xs
xsm
sm
md
lg

แฉ"เจริญ"ฮุบที่สปก.ทำรีสอร์ท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (9 ส.ค.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีมีการร้องเรียน สร้างรีสอร์ท ที่บริเวณน้ำผุดทับดาว โดยพบบ้านหลังใหญ่ ซึ่งชาวบ้านบอกว่าเป็นของนายเจริญ จรรย์โกมล อดีต รองประธานสภาฯว่า ตนได้ประสานขอข้อมูลจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ แต่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ จึงได้พยายามหารายละเอียดเกี่ยวกับการประกาศพื้นที่ป่าสงวนในบริเวณดังกล่าว และกลับไปพื้นที่ ใช้ระบบ จีพีเอสในพื้นที่บ้านของนายเจริญ ว่าจะทับกับพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ ปรากฏว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของ สปก. ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2537
นายวิลาศ กล่าวว่า พื้นที่ สปก. จะสร้างบ้านใหญ่ไม่ได้ เพราะใช้เป็นที่อยู่ และที่ทำกิน แต่สิ่งที่พบมีสิ่งก่อสร้างจำนวน 5 หลัง 3 หลังใหญ่เป็นที่พัก 1 หลังใหญ่ใช้จอดรถได้ประมาณ 6 คัน และ อีก1 หลัง ใช้สำหรับรับรองบรรจุได้ 200 คน จึงได้ตรวจสอบไปที่ สปก. พบว่าผู้ขอสิทธิคนแรกในการใช้ที่ดินดังกล่าว จำนวน 35 ไร่ 3 งาน คือนางสายตา ประเสริฐสาน และ มีพี่สาวชื่อบุญมา เปรมประยูร มีลูกสาวชื่อ นางเรวดี จรรย์โกมล เป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลห้วยยาง ท้องที่ที่ สปก.ดังกล่าวตั้งอยู่ โดยนางเรวดี เป็นภรรยาของ นายจันทร์สุข จรรย์โกมล ซึ่งเป็นพี่น้องต่างมารดากับนายเจริญ จรรย์โกมล จึงสรุปได้ว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ คือ น้องสาวแม่ยายของพี่ชายนายเจริญ
นอกจากนี้ยังพบว่า สปก. จัดพื้นที่ในปี 2537 แต่นางสายตาไม่ยอมรับสิทธิดังกล่าว เพราะโอนไม่ได้ นอกจากทายาทที่เป็นเกษตรกร แต่ถ้ายังถือสิทธิยังซื้อขายได้ ถ้าได้รับการยอมรับจากสปก. จึงไม่ยอมไปรับ สปก. จนเสียชีวิตในปี 2549 โดยในระหว่างที่ยังมีชีวิต ระหว่างปี 47-49 เริ่มมีการสร้างบ้านในพื้นที่ดังกล่าวผิดระเบียบ สปก. ที่ให้สร้างเฉพาะพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อการเกษตรกรรม อีกทั้งเมื่อนางสายตาเสียชีวิตแล้ว การก่อสร้างก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันว่า เคยเห็นนายเจริญ มาควบคุมการก่อสร้างด้วยตนเองบ่อยครั้ง
นายวิลาศ กล่าวเพี่มเติมว่า หลังจากนางสายตาเสียชีวิต มีการออกหนังสือรับรองสิทธิเพื่อใช้พื้นที่สปก.โดยนายสมศักดิ์ นำพา ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นกรรมการมูลนิธิน้ำผุดทับดาว เป็นคนสนิทของ นายเจริญ และระบุชื่อนายเจริญ จรรย์โกมล เป็นเจ้าของที่ดิน โดยครอบครองที่ดินมาแล้ว 19 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ นางสาวสายตา ได้รับสิทธิ แต่ลายเซ็นต์กลับไม่เหมือนลายเซ็นต์ปกติที่ นายเจริญใช้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ ที่ตั้งใจจะให้แตกต่าง เพื่อแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวข้องหากถูกจับได้
