พัทลุง - ตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินป่าพรุเกาะนางคำ อ.ปากพะยูน พบพิรุธเพียบ ขณะเจ้าพนักงานที่ดินบ่ายเบี่ยงอ้างหาเอกสารต้นตอการขอออกเอกสารสิทธิไม่พบ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา ขณะที่ชาวบ้านอัดผู้ว่าฯ เพิ่งตื่น ทั้งที่ร้องเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มมีการบุกรุก จี้รับผิดชอบเหตุทำแหล่งทำรังวางไข่นกน้ำย่อยยับยากเกินฟื้นฟู
วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่นายทุนบุกรุกป่าเสม็ดขาว ป่าพรุฝืนสุดท้ายของ ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ที่เป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำกว่า 51 ชนิด โดยตัดทำลายต้นไม้ แล้วนำรถแบ็กโฮเข้าทำการปรับพื้นที่เพื่อยกร่องเตรียมปลูกปาล์มน้ำมัน
ล่าสุด นายบัณฑิต สุภาไชยกิจ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ลงพื้นที่สำรวจป่าพรุบ้านท่าเนียน ม.3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง อย่างต่อเนื่อง เพื่อสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากที่บริษัทปาล์มไทยพัฒนาได้เข้าไปทำการปรับพื้นที่ป่าเสม็ดจนได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง 450 ไร่ นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าพื้นที่จำนวนหนึ่งที่เป็นป่าเสม็ดขาวขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำที่เป็นจุดไข่แดงของฝืนป่ารังต้นเสม็ดที่เป็นแหล่งทำรังถูกตัดโค่นจนรังนกตกลงมาเกลื่อนพื้นที่จนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งมีการขุดคูน้ำขนาดกว้าง 2 เมตร บริเวณป่าพรุผืนนี้ในเนื้อที่ 920 ไร่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกสรุปรายงานความเสียหายไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดี่ยวกัน ฝ่ายนิติกรของสำนักงานกรมอุทยานฯ ได้เดินทางไปขอเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ที่สำนักงานที่ดิน เพื่อตรวจสอบหลักฐานการออกเอกสารสิทธิ แต่สำนักงานที่ดิน อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง พยายามบ่ายเบี่ยงว่าเอกสารต้นฉบับหายไป แผ่นรังวัดก็ยังหาไม่พบ แต่จากกการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่บริษัท ปาล์มไทยพัฒนา จำกัด นำมาอ้างนั้นพบว่า แนวเขตหลักหมุดปักแนวไม่ระบุตัวเลขหลักแต่อย่างใด และจากการสอบถามชาวบ้านที่อาศัยโดยรอบว่าก่อนหน้านี้เมื่อปี 2537 มีเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอปากพะยูน เคยลงมารังวัดพื้นที่ป่าพรุหรือไม่ ชาวบ้านต่างระบุว่า ไม่เคยเห็น เนื่องจากก่อนหน้านี้จนถึงปี 2540 พื้นที่ป่าพรุน้ำไม่เคยแห้ง ชาวบ้านต้องใช้เรือในการเดินทางเข้าป่าพรุเพื่อหาปลา และหาของป่าขายเท่านั้น
ซึ่งสำหรับเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ที่นายทุนนำมาอ้างสิทธินั้น มีนายเสถียร ไชยปุญโณ อยู่บ้านเลขที่ 22/1 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นผู้ครอบครองทั้งหมด โดยออกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2537 มีนายพิน อินทร์คง ปลัดอำเภอปากพะยูน รักษาการแทนนายอำเภอปากพะยูนเป็นผู้ลงลายมือชื่อออก น.ส.3 ก. มีนายชูชีพ ขวัญพัฒน์ ที่ดินอำเภอปากพะยูน เป็นผู้เซ็นอนุมัติในการออก น.ส.3 ก. ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพัทลุง สำนักงานที่ดินอำเภอปากพะยูน และปลัดอำเภอที่รับผิดชอบ เพื่อตรวจสอบปัญหาการบุกรุกป่าของของนายทุนดังกล่าว
ขณะที่ชาวบ้านระบุว่า นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด เพิ่งตื่นต่อปัญหาการบุกรุกป่าพรุของนายทุน แม้ก่อนหน้านี้ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ทางผู้ใหญ่บ้าน และกำนันตำบลเกาะนางคำ พร้อมชาวบ้านได้เดินทางมาร้องเรียน นับจากวันแรกที่นายทุนนำรถแบ็กโฮเข้าดำเนินการขุด แต่ผู้ว่าฯ กลับนิ่งเฉยไม่เห็นความสำคัญของป่าพรุฝืนสุดท้ายที่สร้างระบบนิเวศให้แก่ทะเลสาบสงขลา ไม่ระงับยับยั้งให้หยุดดำเนินการ และตรวจสอบพิสูจน์สิทธิให้แน่ชัด จนเวลาผ่านไป 1 เดือน พื้นที่ 450 ไร่ ของป่าเสม็ดขาวแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำได้รับความเสียหาย หลังจากชาวบ้านได้ร้องไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาตรวจสอบ ทำให้ทางบริษัทได้นำรถแบ็กโฮออกไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวผู้ว่าฯ ต้องออกมารับผิดชอบที่ปล่อยให้นายทุนบุกรุกได้จนถึงขนาดนี้