ASTVผู้จัดการรายวัน – “นีลเส็น” ดิ้นสู้ “MRB” เปิดตัว”ดิจิตอล แอด เรตติ้ง” เชื่อบริการใหม่ดึงลูกค้าติดหนึบ ชูความเป็นอิสระเป็นกลางในการวิจัยเรตติ้งสู้คู่แข่ง ไม่อัพราคาค่าบริการ ลั่นพร้อมจับมือกับทุกฝ่ายให้ความร่วมมือจัดทำวิจัยกับMRB
นายสินธุ์ เภตรารัตน์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจมีเดีย บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจงานวิจัยเรตติ้งโฆษณาถือเป็นตลาดเปิดไม่ใช่ตลาดผูกขาด เมื่อมีผู้เล่นเข้ามาใหม่ ย่อมเกิดการแข่งขัน แม้ว่านีลเส็นจะเข้ามาทำธุรกิจวิจัยเรตติ้งโฆษณาในไทยตั้งแต่ปี2528 ก็ตาม แต่ก็ต้องมีการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางนีลเส็นเองพร้อมที่จะนำเสนอบริการใหม่ๆที่คุ้มค่าและคุ้มราคาให้กับลูกค้าต่อไปให้มากที่สุด โดยยืนยันที่จะยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่ทั้งนี้มั่นใจว่านีลเส็นจะยังคงเดินหน้าธุรกิจงานวิจัยโฆษณาในไทยอย่างต่อเนื่อง
“ตลาดวิจัยโฆษณาเมื่อมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาอาจจะต้องคิดหนักหน่อย เมื่อเทียบกับรายเดิมที่อยู่มานานกว่า และมีบริการพัฒนานำเสนอไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งทางนีลเส็นเองพร้อมที่จะพัฒนาบริการใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง และคิดราคาค่าบริการที่เหมาะสมกับสภาพตลาดที่ลูกค้ารับได้ ไม่ผูกมัดลูกค้า ในการเซ็นสัญญาใช้บริการทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว ที่สำคัญจากความเป็นบริษัทอิสระไม่ขึ้นกับองค์กรใด ย่อมมีความเป็นกลางสูงในการนำเสนองานวิจัยโฆษณา”
ดังนั้นในอนาคตถึงแม้จะมีผู้เล่นเข้ามาใหม่ และราคาค่าบริการจะแข่งขันสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญของตลาดนี้ก็ตาม แต่ทางนีลเส็นยังคงราคาค่าบริการเดิม หรืออยู่ในราคาที่ลูกค้าซื้อได้และคุ้มค่ากับที่ซื้อไป ที่สำคัญทางนีลเส็นยังพร้อมทำงานร่วมกับทางสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย ที่ได้ตั้งหน่วยงาน Media Research Bureau หรือ MRB ด้วย”
นายสินธุ์ กล่าวต่อว่า จากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ของไทยที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่บริษัทให้บริการวิจัยเรตติ้งโฆษณาในสื่อทีวีเป็นหลัก ในช่วง2ปีที่ผ่านมา ทางนีลเส็นได้ร่วมกับทางยูนิลีเวอร์ และมายแชร์ ในลงทุนและเดินหน้าพัฒนาบริการใหม่ คือ ”ดิจิตอล แอด เรตติ้ง” รวมทั้งหมด 3 เฟส เริ่มจาก 1.เฟสแรก การวิจัยเรตติ้งโฆษณาในสื่อออนไลน์ผ่านทางแล็ปท็อปและเดรสท็อป ภายใต้กลุ่มตัวอย่าง 3 ทาง คือ 1.ผู้ใช้งานผ่านแล็ปท็อป และเดสก์ท็อป 65,000 ราย 2.การจับมือกับทางเฟซบุคด้วยจำนวนผู้ใช้เฟซบุคในไทยอีก 20-22 ล้านยูสเซอร์
3.คอนซูเมอร์ มีเดีย วิว อีก 9,000 คน ซึ่งได้มีการทดลองการทำงานผ่านการฝังโค้ดไปยังโฆษณาชิ้นนั้น รวมกว่า 100 แคมเปญตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ในการหาค่าเรตติ้งการเข้าถึงแคมเปญโฆษณาชิ้นนั้นในโลกออนไลน์ว่ามีมากเพียงใด และตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากน้อยเพียงใด ซึ่งผลวิจัยดังกล่าวส่งผลให้ในปีนี้ยอดการใช้เงินโฆษณาในสื่อออนไลน์โตขึ้นกว่า 30% หรือคิดเป็น 5.6% เมื่อเทียบกับเม็ดเงินโฆษณารวมที่ใช้ในสื่อทีวีทั้งหมด
