เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้ (27 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 708 ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.630/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ , นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และ นายศิริโชค โสภา อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ดำเนินรายการ“สายล่อฟ้า”ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิด ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาและดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328 และ 332
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 และ 15 ก.พ.55 จำเลยได้ร่วมกันจัดรายการ“สายล่อฟ้า”ออกอากาศผ่านดาวเทียมบลูสกาย มีเนื้อหาหมิ่นประมาทใส่ความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหาย ทำนองว่า ไม่เข้าร่วมภารกิจประชุมของรัฐสภา และน่าจะเดินทางไปกระทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ โดยนายชวนนท์ นายเทพไท และนายศิริโชค จำเลยที่ 1-3 ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.55 ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่โจทก์ร่วมไม่ได้เข้าร่วมประชุม และเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ โดยไม่เปิดเผยข้อมูลให้สื่อมวลชนทราบ หลังจากนั้นจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจัดรายการ สายล่อฟ้า มีการสนทนาถึงการเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ของโจทก์ร่วม โดยบอกให้ผู้ชมจิตนาการเองว่า โจทก์ร่วมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจอะไร พร้อมทั้งโชว์ป้ายคำว่า "เอาอยู่" และรูปประตูห้อง
เมื่อพิจารณาคำพูดของจำเลยทั้งสาม และแผ่นป้ายที่โชว์ในรายการแล้ว จำเลยทั้งสามย่อมทราบดีว่า ถ้อยคำสื่อไปถึงเรื่องใด เพราะข้อความในป้ายดังกล่าว มีความหมายต่างจากการวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ร่วมในเหตุการณ์น้ำท่วม เมื่อปี 2554 เมื่อพูดกับชื่อโจทก์ร่วม ทำให้ประชาชนที่รับฟังได้เข้าใจว่า ตัวโจทก์ร่วมกระทำเรื่องที่เสื่อมเสีย ทั้งที่มีสามี และบุตรอยู่แล้ว ทำเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย อับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม แม้จำเลยทั้งสามจะนำสืบต่อสู้ว่า เป็นการวิจารณ์การทำงานโจทก์ร่วมในฐานะผู้นำประเทศ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ประชุมสภา แต่กลับเดินทางไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ มองว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่การตรวจสอบ หรือติชมด้วยความเป็นธรรม แต่เป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม
ส่วนประเด็นดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่นั้น พยานหลักฐานของโจทก์ และโจทก์ร่วม ยังมีความสงสัยอยู่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยในประเด็นนี้
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท แต่จำเลยทั้งสามไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้โฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์รายวัน 5 ฉบับ เป็นเวลาจำนวน 7 วันติดต่อกัน
ภายหลัง นายศิริโชคให้สัมภาษณ์ว่า ศาลพิพากษาให้จำคุกข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แต่ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานศาลได้ยกฟ้อง เพราะศาลเห็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันว่า วันที่ไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ไปปฏิบัติราชการจริงหรือไม่ ฉะนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะถือว่าไปทำภารกิจส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ต้องเคารพต่อคำพิพากษาของศาล แล้วเตรียมตัวยื่นอุทธรณ์กันต่อไปในประเด็นเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพราะมองว่า ยังมีช่องทางที่จะให้ศาลยกฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทได้
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปก็คงจะต้องยื่นอุทธรณ์ ทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย โดยข้อกฎหมายนั้น เราได้ยื่นคำร้องต่ออัยการที่ไม่ไปสืบคดีที่ศาลลพบุรี เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการกล่าวอ้างถึงอาจารย์คนหนึ่งที่ จ.ลพบุรี ว่าให้คำจำกัดความคำว่า“เอาอยู่” แต่ทางอัยการไม่ได้ไปสืบพยานรายดังกล่าว พวกตนจึงยื่นคำร้อง เพราะเห็นว่า หากไม่ไป ถือเป็นการทิ้งคดี โดยให้ศาลวินิจฉัยว่า ขัดวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา166 โดยทั้ง 3 คน จะทำคำร้องเหมือนกัน และได้ปรึกษาทนายความเหมือนกันหมด โดยหวังว่าศาล อุทธรณ์จะให้ความยุติธรรม
