วานนี้ (24ส.ค.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คนใหม่ กล่าวระหว่างมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร สธ. ว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้มาเป็น รมว.สธ. มีคนถามว่ามาคนเดียวกังวลหรือไม่ จริงๆ แล้วไม่กังวล เพราะมีคนทั้งกระทรวงฯ มาช่วยงาน เนื่องจากมีความใกล้ชิด สนิทสนมกับคนใน สธ.มานาน อีกทั้งก็ผลิตบัณฑิตแพทย์ออกมาส่วนใหญ่ก็มาทำงานในกระทรวงฯ เป็นพี่น้องที่มาเจอกัน ซึ่งตนก็จะมานำความร่วมมือของทุกคนไปสู่เป้าหมายก็ คือ สุขภาพของประชาชน ซึ่งการมารับตำแหน่งในครั้งนี้ ไม่มีเวลามาฮันนีมูน จึงต้องเร่งเดินหน้าทำงาน ซึ่งแนวทางการทำงานได้มีทีมที่ปรึกษามาช่วย 5 คน ได้แก่ 1.นพ.เสรี ตู้จินดา อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานกลุ่มที่ปรึกษา 2.นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นที่ปรึกษา แต่หากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี สธ.ว่าง ก็จะตั้งให้เป็นผู้ช่วย รมต.สธ. 3.นพ.กิตติศักดิ์ กลับดี เป็นเลขานุการ รมว.สธ. เคยเป็นรองปลัด สธ.น่าจะประสานงานต่างๆ ได้ดี 4.พญ.มยุรา กุสุมภ์ ที่ปรึกษา และ 5.นพ.ชาตรี บานชื่น อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นที่ปรึกษา
"ผมเป็นหมอผ่าตัด พูดไม่เก่ง แต่พอคิดได้ ปฏิบัติได้ มีคนมองว่าผมจะมาขจัดความขัดแย้งในกระทรวงฯ แต่เท่าที่พูดคุยกับปลัด สธ. ผมมองว่าไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความเห็นที่ไม่ตรงกันและแตกต่าง ซึ่งมาจากผู้ที่เก่งและดีทุกคน และอยากให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งหากนำความเห็นต่างมารวมเป็นแนวทางเดียวกัน ก็จะเกิดพลังมหาศาลก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ซึ่งการจะรวมความเห็นต่างเข้าด้วยกันได้นั้น คือผมต้องไปฟังทุกความเห็นก่อน โดยฟังแล้วต้องกล้าที่จะตัดสินใจ เพราะถ้าไม่ตัดสินใจก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อตัดสินใจแล้วทุกคนต้องยอมรับและคุยกันด้วยเหตุผล" รมว.สธ. กล่าว
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า สำหรับนโยบายที่จะดำเนินงานมี 8 ข้อ คือ 1.การพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2. บูรณาการองค์ประกอบและบทบาทเขตสุขภาพให้เป็นหนึ่งเดียวระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ สธ. เพื่อให้การดูแลสุขภาพคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 3. พัฒนาส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคประชาชนทุกกลุ่มวัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพและคุ้มครองผู้บริโภค ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยให้คนไทยมีโอกาสได้ร่วมคิด ร่วมนำ ร่วมทำ และร่วมรับผิดชอบ เป็นการอภิบาลแบบเครือข่าย 4. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ทั้งการเงินการคลัง กำลังคน และข้อมูลสุขภาพ เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปสาธารณสุขและปฏิรูปประเทศ ให้พลเมืองไทยมีสุขภาพแข็งแรง โดยเฉพาะข้อมูลสุขภาพจะต้องถูกต้องเชื่อถือได้ เพราะเป็นส่วนสำคัญในการใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา ส่วนเรื่องค่าตอบแทนต้องขอฟังความเห็นก่อน
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า 5.ให้ความสำคัญต่อการพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุขที่มีกว่า 3 แสนคน หากพัฒนาให้เป็นคนดี มีคุณภาพ และเก่ง ก็จะสามารถกระจายความรู้ ความรับผิดชอบไปยังประชาชนได้ นอกจากนี้ การสร้างขวัญกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทันต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน อย่างการขอตำแหน่งข้าราชการอีก 7,547 ตำแหน่ง ก็จะต้องดำเนินการให้ได้ แต่การบริหารกำลังคนสำคัญมาก จะต้องทราบว่ามีอัตราว่างของแต่ละหน่วยงานเท่าไร เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ที่ขอตำแหน่งข้าราชการเพิ่มไม่ได้ เพราะมีอัตราว่างเยอะ ซึ่งอาจเป็นอัตราว่างของแต่ละหน่วยงานแบบเล็กๆ น้อยๆ แต่รวมกันแล้วเยอะ 6.วิจัยและพัฒนาเพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาไทยและสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพครบวงจรและเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทย 7.เร่งรัดปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบกฎเกณฑ์ให้เอื้อต่อการปฏิบัติงานสาธารณสุข เพื่อประสิทธิผลที่ดีต่อสุขภาวะของประชาชน เพราะการทำงานบางอย่างยังติดข้อกฎหมาย การปรับตรงนี้จะเป็นการเข้าสู่ระบบใหม่ ทำให้การทำงานมุ่งไปข้างหน้า เพราะหากทำแบบเดิมก็เหมือนหมุนวนอยู่ในอ่าง ไม่เกิดการแก้ปัญหา และ 8. สนับสนุนกลไกการทำงานสาธารณสุขให้เป็นไปเพื่อส่งเสริมการสร้างความมั่นคงและความผาสุกของสังคมไทยและสังคมโลก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่ตัดสินใจมาดำรงตำแหน่งเพราะเหตุใด นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า เพราะคิดว่าพอมาช่วยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฟังความเห็นของแต่ละกลุ่มอย่างไร นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ก็คงต้องไปขอฟังความคิดเห็นของแต่ละกลุ่ม แต่คงไม่ใช่มานั่งฟังความเห็นที่นี่ อย่าง 12 เขตสุขภาพก็คงต้องไปดูเองว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่านายกฯ ได้สั่งงานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า นายกฯ บอกให้มาช่วยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจริงๆ ก็เป็นกระทรวงที่มีศักยภาพสูงอยู่แล้ว