2.เฟสสอง การทำงานคล้ายกับเฟสแรก แต่จะเพิ่มกลุ่มตัวอย่างที่ใช้งานออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน และแท็ปเล็ตเข้ามา คาดว่าจะเปิดใช้บริการเฟสที่สองปลายปีนี้ และ 3.เฟสสาม จะเป็น ดิจิตอล คอนเทนต์ เรตติ้ง ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาและยังไม่มีแผนในการเปิดใช้บริการ จนกว่า 2 เฟสแรกจะทำงานได้อย่างดี ซึ่งเป็นบริการที่ขึ้นตรงกับลูกค้าแต่ละรายที่ต้องการใช้บริการ ถือเป็นบริการที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง
“ดิจิตอล แอด เรตติ้ง ทั้ง2เฟส จะเป็นการคำนวนหาค่าสถิติตัวเลขผู้บริโภคที่เข้าถึงโฆษณาชิ้นนั้นๆในช่องทางออนไลน์ทั้งเดสก์ท็อป แล็ปท็อป มือถือ และสมาร์ทโฟน ผ่านกลุ่มตัวอย่างที่ใช้งานไม่ต่ำกว่า 22 ล้านคน สามารถหาค่าสถิติตัวเลขที่ทับซ้อนกันของโฆษณาชิ้นนั้นระหว่างสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องว่างของตลาดนี้ที่ยังไม่มีใครสามารถเก็บตัวเลขนี้ได้ เช่นเดียวกัน ดิจิตอล คอนเทนต์ เรตติ้ง เพียงเปลี่ยนจากโฆษณามาเป็นคอนเทนต์รายการ และต้องขึ้นอยู่กับแต่ละสถานีด้วย จึงจะหาค่าสถิติเหล่านี้ได้ ในการนำมาใช้หาค่าเรตติ้งและทางเลือกในการสร้างกลุ่มผ็ชมในช่องทางต่างๆของแต่ละสถานีให้ดียิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตามบริการ ดิจิตอล แอด เรตติ้ง จะเปิดให้บริการพร้อมกันใน 16ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็น 95% ของตลาดโฆษณาในอไลน์ของโลก ขณะที่ปัจจุบันตลาดโฆษณาของไทยในสื่อออนไลน์มีสัดส่วนที่ 5.6% เทียบกับระดับโกลบอลที่มีสัดส่วนสูงถึง28.78% ถือว่าน้อยมาก ขณะที่ในอเมริกามีสัดส่วน 31% เยอรมัน 24.07% และญี่ปุ่นมีสัดส่วน 23.91% ส่งผลให้เชื่อว่าไทยมีโอกาสเติบโตขึ้นไปถึงในระดับนั้นได้เช่นเดียวกัน ส่วนจะเกิดได้เร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การเข้าถึงเรื่องมือและอุปกรณ์กัดเจ็ทต่างๆ ราคามือถือและอุปกรณ์เหล่านี้ถูกลง มือถือเข้าถึงระบบ4Gหรือมากกว่า และซิมหรือระบบอินเตอร์เน็ตที่ดีมีความไวสูงก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดโฆษณาออนไลน์จะเติบโตได้อีกมาก
นายสินธุ์ กล่าวสรุปว่า ปัจจุบันกลุ่มอย่างของนีลเส็นในช่องทางทีวีมีอยู่ 2,200 ครัวเรือน เทียบกับของMRB ที่มีกว่า 3,000 ครัวเรือน พบว่าความคลาดเคลื่อนห่างกันเพียง 0.05% เท่านั้น ทางนีลเส็นเชื่อว่าด้วยกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม บวกกับกลุ่มตัวอย่างออนไลน์กว่า 22 ล้านรายในมีอยู่ในมือผ่านความร่วมมือกับทางเฟซบุค จะเป็นบริการใหม่ที่ลูกค้าจะให้การตอบรับที่ดี ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาเซ็นสัญญาเลือกใช้บริการ ดิจิตอล แอด เรตติ้ง แล้วหลายราย โดยเฉพาะสถานีที่มีเว็บไซด์และช่องทางรับชมอื่นๆให้ความสนใจอย่างมาก เช่น แกรมมี่, ช่อง7, เวิร์คพ้อยท์ทีวี และไทยรัฐทีวี เป็นต้น ทั้งนี้นีลสันพร้อมนำเสนอแก่ลูกค้าทุกราย ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม รวมถึงเอเจนซี่ด้วย มีการเซ็นสัญญาทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อปี ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะเลือกใช้บริการของใคร
