ชาวบ้านเข้าสำรวจพื้นที่ป่าพรุ ม.3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน หลังนายทุนบุกรุกเกือบ 500 ไร่ เตรียมปลูกปาล์มน้ำมัน สลด! พบนกน้ำตกลงมาตายเกลื่อน หลังต้นเสม็ดขาวที่เป็นที่อยู่อาศัย และขยายพันธุ์ถูกไถทำลาย ยังพบที่ดินติดกันกว่า 400 ไร่ ส่อบุกรุกป่าเช่นกัน แฉเป็นที่ดินของนายทหารระดับเสนาธิการ นำเครื่องจักรกลกองพันพัฒนาภาค 4 เข้าปรับไถพื้นที่ จี้ภาครัฐยึดคืน ชาวบ้านครวญอยู่อาศัยมานานแต่ขอเอกสารสิทธิไม่ได้ ให้แต่นายทุน
วานนี้ (10 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกรณีที่กลุ่มนายทุนโดยบริษัทปาล์มไทยพัฒนาจำกัด ได้นำรถแบ็กโฮขุดปรับสภาพป่าพรุเสม็ดขาวในพื้นที่ หมู่ 3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง จนได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 450 ไร่ โดยบริษัทอ้างเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.ในพื้นที่ 920 ไร่ ขณะที่ชาวบ้านระบุว่า พื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นป่าอนุรักษ์ที่ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา และเป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำกว่า 51 ชนิด ซึ่งล่าสุด ทางจังหวัดพัทลุง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่งตื่นตัว และสั่งตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวว่าออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวทางบริษัทได้ยุติการขุดไปชั่วคราวจนกว่าจะมีการพิสูจน์สิทธิให้แน่ชัดอีกครั้ง
แต่จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพัทลุง พร้อมชาวบ้านในพื้นที่พบว่า บริเวณรอบๆพื้นที่ที่ทางบริษัทดำเนินการขุดไปจำนวนหนึ่ง และที่เหลืออยู่เป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำจำนวนมากที่ทำรังอยู่บนต้นเสม็ดขาว และตามโคนต้นเสม็ดขาวที่ใกล้กับการนำรถแบ็กโฮขุดพบนกน้ำตัวอ่อนหลายชนิดตกลงมาจากรังตายเป็นจำนวนมาก ทำให้งู และสุนัขเข้าไปหาซากลูกนกกิน ซึ่งชาวบ้านเห็นแล้วหดหู่ใจยิ่งนัก
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าพื้นที่บริเวณใกล้กับแปลงของนายทุนห่างออกไปทางเหนือประมาณ 800 เมตร มีพื้นที่ที่มีการยกร่องปลูกปาล์มอายุราว 6 เดือน ในพื้นที่กว่า 400 ไร่ อยู่ในกลางป่าพรุเสม็ดขาว ซึ่งชาวบ้านระบุว่า เป็นอีก 1 แปลงที่สงสัยว่ามีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และในการดำเนินการขุดนั้นได้นำรถแบ็กโฮของหน่วยทหารพัฒนาภาค 4 กองบัญชาการทหารสูงสุดกองทัพไทย เข้ามาดำเนินการขุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อใช้พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นของนายทหารระดับเสนาธิการนายหนึ่งในหน่วยทหารพัฒนาภาค 4 พัทลุง ซึ่งเบื้องต้นทาง นายบัณฑิต สุภาไชยกิจ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าตรวจสอบ
ขณะที่ชาวบ้านท่าเนียน หมู่ 3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ยังระบุอีกว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่กว่า 140 ครอบครัว ในพื้นที่ดังกล่าวโดยอาศัยทำกินมานานกว่า 2 ชั่วอายุคน มีพื้นที่ทำกิน และสร้างบ้านที่อยู่อาศัย 5-10 ไร่ แต่เมื่อจะไปขอออกเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินโดยร้องขอมานานกว่า 3 ครั้งแล้ว แต่ทางที่ดินอำเภอปากพะยูนไม่เคยให้ความสนใจ
วานนี้ (10 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกรณีที่กลุ่มนายทุนโดยบริษัทปาล์มไทยพัฒนาจำกัด ได้นำรถแบ็กโฮขุดปรับสภาพป่าพรุเสม็ดขาวในพื้นที่ หมู่ 3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง จนได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 450 ไร่ โดยบริษัทอ้างเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.ในพื้นที่ 920 ไร่ ขณะที่ชาวบ้านระบุว่า พื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นป่าอนุรักษ์ที่ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา และเป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำกว่า 51 ชนิด ซึ่งล่าสุด ทางจังหวัดพัทลุง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่งตื่นตัว และสั่งตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวว่าออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวทางบริษัทได้ยุติการขุดไปชั่วคราวจนกว่าจะมีการพิสูจน์สิทธิให้แน่ชัดอีกครั้ง
แต่จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพัทลุง พร้อมชาวบ้านในพื้นที่พบว่า บริเวณรอบๆพื้นที่ที่ทางบริษัทดำเนินการขุดไปจำนวนหนึ่ง และที่เหลืออยู่เป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำจำนวนมากที่ทำรังอยู่บนต้นเสม็ดขาว และตามโคนต้นเสม็ดขาวที่ใกล้กับการนำรถแบ็กโฮขุดพบนกน้ำตัวอ่อนหลายชนิดตกลงมาจากรังตายเป็นจำนวนมาก ทำให้งู และสุนัขเข้าไปหาซากลูกนกกิน ซึ่งชาวบ้านเห็นแล้วหดหู่ใจยิ่งนัก
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าพื้นที่บริเวณใกล้กับแปลงของนายทุนห่างออกไปทางเหนือประมาณ 800 เมตร มีพื้นที่ที่มีการยกร่องปลูกปาล์มอายุราว 6 เดือน ในพื้นที่กว่า 400 ไร่ อยู่ในกลางป่าพรุเสม็ดขาว ซึ่งชาวบ้านระบุว่า เป็นอีก 1 แปลงที่สงสัยว่ามีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และในการดำเนินการขุดนั้นได้นำรถแบ็กโฮของหน่วยทหารพัฒนาภาค 4 กองบัญชาการทหารสูงสุดกองทัพไทย เข้ามาดำเนินการขุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อใช้พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นของนายทหารระดับเสนาธิการนายหนึ่งในหน่วยทหารพัฒนาภาค 4 พัทลุง ซึ่งเบื้องต้นทาง นายบัณฑิต สุภาไชยกิจ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าตรวจสอบ
ขณะที่ชาวบ้านท่าเนียน หมู่ 3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ยังระบุอีกว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่กว่า 140 ครอบครัว ในพื้นที่ดังกล่าวโดยอาศัยทำกินมานานกว่า 2 ชั่วอายุคน มีพื้นที่ทำกิน และสร้างบ้านที่อยู่อาศัย 5-10 ไร่ แต่เมื่อจะไปขอออกเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินโดยร้องขอมานานกว่า 3 ครั้งแล้ว แต่ทางที่ดินอำเภอปากพะยูนไม่เคยให้ความสนใจ