ASTVผู้จัดการรายวัน - ประชุมทีมที่ปรึกษา "หมอณรงค์" เสนอแคนดิเดตปลัด สธ.คนใหม่แสดงวิสัยทัศน์ต่อชาว สธ. "หมอวัลลภ" ย้ำต้องเข้าได้กับทุกฝ่าย ไม่อาฆาตพยาบาทหรือเข้ามาเอาคืน ด้านรองปลัด สธ.ร่อนหนังสือถึง ผอ.รพ.สธ. คุมการใช้เงินประกันสังคม หลัง สตง.ตรวจสอบพบส่อใช้เงินผิดหลักเกณฑ์ ใช้จ่ายโดยไม่เกี่ยวกับผู้ประกันตน
วานนี้ (16 ส.ค.) นพ.วัลลภ ไทยเหนือ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะทีมที่ปรึกษาปลัด สธ. กล่าวภายหลังประชุมทีมที่ปรึกษาปลัด สธ.ว่า ที่ประชุมเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือกันถึงการทำงานของ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. ในช่วงเวลาที่เหลือก่อนเกษียณอีกประมาณ 50 วันว่า จะดำเนินการอะไรอย่างไรบ้าง โดยมีเรื่องที่เร่งทำให้เสร็จและสรุปเพื่อเตรียมไว้สำหรับปลัด สธ.คนต่อไป เช่น การจัดสรรงบประมาณ การทำแผนเงินบำรุง การบรรจุอัตรากำลังบุคลากร สธ.ที่เหมาะสม โดยภาระงานที่ค้างอยู่อะไรที่มีประโยชน์ก็ต้องจัดทำข้อสรุปไว้ ซึ่งจะทำให้ปลัด สธ.คนใหม่เริ่มงานได้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ ที่ปรึกษาฯ มีความเห็นว่า แม้ว่าตำแหน่งปลัด สธ.คนใหม่ จะเป็นอำนาจของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่ในวาระที่อยู่ระหว่างการปฏิรูป ควรที่จะต้องให้ผู้ที่จะมาเป็นปลัด สธ.คนใหม่ หรือแคนดิเดตได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ต่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สธ.ด้วย ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งด้วยการแสดงวิสัยทัศน์น่าจะภูมิใจและได้รับการยอมรับ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากให้มีการแสดงวิสัยทัศน์จะถือเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีการให้แคนดิเดตปลัดกระทรวง แสดงวิสัยทัศน์มาก่อน ซึ่งมองว่าไม่เพียงแต่ สธ.เท่านั้น ข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ก็ควรมีการดำเนินการเช่นนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่แนวคิดที่จะเสนอต่อปลัด สธ.เท่านั้น
"ผู้ที่จะมาเป็นปลัด สธ.คนต่อไป ควรจะต้องเข้ากับทุกฝ่ายได้ดี ไม่มีความอาฆาตพยาบาท ไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองต้องเอาคืน หรือรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมแล้วต้องกลับมาเรียกหาความยุติธรรมบ้างแบบนั้นไม่ได้ จึงต้องดูที่วิสัยทัศน์การทำงาน ว่าจะทำให้กระทรวงก้าวหน้าไปในทิศทางใดได้ เพราะบุคลากรสาธารณสุขมีด้วยกันหลายระดับ จะทำงานด้วยความเห็นส่วนตัวไม่ได้ การได้รับฟังวิสัยทัศน์จึงจะทำให้ชาวสาธารณสุขยอมรับและทำงานร่วมกันได้ อย่างน้อยการแสดงวิสัยทัศน์ ก็ทำให้สังคมรับทราบโดยทั่วกันว่าทิศทางของกระทรวงจะเป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งปลัดคนต่อไป ถือว่ามีความสำคัญต่อการปฏิรูปกระทรวงอย่างยิ่ง" นพ.วัลลภ กล่าว
***จี้คุมการใช้เงินประกันสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.อำนวย กาจีนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งที่ สธ.0209.01/ว118 เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2558 ซึ่งเป็นช่วงระหว่างรักษาการปลัด สธ. ส่งถึงอธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) ทุกแห่ง เพื่อแจ้งแนวทางการปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเบิกจ่ายเงินประกันสังคม เนื่องจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ได้รับแจ้งจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า จากการตรวจสอบการจ่ายเงินประกันสังคมเป็นค่าตอบแทนบุคลากรสาธารณสุขของโรงพยาบาลสังกัด สป.สธ. พบว่า มีการจ่ายเงินไม่เป็นไปตามประกาศและหลักเกณฑ์ที่ สธ.กำหนด และมีการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ผู้ประกันตน เช่น จ่ายเป็นค่าตอบแทนแก่แพทย์ ทันตแพทย์ และบุคลากรทางการพยาบาลที่ปฏิบัติภารกิจออกหน่วยนอกโรงพยาบาล จ่ายค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมการ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ผู้ประกันตน และจ่ายเป็นค่าเครื่องแบบ เป็นต้น
หนังสือดังกล่าวระบุว่า สป.สธ.จึงขอแจ้งแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้ 1.หน่วยบริการทุกแห่ง ซึ่งได้รับเงินจากกองทุนประกันสังคม โปรดพิจารณาดำเนินการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินและกำหนดมาตรการควบคุมการเบิกจ่ายเงินให้มีความรัดกุมและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประกันตน ทั้งนี้ โดยคณะกรรมการประกันสังคมของหน่วยบริการ ควรพิจารณาเบิกจ่ายค่าตอบแทนตามประกาศของ สธ.ตามความเป็นจริง เป็นรายคาบและหรือตามปริมาณและคุณภาพของงานทั้งในและนอกเวลาราชการ ไม่ควรเบิกจ่ายในลักษณะเท่ากันทุกคนหรือจ่ายค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการผู้ประกันตน และ 2.ขอให้หน่วยบริการทุกแห่งซึ่งได้รับเงินจากกองทุนประกันสังคม กำกับดูแลให้การเบิกจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรจากเงินประกันสังคม ให้เป็นไปตามประกาศ สธ. โดยเคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการเบิกจ่ายเงินดังกล่าว.
