วานนี้ (24ส.ค.) หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม พร้อมคณะเข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ติดตามความคืบหน้า การปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจแผ่นดิน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้วินิจฉัยว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อาบัติปราชิกแล้ว ตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า ที่เดินทางมาครั้งนี้ ต้องการทราบหนังสือตอบรับจากนายกรัฐมนตรี และหัวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) ที่ส่งมายังผู้ตรวจฯ ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร และอยากให้ผู้ตรวจฯ ไปติดตามทวงถามความคืบหน้าจาก 4 หน่วยงาน คือ
1. กองบังคับการกองปราบปราม ที่ตนเองได้แจ้งความให้เอาผิด พระธัมมชโย ที่แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ เพราะเมื่อผู้ตรวจฯ มีคำวินิจฉัยแล้วว่า พระธัมมชโย อาบัติปราชิก ตั้งแต่ปี 2542 แต่ถึงวันนี้กองปราบฯ ก็ยังไม่ดำเนินการใด 2. สำนักงานอัยการสูงสุด ที่ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาว่า จะรื้อฟื้นคดีพระธัมมชโย ขึ้นใหม่ได้หรือไม่ 3. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ตนได้แจ้งความไว้ ว่าสำนักพระพุทธศาสนา และเจ้าคณะปกครอง นำชื่อของพระธัมมชโย ไปขอรับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นเทพ ทั้งที่คำวินิจฉัยผู้ตรวจฯ ชัดเจนแล้วว่า พระธัมมชโย ไม่ใช่พระ จึงถือเป็นการหลอกลวงเบื้องสูง และ 4. ทางสำนักพระพุทธศาสนาได้มีการดำเนินการอย่างไรบ้าง หลังได้รับคำวินิจฉัยผู้ตรวจฯ ว่า พระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช เป็นพระวินิจฉัย ไม่ใช่พระดำริ เพราะการประชุมมหาเถรสมาคมล่าสุด ไม่พบว่ามีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นพิจารณา ทั้งที่มีพระผู้ใหญ่ท้วงติง
"อยากให้ผู้ตรวจฯ ติดตามเรื่องนี้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจน และเป็นที่ยุติ โดยอยากให้ทำแล้วเสร็จก่อนที่จะมีการถวายพระเพลิงสมเด็จพระสังฆราช ในเดือนธ.ค.นี้ เพราะถ้าหากทิ้งแล้วจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ทำให้กลายเป็นการถวายพระเพลิงสมเด็จพระสังฆราช ที่มีมลทิน และเรื่องดังกล่าว จะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับพระธรรมวินัยและหมู่พระสงฆ์ ต้องแตกแยก เพราะล่าสุด พระสงฆ์วัดพระธรรมกาย ออกบิณฑบาตร ก็ถูกประท้วง ซึ่งก็เป็นภาพที่ไม่ดีกับวงการสงฆ์ " หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าว พร้อมกับขอบคุณผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้ทำเรื่องนี้จนกระจ่างว่า พระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ไม่ใช่พระดำริ
1. กองบังคับการกองปราบปราม ที่ตนเองได้แจ้งความให้เอาผิด พระธัมมชโย ที่แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ เพราะเมื่อผู้ตรวจฯ มีคำวินิจฉัยแล้วว่า พระธัมมชโย อาบัติปราชิก ตั้งแต่ปี 2542 แต่ถึงวันนี้กองปราบฯ ก็ยังไม่ดำเนินการใด 2. สำนักงานอัยการสูงสุด ที่ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาว่า จะรื้อฟื้นคดีพระธัมมชโย ขึ้นใหม่ได้หรือไม่ 3. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ตนได้แจ้งความไว้ ว่าสำนักพระพุทธศาสนา และเจ้าคณะปกครอง นำชื่อของพระธัมมชโย ไปขอรับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นเทพ ทั้งที่คำวินิจฉัยผู้ตรวจฯ ชัดเจนแล้วว่า พระธัมมชโย ไม่ใช่พระ จึงถือเป็นการหลอกลวงเบื้องสูง และ 4. ทางสำนักพระพุทธศาสนาได้มีการดำเนินการอย่างไรบ้าง หลังได้รับคำวินิจฉัยผู้ตรวจฯ ว่า พระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช เป็นพระวินิจฉัย ไม่ใช่พระดำริ เพราะการประชุมมหาเถรสมาคมล่าสุด ไม่พบว่ามีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นพิจารณา ทั้งที่มีพระผู้ใหญ่ท้วงติง
"อยากให้ผู้ตรวจฯ ติดตามเรื่องนี้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจน และเป็นที่ยุติ โดยอยากให้ทำแล้วเสร็จก่อนที่จะมีการถวายพระเพลิงสมเด็จพระสังฆราช ในเดือนธ.ค.นี้ เพราะถ้าหากทิ้งแล้วจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ทำให้กลายเป็นการถวายพระเพลิงสมเด็จพระสังฆราช ที่มีมลทิน และเรื่องดังกล่าว จะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับพระธรรมวินัยและหมู่พระสงฆ์ ต้องแตกแยก เพราะล่าสุด พระสงฆ์วัดพระธรรมกาย ออกบิณฑบาตร ก็ถูกประท้วง ซึ่งก็เป็นภาพที่ไม่ดีกับวงการสงฆ์ " หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าว พร้อมกับขอบคุณผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้ทำเรื่องนี้จนกระจ่างว่า พระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ไม่ใช่พระดำริ