นายสินธุ์ เภตรารัตน์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจมีเดีย บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจงานวิจัยเรตติ้งโฆษณาถือเป็นตลาดเปิดไม่ใช่ตลาดผูกขาด เมื่อมีผู้เล่นเข้ามาใหม่ ย่อมเกิดการแข่งขัน แม้ว่านีลเส็นจะเข้ามาทำธุรกิจวิจัยเรตติ้งโฆษณาในไทยตั้งแต่ปี2528 ก็ตาม แต่ก็ต้องมีการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางนีลเส็นเองพร้อมที่จะนำเสนอบริการใหม่ๆที่คุ้มค่าและคุ้มราคาให้กับลูกค้าต่อไปให้มากที่สุด โดยยืนยันที่จะยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่ทั้งนี้มั่นใจว่านีลเส็นจะยังคงเดินหน้าธุรกิจงานวิจัยโฆษณาในไทยอย่างต่อเนื่อง
“ตลาดวิจัยโฆษณาเมื่อมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาอาจจะต้องคิดหนักหน่อย เมื่อเทียบกับรายเดิมที่อยู่มานานกว่า และมีบริการพัฒนานำเสนอไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งทางนีลเส็นเองพร้อมที่จะพัฒนาบริการใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง และคิดราคาค่าบริการที่เหมาะสมกับสภาพตลาดที่ลูกค้ารับได้ ไม่ผูกมัดลูกค้า ในการเซ็นสัญญาใช้บริการทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว ที่สำคัญจากความเป็นบริษัทอิสระไม่ขึ้นกับองค์กรใด ย่อมมีความเป็นกลางสูงในการนำเสนองานวิจัยโฆษณา”
ดังนั้นในอนาคตถึงแม้จะมีผู้เล่นเข้ามาใหม่ และราคาค่าบริการจะแข่งขันสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญของตลาดนี้ก็ตาม แต่ทางนีลเส็นยังคงราคาค่าบริการเดิม หรืออยู่ในราคาที่ลูกค้าซื้อได้และคุ้มค่ากับที่ซื้อไป ที่สำคัญทางนีลเส็นยังพร้อมทำงานร่วมกับทางสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย ที่ได้ตั้งหน่วยงาน Media Research Bureau หรือ MRB ด้วย”
นายสินธุ์ กล่าวต่อว่า จากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ของไทยที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่บริษัทให้บริการวิจัยเรตติ้งโฆษณาในสื่อทีวีเป็นหลัก ในช่วง2ปีที่ผ่านมา ทางนีลเส็นได้ร่วมกับทางยูนิลีเวอร์ และมายแชร์ ในลงทุนและเดินหน้าพัฒนาบริการใหม่ คือ ”ดิจิตอล แอด เรตติ้ง” รวมทั้งหมด 3 เฟส เริ่มจาก 1.เฟสแรก การวิจัยเรตติ้งโฆษณาในสื่อออนไลน์ผ่านทางแล็ปท็อปและเดรสท็อป ภายใต้กลุ่มตัวอย่าง 3 ทาง คือ 1.ผู้ใช้งานผ่านแล็ปท็อป และเดสก์ท็อป 65,000 ราย 2.การจับมือกับทางเฟซบุคด้วยจำนวนผู้ใช้เฟซบุคในไทยอีก 20-22 ล้านยูสเซอร์
3.คอนซูเมอร์ มีเดีย วิว อีก 9,000 คน ซึ่งได้มีการทดลองการทำงานผ่านการฝังโค้ดไปยังโฆษณาชิ้นนั้น รวมกว่า 100 แคมเปญตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ในการหาค่าเรตติ้งการเข้าถึงแคมเปญโฆษณาชิ้นนั้นในโลกออนไลน์ว่ามีมากเพียงใด และตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากน้อยเพียงใด ซึ่งผลวิจัยดังกล่าวส่งผลให้ในปีนี้ยอดการใช้เงินโฆษณาในสื่อออนไลน์โตขึ้นกว่า 30% หรือคิดเป็น 5.6% เมื่อเทียบกับเม็ดเงินโฆษณารวมที่ใช้ในสื่อทีวีทั้งหมด