วานนี้ (16 ส.ค.) นพ.วัลลภ ไทยเหนือ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะทีมที่ปรึกษาปลัด สธ. กล่าวภายหลังประชุมทีมที่ปรึกษาปลัด สธ.ว่า ที่ประชุมเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือกันถึงการทำงานของ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. ในช่วงเวลาที่เหลือก่อนเกษียณอีกประมาณ 50 วันว่า จะดำเนินการอะไรอย่างไรบ้าง โดยมีเรื่องที่เร่งทำให้เสร็จและสรุปเพื่อเตรียมไว้สำหรับปลัด สธ.คนต่อไป เช่น การจัดสรรงบประมาณ การทำแผนเงินบำรุง การบรรจุอัตรากำลังบุคลากร สธ.ที่เหมาะสม โดยภาระงานที่ค้างอยู่อะไรที่มีประโยชน์ก็ต้องจัดทำข้อสรุปไว้ ซึ่งจะทำให้ปลัด สธ.คนใหม่เริ่มงานได้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ ที่ปรึกษาฯ มีความเห็นว่า แม้ว่าตำแหน่งปลัด สธ.คนใหม่ จะเป็นอำนาจของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่ในวาระที่อยู่ระหว่างการปฏิรูป ควรที่จะต้องให้ผู้ที่จะมาเป็นปลัด สธ.คนใหม่ หรือแคนดิเดตได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ต่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สธ.ด้วย ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งด้วยการแสดงวิสัยทัศน์น่าจะภูมิใจและได้รับการยอมรับ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากให้มีการแสดงวิสัยทัศน์จะถือเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีการให้แคนดิเดตปลัดกระทรวง แสดงวิสัยทัศน์มาก่อน ซึ่งมองว่าไม่เพียงแต่ สธ.เท่านั้น ข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ก็ควรมีการดำเนินการเช่นนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่แนวคิดที่จะเสนอต่อปลัด สธ.เท่านั้น
"ผู้ที่จะมาเป็นปลัด สธ.คนต่อไป ควรจะต้องเข้ากับทุกฝ่ายได้ดี ไม่มีความอาฆาตพยาบาท ไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองต้องเอาคืน หรือรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมแล้วต้องกลับมาเรียกหาความยุติธรรมบ้างแบบนั้นไม่ได้ จึงต้องดูที่วิสัยทัศน์การทำงาน ว่าจะทำให้กระทรวงก้าวหน้าไปในทิศทางใดได้ เพราะบุคลากรสาธารณสุขมีด้วยกันหลายระดับ จะทำงานด้วยความเห็นส่วนตัวไม่ได้ การได้รับฟังวิสัยทัศน์จึงจะทำให้ชาวสาธารณสุขยอมรับและทำงานร่วมกันได้ อย่างน้อยการแสดงวิสัยทัศน์ ก็ทำให้สังคมรับทราบโดยทั่วกันว่าทิศทางของกระทรวงจะเป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งปลัดคนต่อไป ถือว่ามีความสำคัญต่อการปฏิรูปกระทรวงอย่างยิ่ง" นพ.วัลลภ กล่าว
***จี้คุมการใช้เงินประกันสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.อำนวย กาจีนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งที่ สธ.0209.01/ว118 เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2558 ซึ่งเป็นช่วงระหว่างรักษาการปลัด สธ. ส่งถึงอธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) ทุกแห่ง เพื่อแจ้งแนวทางการปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเบิกจ่ายเงินประกันสังคม เนื่องจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ได้รับแจ้งจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า จากการตรวจสอบการจ่ายเงินประกันสังคมเป็นค่าตอบแทนบุคลากรสาธารณสุขของโรงพยาบาลสังกัด สป.สธ. พบว่า มีการจ่ายเงินไม่เป็นไปตามประกาศและหลักเกณฑ์ที่ สธ.กำหนด และมีการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ผู้ประกันตน เช่น จ่ายเป็นค่าตอบแทนแก่แพทย์ ทันตแพทย์ และบุคลากรทางการพยาบาลที่ปฏิบัติภารกิจออกหน่วยนอกโรงพยาบาล จ่ายค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมการ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ผู้ประกันตน และจ่ายเป็นค่าเครื่องแบบ เป็นต้น
หนังสือดังกล่าวระบุว่า สป.สธ.จึงขอแจ้งแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้ 1.หน่วยบริการทุกแห่ง ซึ่งได้รับเงินจากกองทุนประกันสังคม โปรดพิจารณาดำเนินการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินและกำหนดมาตรการควบคุมการเบิกจ่ายเงินให้มีความรัดกุมและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประกันตน ทั้งนี้ โดยคณะกรรมการประกันสังคมของหน่วยบริการ ควรพิจารณาเบิกจ่ายค่าตอบแทนตามประกาศของ สธ.ตามความเป็นจริง เป็นรายคาบและหรือตามปริมาณและคุณภาพของงานทั้งในและนอกเวลาราชการ ไม่ควรเบิกจ่ายในลักษณะเท่ากันทุกคนหรือจ่ายค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการผู้ประกันตน และ 2.ขอให้หน่วยบริการทุกแห่งซึ่งได้รับเงินจากกองทุนประกันสังคม กำกับดูแลให้การเบิกจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรจากเงินประกันสังคม ให้เป็นไปตามประกาศ สธ. โดยเคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการเบิกจ่ายเงินดังกล่าว.