้ว่าในปีนี้จะมีปัจจัยลบหลายประการกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน ปัญหาความไม่สงบ ซึ่งปัญหาเหล่านี้นี้ล้วนเป็นปัจจัยระยะสั้น แต่เนื่องจากบ้านคือสิ่งจำเป็นในการอยู่อาศัยทำให้คนที่ตัดสินใจซื้อไปแล้วจะมองระยะยาวมากกว่า แต่สำหรับคนที่อยู่ระหว่างตัดสินใจ อาจทำให้ชะลอการซื้อออกไปได้บ้างเพื่อรอดูสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่ายอดโอนจะลดลงประมาณ 5-10% ขณะที่ยอดขายในส่วนภูมิภาคถือว่าชะลอตัวมากพอสมควร ส่วนในส่วนกลาง หรือกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ผู้ประกอบการบางรายขายดี บางรายขายไม่ดี ส่วนยอดเปิดตัวโครงการใหม่ปรับลดลงประมาณ 5-10% โดยมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2557 แต่ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี เพื่อให้ซับพลายในตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาส 3 ยังไม่ดีขึ้นมากตามที่คาดการณ์เอาไว้ โดยการขายโครงการยังไปได้สำหรับบ้านจัดสรร แต่สำหรับคอนโดมิเนียม พบว่าการขายค่อนข้างช้า อาจเป็นเพราะในช่วงครึ่งปีแรกได้มีการดูดซับดีมานด์ไปแล้วค่อนข้างมาก จากการเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ ขณะที่ตลาดต่างจังหวัด ยังไม่ดีขึ้น อัตราการขายน้อยลงมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมแทบไม่มียอดการซื้อขายเลย
ส่วนโครงการบ้านจัดสรร มียอดขายก็จริงแต่ก็ขายได้น้อยลงมาก จากผลกระทบราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลง ทำให้เงินหมุนเวียนในภูมิภาคลดลงไป