"ผมมั่นใจ ที่ดิน สปก.นี้เชื่อมโยงกับนายเจริญ น่าเชื่อว่า การออกใบรับรองเป็นเจ้าของที่ดินมีเจตนาไม่ชอบต่อที่ดินแปลงนี้ จึงขอแจ้งไปที่ สปก. ให้เวลา 30 วัน ให้เข้าไปรื้อสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด เพราะกฎหมายปฏิรูปที่ดินระบุว่า ต้องไม่ปลูกสร้างนอกเหนือโรงเรือน ยุ้งฉาง หรือสิ่งปลูกสร้างเพื่อเกษตรกรรม ไม่มีการระบุให้สร้างหมู่บ้าน และต้องหาผู้รับผิดชอบให้ได้ เพื่อดำเนินคดีคดีอาญา เหมือนกรณีอดีต ส.ส.ขุดดินในพื้นที่สปก. ที่บุรีรัมย์ ถ้านายเจริญไม่เกี่ยวข้อง ก็ต้องออกมาฏิเสธให้ชัดเจน เพราะคุณสมบัติไม่สามารถครอบครอง สปก.ได้อยู่แล้ว เนื่องจากคนที่ครอบครองได้ ต้องไม่มีรายได้ประจำ ประกอบอาชีพเกษตรกร และยากจน จึงต้องยกเลิกกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้ โดยเด็ดขาด" นายวิลาศ กล่าว
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า นอกจากรุกพื้นที่ สปก. 35 ไร่ 3 งานแล้ว ยังมีการตัดถนนความกว้าง 4 เมตร เข้าไป ในบริเวณดังกล่าวยาวไปสุดรั้วบ้านด้วย ไม่แน่ใจว่าเป็นการใข้งบของกระทรวงท่องเที่ยวในการปรับปรุงภูมิทัศน์น้ำผุดทับดาวเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยใช้มูลนิธิบังหน้า หรือว่างบส่วนตัว เพราะนายเจริญ ได้เป็นผู้เสนอของบดังกล่าวในสมัยที่เป็นประธานกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ
ดังนั้น ต้องดำเนินคดี เนื่องจากผิดกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ที่ไม่ให้ก่อสร้างเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหรือเสียหายต่อการที่ประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกรอื่น การสร้างถนนดังกล่าวถือเป็นความผิด ที่สำคัญคือ พื้นที่ของนายเจริญ อยู่ใกล้กับสวนรุกขชาติน้ำผุดทับดาว จึงต้องตั้งคำถามว่า หัวหน้าสวนฯ รู้เห็นเป็นใจด้วยใช่หรือไม่ ขอให้มีการย้ายด่วน ไม่เช่นนั้นก็จะดำเนินการต่อไป และจะมีการร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป
"ส่วนตัวท่านนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)นั้น ผมยังไม่ตัดสินใจว่า จะร้องเรียน หรือไม่ เพราะเคยร้องเรื่อง อดีตผู้ว่าฯเกี่ยวข้องกับการทุจริตเป็น สปช. ท่ายยังไม่ดำเนินการใดๆ จึงไม่มีความหวังอะไรกับนายกฯแล้ว เกี่ยวกับเรื่องการทุจริต และต่อไปผมจะแถลงให้ทราบว่าผมไม่เชื่อเรื่องปราบการทุจริต ตามที่นายกฯ ออกมาประกาศในหลายเรื่อง เพราะมีการใช้ มาตรา 44 ดำเนินการกับข้าราชการบางคนในเรื่องการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช แต่คนที่ทำผิดลักษณะเดียวกัน กลับได้เป็นสนช.”
นายวิลาศ ยังเปิดเผยด้วยว่า การหาข้อมูลของตน เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากมีกลุ่มชายฉกรรจ์ หลายสิบคนคอยคุมพื้นที่เข้าออกบริเวณบ้านของนายเจริญ อย่างเข้มงวด และมีชาวบ้านที่อยู่ในกลุ่มต่อต้านการตัดไม้รุกที่ในพื้นที่ ที่พาตนไปหาหัวหน้าสวนรุกขชาติ ก็ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บ เมื่อไปร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ สภ.ห้วยยอด กลับให้ลงบันทึกไว้ แต่ไม่มีการลงเลขคดี จึงมั่นว่าเรื่องนี้มีหลายกลุ่มเกี่ยวโยงกัน หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องการหลักฐานข้อมูลตนก็พร้อมที่จะให้ รวมถึงพยานชาวบ้านในพื้นที่ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น