xs
xsm
sm
md
lg

พิพากษายืนจำ 1 ปี ปรับ 5 หมื่น สามเกลอสายล่อฟ้า หมิ่นปู ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ โทษจำคุกรอลงอาญา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 1 ปี ปรับ 5 หมื่น สามเกลอผู้ดำเนินรายการสายล่อฟ้า “เทพไท-ศิริโชค-ชวนนท์” ผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย หมิ่น “ปู” ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ แต่โทษโทษจำคุกให้รอลงอาญา

วันนี้ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.630/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์และโจทก์ร่วมยื่นฟ้องนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์, นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328 และ 332 ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 และ 15 ก.พ. 2555 จำเลยได้ร่วมกันจัดรายการ “สายล่อฟ้า” ออกอากาศผ่านดาวเทียมบลูสกาย มีเนื้อหาหมิ่นประมาทใส่ความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหาย ทำนองว่าไม่เข้าร่วมภารกิจประชุมของรัฐสภา และน่าจะเดินทางไปกระทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามฟ้องจริงให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท แต่จำเลยทั้งสามไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

โดยในวันนี้ นายชวนนท์ นายเทพไท และนายศิริโชค จำเลยที่ 1-3 เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านย่อมมีหน้าที่ตรวจสอบโจทก์ร่วมซึ่งมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินหรือเรื่องส่วนตัว ศาลเห็นว่าโจทก์ร่วมมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ สามารถที่จะตรวจสอบได้ แต่การตรวจสอบต้องกระทำอยู่ภายใต้กฎหมาย หากการตรวจสอบกระทำไปโดยไม่คำนึงถึงผลที่เกิดและเผยแพร่ไปยังสื่อมวลชนทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย และอาจส่งผลสร้างความเสียหายไปถึงกระบวนการยุติธรรมได้ อีกทั้งการจัดรายการของจำเลยทั้งสามมีการใช้ถ้อยคำที่มีความหมายพิเศษ จากหลักฐานที่โจทก์ร่วมนำสืบว่าถ้อยคำของจำเลยทั้งสามแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่าการกระทำของโจทก์เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมทางเพศ

ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าคำฟ้องโจทก์เป็นการนำข้อความของจำเลยคนละช่วงในการจัดรายการมาปะปนกันและเป็นการคาดคะเนของโจทก์ร่วมเอง เห็นว่าการฟ้องโจทก์จำเป็นต้องนำข้อความในส่วนที่มีลักษณะหมิ่นประมาทโจทก์มายื่นฟ้อง การยื่นฟ้องดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นการตัดต่อข้อความ ซึ่งศาลจะเป็นผู้พิจารณาข้อความทั้งหมด ไม่ได้มีการพิจารณาเฉพาะข้อความบางท่อน ส่วนที่จำเลยอ้างว่าเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตเพื่อให้โจทก์ออกมาชี้แจงเหตุการณ์ที่ไปปฏิบัติภารกิจในวันดังกล่าว เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ได้เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตแต่ลักษณะการพูดเป็นการชี้นำในรายการ ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับที่จำเลยอ้าง ส่วนประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่า หากมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงถึงการทำภารกิจของโจทก์ร่วมในวันเกิดเหตุดังกล่าวจะเป็นเหตุไม่ต้องรับโทษเนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยไม่ได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวในการต่อสู้คดี ที่จำเลยอุทธรณ์มานั้นยังรับฟังไม่ได้ ส่วนที่โจทก์ร่วมขอให้มีการลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้น ศาลเห็นว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวตัวโจทก์ร่วมเองก็ไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้กระจ่าง การกระทำจำเลยต้องการให้โจทก์ร่วมออกมาชี้แจงเรื่องภารกิจในวันดังกล่าว การกระทำเป็นเจตนาดีสมควรให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องตามศาลชั้นต้น พิพากษายืนจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โทษจำให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายเทพไทขอปรึกษาทนายความก่อนว่าจะยื่นฎีกาต่อสู้คดีหรือไม่ เนื่องจากสองศาลพิพากษาตรงกัน หากจะยื่นฎีกาต่อสู้คดีจะต้องมีการขออนุญาตฎีกาอีกครั้ง
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น