"ผมเป็นหมอผ่าตัด พูดไม่เก่ง แต่พอคิดได้ ปฏิบัติได้ มีคนมองว่าผมจะมาขจัดความขัดแย้งในกระทรวงฯ แต่เท่าที่พูดคุยกับปลัด สธ. ผมมองว่าไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความเห็นที่ไม่ตรงกันและแตกต่าง ซึ่งมาจากผู้ที่เก่งและดีทุกคน และอยากให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งหากนำความเห็นต่างมารวมเป็นแนวทางเดียวกัน ก็จะเกิดพลังมหาศาลก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ซึ่งการจะรวมความเห็นต่างเข้าด้วยกันได้นั้น คือผมต้องไปฟังทุกความเห็นก่อน โดยฟังแล้วต้องกล้าที่จะตัดสินใจ เพราะถ้าไม่ตัดสินใจก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อตัดสินใจแล้วทุกคนต้องยอมรับและคุยกันด้วยเหตุผล" รมว.สธ. กล่าว
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า สำหรับนโยบายที่จะดำเนินงานมี 8 ข้อ คือ 1.การพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2. บูรณาการองค์ประกอบและบทบาทเขตสุขภาพให้เป็นหนึ่งเดียวระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ สธ. เพื่อให้การดูแลสุขภาพคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 3. พัฒนาส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคประชาชนทุกกลุ่มวัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพและคุ้มครองผู้บริโภค ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยให้คนไทยมีโอกาสได้ร่วมคิด ร่วมนำ ร่วมทำ และร่วมรับผิดชอบ เป็นการอภิบาลแบบเครือข่าย 4. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ทั้งการเงินการคลัง กำลังคน และข้อมูลสุขภาพ เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปสาธารณสุขและปฏิรูปประเทศ ให้พลเมืองไทยมีสุขภาพแข็งแรง โดยเฉพาะข้อมูลสุขภาพจะต้องถูกต้องเชื่อถือได้ เพราะเป็นส่วนสำคัญในการใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา ส่วนเรื่องค่าตอบแทนต้องขอฟังความเห็นก่อน
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า 5.ให้ความสำคัญต่อการพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุขที่มีกว่า 3 แสนคน หากพัฒนาให้เป็นคนดี มีคุณภาพ และเก่ง ก็จะสามารถกระจายความรู้ ความรับผิดชอบไปยังประชาชนได้ นอกจากนี้ การสร้างขวัญกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทันต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน อย่างการขอตำแหน่งข้าราชการอีก 7,547 ตำแหน่ง ก็จะต้องดำเนินการให้ได้ แต่การบริหารกำลังคนสำคัญมาก จะต้องทราบว่ามีอัตราว่างของแต่ละหน่วยงานเท่าไร เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ที่ขอตำแหน่งข้าราชการเพิ่มไม่ได้ เพราะมีอัตราว่างเยอะ ซึ่งอาจเป็นอัตราว่างของแต่ละหน่วยงานแบบเล็กๆ น้อยๆ แต่รวมกันแล้วเยอะ 6.วิจัยและพัฒนาเพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาไทยและสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพครบวงจรและเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทย 7.เร่งรัดปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบกฎเกณฑ์ให้เอื้อต่อการปฏิบัติงานสาธารณสุข เพื่อประสิทธิผลที่ดีต่อสุขภาวะของประชาชน เพราะการทำงานบางอย่างยังติดข้อกฎหมาย การปรับตรงนี้จะเป็นการเข้าสู่ระบบใหม่ ทำให้การทำงานมุ่งไปข้างหน้า เพราะหากทำแบบเดิมก็เหมือนหมุนวนอยู่ในอ่าง ไม่เกิดการแก้ปัญหา และ 8. สนับสนุนกลไกการทำงานสาธารณสุขให้เป็นไปเพื่อส่งเสริมการสร้างความมั่นคงและความผาสุกของสังคมไทยและสังคมโลก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่ตัดสินใจมาดำรงตำแหน่งเพราะเหตุใด นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า เพราะคิดว่าพอมาช่วยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฟังความเห็นของแต่ละกลุ่มอย่างไร นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ก็คงต้องไปขอฟังความคิดเห็นของแต่ละกลุ่ม แต่คงไม่ใช่มานั่งฟังความเห็นที่นี่ อย่าง 12 เขตสุขภาพก็คงต้องไปดูเองว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่านายกฯ ได้สั่งงานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า นายกฯ บอกให้มาช่วยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจริงๆ ก็เป็นกระทรวงที่มีศักยภาพสูงอยู่แล้ว