นายเทพไท กล่าวว่า ในส่วนของแนวทางการอุทธรณ์ จะชี้ว่าการจัดรายการสายล่อฟ้าไม่ได้ใส่ร้าย หรือมีเจตนาหมิ่นประมาท และคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นบุคคลสาธารณะ สามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ศาลวินิจฉัยว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของพวกตน ไม่ได้เป็นการวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะฟ้อง 2 ประเด็น คือ หมิ่นประมาท กับประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการไปที่ ร.ร.โฟร์ซีซั่นส์ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่ข้อเท็จจริงตรงนั้นไม่มี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 และ 15 ก.พ.55 จำเลยได้ร่วมกันจัดรายการ“สายล่อฟ้า”ออกอากาศผ่านดาวเทียมบลูสกาย มีเนื้อหาหมิ่นประมาทใส่ความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหาย ทำนองว่า ไม่เข้าร่วมภารกิจประชุมของรัฐสภา และน่าจะเดินทางไปกระทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ โดยนายชวนนท์ นายเทพไท และนายศิริโชค จำเลยที่ 1-3 ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.55 ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่โจทก์ร่วมไม่ได้เข้าร่วมประชุม และเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ โดยไม่เปิดเผยข้อมูลให้สื่อมวลชนทราบ หลังจากนั้นจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจัดรายการ สายล่อฟ้า มีการสนทนาถึงการเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ของโจทก์ร่วม โดยบอกให้ผู้ชมจิตนาการเองว่า โจทก์ร่วมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจอะไร พร้อมทั้งโชว์ป้ายคำว่า "เอาอยู่" และรูปประตูห้อง
เมื่อพิจารณาคำพูดของจำเลยทั้งสาม และแผ่นป้ายที่โชว์ในรายการแล้ว จำเลยทั้งสามย่อมทราบดีว่า ถ้อยคำสื่อไปถึงเรื่องใด เพราะข้อความในป้ายดังกล่าว มีความหมายต่างจากการวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ร่วมในเหตุการณ์น้ำท่วม เมื่อปี 2554 เมื่อพูดกับชื่อโจทก์ร่วม ทำให้ประชาชนที่รับฟังได้เข้าใจว่า ตัวโจทก์ร่วมกระทำเรื่องที่เสื่อมเสีย ทั้งที่มีสามี และบุตรอยู่แล้ว ทำเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย อับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม แม้จำเลยทั้งสามจะนำสืบต่อสู้ว่า เป็นการวิจารณ์การทำงานโจทก์ร่วมในฐานะผู้นำประเทศ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ประชุมสภา แต่กลับเดินทางไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ มองว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่การตรวจสอบ หรือติชมด้วยความเป็นธรรม แต่เป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม
ส่วนประเด็นดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่นั้น พยานหลักฐานของโจทก์ และโจทก์ร่วม ยังมีความสงสัยอยู่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยในประเด็นนี้
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท แต่จำเลยทั้งสามไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้โฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์รายวัน 5 ฉบับ เป็นเวลาจำนวน 7 วันติดต่อกัน
ภายหลัง นายศิริโชคให้สัมภาษณ์ว่า ศาลพิพากษาให้จำคุกข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แต่ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานศาลได้ยกฟ้อง เพราะศาลเห็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันว่า วันที่ไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ไปปฏิบัติราชการจริงหรือไม่ ฉะนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะถือว่าไปทำภารกิจส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ต้องเคารพต่อคำพิพากษาของศาล แล้วเตรียมตัวยื่นอุทธรณ์กันต่อไปในประเด็นเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพราะมองว่า ยังมีช่องทางที่จะให้ศาลยกฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทได้
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปก็คงจะต้องยื่นอุทธรณ์ ทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย โดยข้อกฎหมายนั้น เราได้ยื่นคำร้องต่ออัยการที่ไม่ไปสืบคดีที่ศาลลพบุรี เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการกล่าวอ้างถึงอาจารย์คนหนึ่งที่ จ.ลพบุรี ว่าให้คำจำกัดความคำว่า“เอาอยู่” แต่ทางอัยการไม่ได้ไปสืบพยานรายดังกล่าว พวกตนจึงยื่นคำร้อง เพราะเห็นว่า หากไม่ไป ถือเป็นการทิ้งคดี โดยให้ศาลวินิจฉัยว่า ขัดวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา166 โดยทั้ง 3 คน จะทำคำร้องเหมือนกัน และได้ปรึกษาทนายความเหมือนกันหมด โดยหวังว่าศาล อุทธรณ์จะให้ความยุติธรรม
นายเทพไท กล่าวว่า ในส่วนของแนวทางการอุทธรณ์ จะชี้ว่าการจัดรายการสายล่อฟ้าไม่ได้ใส่ร้าย หรือมีเจตนาหมิ่นประมาท และคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นบุคคลสาธารณะ สามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ศาลวินิจฉัยว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของพวกตน ไม่ได้เป็นการวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะฟ้อง 2 ประเด็น คือ หมิ่นประมาท กับประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการไปที่ ร.ร.โฟร์ซีซั่นส์ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่ข้อเท็จจริงตรงนั้นไม่มี