2.เฟสสอง การทำงานคล้ายกับเฟสแรก แต่จะเพิ่มกลุ่มตัวอย่างที่ใช้งานออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน และแท็ปเล็ตเข้ามา คาดว่าจะเปิดใช้บริการเฟสที่สองปลายปีนี้ และ 3.เฟสสาม จะเป็น ดิจิตอล คอนเทนต์ เรตติ้ง ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาและยังไม่มีแผนในการเปิดใช้บริการ จนกว่า 2 เฟสแรกจะทำงานได้อย่างดี ซึ่งเป็นบริการที่ขึ้นตรงกับลูกค้าแต่ละรายที่ต้องการใช้บริการ ถือเป็นบริการที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง
“ดิจิตอล แอด เรตติ้ง ทั้ง2เฟส จะเป็นการคำนวนหาค่าสถิติตัวเลขผู้บริโภคที่เข้าถึงโฆษณาชิ้นนั้นๆในช่องทางออนไลน์ทั้งเดสก์ท็อป แล็ปท็อป มือถือ และสมาร์ทโฟน ผ่านกลุ่มตัวอย่างที่ใช้งานไม่ต่ำกว่า 22 ล้านคน สามารถหาค่าสถิติตัวเลขที่ทับซ้อนกันของโฆษณาชิ้นนั้นระหว่างสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องว่างของตลาดนี้ที่ยังไม่มีใครสามารถเก็บตัวเลขนี้ได้ เช่นเดียวกัน ดิจิตอล คอนเทนต์ เรตติ้ง เพียงเปลี่ยนจากโฆษณามาเป็นคอนเทนต์รายการ และต้องขึ้นอยู่กับแต่ละสถานีด้วย จึงจะหาค่าสถิติเหล่านี้ได้ ในการนำมาใช้หาค่าเรตติ้งและทางเลือกในการสร้างกลุ่มผ็ชมในช่องทางต่างๆของแต่ละสถานีให้ดียิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตามบริการ ดิจิตอล แอด เรตติ้ง จะเปิดให้บริการพร้อมกันใน 16ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็น 95% ของตลาดโฆษณาในอไลน์ของโลก ขณะที่ปัจจุบันตลาดโฆษณาของไทยในสื่อออนไลน์มีสัดส่วนที่ 5.6% เทียบกับระดับโกลบอลที่มีสัดส่วนสูงถึง28.78% ถือว่าน้อยมาก ขณะที่ในอเมริกามีสัดส่วน 31% เยอรมัน 24.07% และญี่ปุ่นมีสัดส่วน 23.91% ส่งผลให้เชื่อว่าไทยมีโอกาสเติบโตขึ้นไปถึงในระดับนั้นได้เช่นเดียวกัน ส่วนจะเกิดได้เร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การเข้าถึงเรื่องมือและอุปกรณ์กัดเจ็ทต่างๆ ราคามือถือและอุปกรณ์เหล่านี้ถูกลง มือถือเข้าถึงระบบ4Gหรือมากกว่า และซิมหรือระบบอินเตอร์เน็ตที่ดีมีความไวสูงก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดโฆษณาออนไลน์จะเติบโตได้อีกมาก
นายสินธุ์ กล่าวสรุปว่า ปัจจุบันกลุ่มอย่างของนีลเส็นในช่องทางทีวีมีอยู่ 2,200 ครัวเรือน เทียบกับของMRB ที่มีกว่า 3,000 ครัวเรือน พบว่าความคลาดเคลื่อนห่างกันเพียง 0.05% เท่านั้น ทางนีลเส็นเชื่อว่าด้วยกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม บวกกับกลุ่มตัวอย่างออนไลน์กว่า 22 ล้านรายในมีอยู่ในมือผ่านความร่วมมือกับทางเฟซบุค จะเป็นบริการใหม่ที่ลูกค้าจะให้การตอบรับที่ดี ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาเซ็นสัญญาเลือกใช้บริการ ดิจิตอล แอด เรตติ้ง แล้วหลายราย โดยเฉพาะสถานีที่มีเว็บไซด์และช่องทางรับชมอื่นๆให้ความสนใจอย่างมาก เช่น แกรมมี่, ช่อง7, เวิร์คพ้อยท์ทีวี และไทยรัฐทีวี เป็นต้น ทั้งนี้นีลสันพร้อมนำเสนอแก่ลูกค้าทุกราย ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม รวมถึงเอเจนซี่ด้วย มีการเซ็นสัญญาทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อปี ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะเลือกใช้บริการของใคร