พัทลุง - กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช บินสำรวจป่าพรุ แหล่งที่อยู่อาศัยนกน้ำนานาชนิดในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน หลังเอกชนอ้างเอกสารสิทธินำเครื่องจักรกลหนักเข้าปรับพื้นที่ขุดป่าต้นเสม็ดขาว เตรียมปลูกปาล์มเกือบ 1 พันไร่ ด้านชาวบ้าน และอดีต กมธ.สิ่งแวดล้อม ถามป่าชุมชนแต่ออกเอกสารสิทธิได้อย่างไร
วันนี้ (4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ลงพื้นที่บินสำรวจป่าพรุ ซึ่งเป็นป่าเสม็ดขาว ที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกน้ำนานาชนิดในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ท้องที่ ม.3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง หลังจากพื้นที่ดังกล่าวทางบริษัทปาล์มไทยพัฒนา จำกัด อ้างเอกสารสิทธิ น.ส.3 ค. นำรถแบ็กโฮเข้าปรับพื้นที่ทำการยกร่องคันดินเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน โดยการขุดป่าเสม็ดขาวในพื้นที่ 920 ไร่
แม้ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านในพื้นที่ได้เข้าร้องต่อ นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และหน่วยทหารในพื้นที่ให้เข้าตรวจสอบ พร้อมระงับการขุดปรับที่ดินป่าพรุดังกล่าวแต่ก็ไร้ผล ทางจังหวัดยังนิ่งเฉย ทำให้กลุ่มบริษัทได้นำรถแบ็กโฮ จำนวน 8 คัน เข้าทำการขุดโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าพรุที่สมบูรณ์ฝืนสุดของอำเภอปากพะยูน และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาขนาดเล็กในการวางไข่ ก่อนว่ายลงสู่ทะเลสาบสงขลา รวมทั้งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกน้ำในการทำรังวางไข่ช่วงอพยพกว่า 51 ชนิด
ซึ่งจากการบินสำรวจพบว่า ทางบริษัทได้กำการขุดปรับพื้นที่ได้รับความเสียหายไปแล้ว 450 ไร่ โดยการยกคันร่องสูงพร้อมตัดถนนเข้าไปในป่าพรุเพื่อหวังปลูกปาล์มน้ำมัน แต่เมือคืนที่ผ่านมา หลังจากทางบริษัททราบข่าวว่า ทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบในวันนี้ทางบริษัทจึงได้ยกรถแบ็กโฮออกไปก่อนในช่วงค่ำคืน
ด้าน นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวหลังจากเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางที่ดินอำเภอปากพะยูน ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียวในหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารสิทธิพบว่า เป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อนหน้านี้ ทางอุทยานได้แจ้งเตือนด้วยวาจาให้ทางบริษัทยุติการขุด แต่ทางบริษัทยังดำเนินการโดยไม่เกรงกลัว ซึ่งหลังจากนี้ ตนในนามของกรมอุทยานฯ จะเข้าร้องต่ออัยการ เพื่อให้ศาลเข้าคุ้มครองให้ยุติ ก่อนที่จะมีการพิสูจน์สิทธิให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีตกรรมาธิการที่ดินและสิ่งแวดล้อมสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พื้นที่ป่าพรุบ้านท่าเนียน ในพื้นที่ ม.3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน พัทลุง เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้ทำมาหากินร่วมกันเนื่องจากเป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านอนุรักษ์มานานหลายสิบปี แต่นายทุนกลับมาออกเอกสารสิทธิได้อย่างไร ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลในระบบราชการของรัฐ จึงอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเพื่อเอาป่าอนุรักษ์คืนจากนายทุน
นอกจากนี้ ยังทราบอีกว่าบริเวณป่าเสม็ดขาวอีกแปลงหนึ่งเนื้อที่ 600 กว่าไร่ ในพื้นที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา กลุ่มนายทุนได้ออกเอกสารสิทธิไว้แล้วด้วยเช่นกัน เพียงรอจังหวะน้ำทะเลลดก็จะเข้าดำเนินการเหมือนแปลงนี้ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดอย่างนิ่งเฉย ช่วยกันตรวจสอบเอาพื้นที่ป่าพรุคืนเพื่อชาวบ้านจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
